x close

วิวัฒนาการของ iOS 1 ถึง iOS 13 จากอดีตสู่อนาคต พัฒนาไปแค่ไหน

          ย้อนดูวิวัฒนาการของ iOS 1 ถึง iOS 13 ระบบปฏิบัติการบนอุปกรณ์พกพาของแอปเปิล จากอดีตสู่อนาคต มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้างกับระบบปฏิบัติการ iOS

วิวัฒนาการของ iOS

          iOS ระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพาที่พัฒนาโดยแอปเปิล ถูกออกแบบมาให้ใช้งานบน iPhone, iPad หรือ iPod touch ถูกเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2007 พร้อมกับ iPhone รุ่นแรก (2G) ในตอนนั้นแอปเปิลยังไม่ได้ใช้ชื่อ iOS แต่เรียกระบบปฏิบัติการนี้ว่า iPhone OS ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น iOS ในภายหลัง สำหรับความพิเศษของ iOS ถูกออกแบบมาในระบบปิดผู้ใช้งานไม่สามารถปรับแต่งอะไรเพิ่มเติมได้เอง (นอกจากเจลเบรก) ซึ่งแตกต่างจากระบบปฏิบัติการบนอุปกรณ์พกพาอื่น ๆ เช่น Windows Phone ของไมโครซอฟท์ หรือ Android ของ Google ที่มีความอิสระและยืดหยุ่นกว่า

          วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาย้อนไปดูวิวัฒนาการของ iOS ตั้งแต่เวอร์ชั่นแรก จนถึง iOS 13 เวอร์ชั่นล่าสุด ที่ทางเว็บไซต์ ComputerWorld ได้รวบรวมเอาไว้ มาดูว่าระบบปฏิบัติการบนอุปกรณ์พกพาของแอปเปิลตัวนี้ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างในแต่ละเวอร์ชั่น ถ้าพร้อมแล้ว มาติดตามกันเลย

iOS 1 (iPhone OS)

วิวัฒนาการของ iOS

         สำหรับ iOS 1 ถูกเปิดตัวครั้งแรกที่งาน Macworld วันที่ 9 มกราคม 2007 พร้อมกับ iPhone รุ่นแรก และหลังจากนั้นก็ออกวางจำหน่ายพร้อม iPhone วันที่ 29 มิถุนายน 2007 สำหรับ iOS 1 มาพร้อมฟีเจอร์เด่น ๆ เช่น ระบบสัมผัสแบบมัลติทัช, voicemail, ท่องเว็บผ่าน Safari และดู YouTube แต่ iOS 1 ไม่ได้ฟรีสำหรับผู้ใช้งาน iPod touch จะต้องจ่ายเงิน $19.99 หรือประมาณ 690 บาท เพื่ออัปเดตเป็น iOS 1

iOS 2 (iPhone OS 2.0)

วิวัฒนาการของ iOS

          เปิดตัวครั้งแรกที่งาน WWDC 2008 (วันที่ 9 มิถุนายน 2008) และหลังจากนั้นก็ออกวางจำหน่ายพร้อม iPhone 3G วันที่ 11 กรกฎาคม 2008 โดยมีฟีเจอร์เด่น ๆ เช่น App Store, แผนที่พร้อม GPS และระบบแจ้งเตือนอีเมล และเหมือนเช่นเคยผู้ใช้ iPhone สามารถอัปเดตได้ฟรี แต่ผู้ใช้ iPod touch จะต้องจ่ายเงิน $9.95 หรือประมาณ 390 บาท เพื่ออัปเดต iOS 2.x

iOS 3 (iPhone OS 3.0)

วิวัฒนาการของ iOS

          เปิดตัวครั้งแรกที่งาน WWDC 2009 (วันที่ 8 มิถุนายน 2009) และหลังจากนั้นก็ออกวางจำหน่ายพร้อม iPhone 3GS วันที่ 19 มิถุนายน 2009 สำหรับเวอร์ชั่นนี้มาพร้อมฟีเจอร์เด่น ๆ อย่าง Voice Control, สามารถคัดลอกและวางข้อความ และส่ง MMS ได้ เหมือนเช่นเคยผู้ใช้ iPhone สามารถอัปเดตได้ฟรี แต่ผู้ใช้ iPod touch จะต้องจ่ายเงิน $9.95 หรือประมาณ 390 บาท เพื่ออัปเดต iOS 3.0 - 3.1 และ $4.95 หรือประมาณ 169 บาท สำหรับอัปเดต iOS 3.2

iOS 4

วิวัฒนาการของ iOS

          ถือว่าเป็นระบบปฏิบัติการรุ่นแรกของแอปเปิล ที่เปลี่ยนชื่อเรียกจาก iPhone OS มาเป็น iOS โดย iOS 4 เปิดตัวครั้งแรกที่งาน WWDC 2010 (วันที่ 7 มิถุนายน 2010) หลังจากนั้นก็ออกวางจำหน่ายพร้อม iPhone 4 วันที่ 21 มิถุนายน 2010 และมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจมากมาย เช่น Multitasking, โฟลเดอร์, FaceTime, iBook และ iOS 4.2.1 เป็นรุ่นแรกรองรับการใช้งานบน iPad มาถึงเวอร์ชั่นนี้ทุกอุปกรณ์ iOS ของแอปเปิล สามารถอัปเดตได้ฟรี

iOS 5

วิวัฒนาการของ iOS

          เปิดตัวพร้อม iPhone 4S ที่งาน WWDC 2011 (วันที่ 6 มิถุนายน 2011) และหลังจากนั้นก็ออกวางจำหน่ายพร้อม iPhone 4S วันที่ 12 ตุลาคม 2011 มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น Siri, iCloud, Notification Center, iMessage, Reminders และ Newsstand เป็นต้น

iOS 6

วิวัฒนาการของ iOS

          เปิดตัวพร้อม iPhone 5 และ iPad mini ที่งาน WWDC 2012 (วันที่ 11 มิถุนายน 2012) และออกวางจำหน่ายพร้อม iPhone 5 วันที่ 19 กันยายน 2012 สำหรับฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อม iOS 6 เช่น การเปลี่ยนไปใช้ระบบแผนที่ของแอปเปิลเอง, สามารถ Facetime ผ่านระบบเซลลูลาร์, ถ่ายภาพแบบพาโนรามา, คีย์บอร์ดภาษาไทยแบบ 4 แถว, Passbook, อินทิเกรท Facebook, รองรับ LTE และแอปฯ นาฬิกาสำหรับ iPad

iOS 7

วิวัฒนาการของ iOS

          อีกก้าวสำคัญของแอปเปิล ที่มีการยกเครื่องเปลี่ยนดีไซน์ของ iOS ใหม่ทั้งหมด เปิดตัวครั้งแรกที่งาน WWDC 2013 (วันที่ 10 มิถุนายน 2013) และปล่อยให้อัปเดตวันที่ 18 กันยายน 2013 โดยผู้ที่รับหน้าที่ดูแลการปรับโฉม iOS 7 ครั้งนี้ ก็คือ Jonathan Ive เปลี่ยนมาใช้ดีไซน์แบบ Flat Design, ไอคอนใหม่ทั้งหมด, มี Control Center, AirDrop, Photos, iTunes Radio และ CarPlay

iOS 8

วิวัฒนาการของ iOS

          สำหรับ iOS 8 เปิดตัวครั้งแรกที่งาน WWDC 2014 (วันที่ 2 มิถุนายน 2014) และปล่อยให้อัปเดตวันที่ 17 กันยายน 2014 พร้อมการเปิดตัว iPhone 6, 6 Plus และ iPad Air 2 โดยหน้าตาต่าง ๆ ของ iOS 8 ยังคงเหมือนกับ iOS 7 แต่ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม รวมถึงเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานต่าง ๆ เข้ามาอีกอย่างมากมาย เช่น iCloud Drive, Apple Pay, Apple Music, QuickType, Family Sharing และแอปฯ Health เป็นต้น

iOS 9

วิวัฒนาการของ iOS

          เปิดตัวครั้งแรกที่งาน WWDC 2015 (วันที่ 8 มิถุนายน 2015) และปล่อยให้อัปเดตวันที่ 16 กันยายน 2015 สำหรับเวอร์ชั่นนี้เน้นปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ดีขึ้นกว่าเดิม รวมถึงเปลี่ยนแปลงและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สะดวกสบายมากขึ้น โดยฟีเจอร์หลาย ๆ อย่างเรียนรู้จากพฤติกรรมผู้ใช้งาน เพื่อตอบสนองสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการมากที่สุด โดยฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อม iOS 9 เช่น Siri มีความแม่นยำและทำงานได้รวดเร็วกว่าเดิม, รองรับการใช้งาน 2 หน้าจอสำหรับ iPad, เพิ่มแอปฯ News, ปรับปรุงแอปฯ Note, Spotlight ให้สามารถค้นหาสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น

iOS 10

วิวัฒนาการของ iOS

          เปิดตัวครั้งแรกที่งาน WWDC 2016 (วันที่ 13 มิถุนายน 2016) และปล่อยให้อัปเดตวันที่ 13 กันยายน 2016 แอปเปิลบอกว่า iOS 10 มาพร้อมการปรับปรุงครั้งใหญ่ ภายในงานได้พูดถึง 10 ฟีเจอร์หลัก ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง เช่น อินเทอร์เฟซมีการปรับเปลี่ยนใหม่ให้ดูสวยงามขึ้นกว่าเดิม, ระบบแจ้งเตือนแบบใหม่, 3D Touch ที่ใช้งานได้หลากหลายขึ้น, รีดีไซน์แอปฯ Apple Maps, Apple Music และ News เป็นต้น

iOS 11

วิวัฒนาการของ iOS

          เปิดตัวครั้งแรกที่งาน WWDC 2017 (วันที่ 5 มิถุนายน 2017) และปล่อยให้อัปเดตวันที่ 19 กันยายน 2017 สำหรับเวอร์ชั่นนี้แอปเปิลได้ให้คำนิยามไว้ว่า "เป็นก้าวใหญ่สำหรับ iPhone ก้าวกระโดดสำหรับ iPad" โดยเน้นการปรับปรุงเพิ่มความสามารถรอบด้าน ตอบโจทย์การใช้งานให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยของใหม่ที่มาพร้อม iOS 11 ที่น่าสนใจ เช่น Siri สามารถแปลภาษาได้, ปรับปรุง Control Center ใหม่, Apple Pay รองรับการโอนเงินได้, เพิ่ม API สำหรับระบบ AR เทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่างความเป็นจริงและโลกเสมือน รวมถึงฟีเจอร์ป้องกันการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ

iOS 12

วิวัฒนาการของ iOS

          เปิดตัวครั้งแรกที่งาน WWDC 2018 (วันที่ 4 มิถุนายน 2018) และจะปล่อยให้อัปเดตในช่วงเดือนกันยายน 2018 หรือหลังจากเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ไปแล้ว สำหรับ iOS 12 ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยออกแบบมาเพื่อทำให้การทำงานประจำวันดำเนินไปอย่างรวดเร็วและตอบสนองฉับไวขึ้น iOS 12 จะเปลี่ยนวิธีการที่ผู้ใช้ iOS มองเห็นโลกโดยใช้ AR ทำให้การสื่อสารมีความสนุกสนานและสื่ออารมณ์ด้วย Memoji, Group FaceTime และ Screen Time ช่วยทำความเข้าใจและจัดการกับเวลาการใช้งานอุปกรณ์ iOS ลดการติดมือถือ นอกจากนี้ยัง iOS 12 เปิดตัว Siri Shortcuts ซึ่งจะทำให้ Siri สามารถทำงานร่วมกับแอปฯ ใดก็ได้

          และยังปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานทั่วทั้งระบบ ทำให้รวดเร็วขึ้นและตอบสนองไวขึ้น เช่น เปิดกล้องเร็วกว่าเดิมถึง 70%, คีย์บอร์ดปรากฏขึ้นเร็วกว่าเดิมถึง 50% และตอบสนองต่อการพิมพ์ไวขึ้น แม้ว่าเครื่องจะทำงานหนักอยู่ก็ตาม

iOS 13

iOS 13

         เปิดตัวครั้งแรกที่งาน WWDC 2019 (วันที่ 3 มิถุนายน 2019) และจะปล่อยให้อัปเดตในช่วงเดือนกันยายน 2019 หรือหลังจากเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ สำหรับเวอร์ชั่นนี้แอปเปิลยังคงเน้นไปที่ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้เร็วกว่า iOS 12 ช่วยให้การเปิดแอปฯ รวดเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า ลดขนาดของแอปฯ ที่ดาวน์โหลด และปลดล็อกด้วย Face ID เร็วขึ้นกว่าเดิม 30% รวมถึงเพิ่ม Dark Mode ที่หลายคนรอคอย ช่วยปรับลุคใหม่ให้กับ iPhone และยังปรับปรุงแอปฯ แผนที่ใหม่ ปรับข้อมูลการแสดงผลที่ละเอียดและสวยงามขึ้นกว่าเดิม

ภาพจาก ComputerWorld

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วิวัฒนาการของ iOS 1 ถึง iOS 13 จากอดีตสู่อนาคต พัฒนาไปแค่ไหน อัปเดตล่าสุด 31 กรกฎาคม 2562 เวลา 14:51:56 29,985 อ่าน
TOP