แอปเปิลเปิดตัว iOS 11 มีอะไรใหม่บ้าง ?

คลิกดูรูปใหญ่ได้ที่นี่

          แอปเปิลเปิดตัว iOS 11 เวอร์ชั่นใหม่ เน้นปรับปรุงความสามารถต่าง ๆ ให้รอบด้าน ตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม มาดูกันว่า iOS 11 มีอะไรใหม่บ้าง

          เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2560 ที่งาน WWDC 2017 แอปเปิลเปิดตัว iOS 11 ระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรุ่นล่าสุด ที่เรียกได้ว่าเป็นก้าวใหญ่สำหรับ iPhone ก้าวกระโดดสำหรับ iPad โดยเน้นการปรับปรุงเพิ่มความสามารถรอบด้าน ตอบโจทย์การใช้งานให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยของใหม่ที่มาพร้อม iOS 11 ที่น่าสนใจ เช่น Siri สามารถแปลภาษาได้, ปรับปรุง Control Center ใหม่, Apple Pay รองรับการโอนเงินได้, เพิ่ม API สำหรับระบบ AR เทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่างความเป็นจริงและโลกเสมือน รวมถึงฟีเจอร์ป้องกันการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ

1. ฟีเจอร์ใหม่เพียบสำหรับ iPad

          สำหรับ iOS 11 ดูเหมือนจะเน้นหนักไปที่ฟีเจอร์ใหม่ของ iPad ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานมากขึ้น มีฟีเจอร์หลาย ๆ ตัวที่น่าสนใจ ดังนี้

          - แอปฯ จัดการไฟล์ใหม่ที่รวบรวมเอาไฟล์ทั้งหมดไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเรียกดู ค้นหา หรือจัดระเบียบไฟล์ทั้งหมดก็ทำได้ง่าย ๆ ในที่เดียว และไม่ใช่แค่ไฟล์บน iPad แต่ยังรวมถึงไฟล์ในแอปฯ บนอุปกรณ์ iOS เครื่องอื่น ๆ เช่น iCloud Drive หรือบริการอื่น ๆ อย่าง Box และ Dropbox ก็มารวมอยู่ที่เดียวกัน

          - Dock แบบใหม่ ที่สามารถเพิ่มแอปฯ ได้มากกว่าเดิม รองรับการใช้งานในแนวนอน แค่ปัด ก็เปิดหรือสลับแอปฯ ได้ทันที และยังปรับแต่งให้มีแอปฯ ที่ชอบใช้งานได้มากขึ้นอีกด้วย แถม Dock ยังเปลี่ยนแปลงไปตามการทำงานของผู้ใช้ โดยจะแนะนำแอปฯ ให้อย่างชาญฉลาด เช่น แอปฯ ที่เพิ่งเปิดและเพิ่งใช้งานบน iPhone หรือ Mac ก็จะมาปรากฏอยู่ทางส่วนขวาของ Dock

          - มัลติทาสก์ ทำงานพร้อมกันหลายอย่างได้ดีกว่าเดิม สำหรับ iPad ที่ใช้ iOS 11 จะช่วยให้ทำงานมัลติทาสก์ได้ง่ายและสะดวกกว่าเดิม สามารถเปิดแอปฯ ที่สองจาก Dock ได้เลย โดยทั้งสองแอปฯ ก็จะยังทำงานอยู่ใน Slide Over และ Split View หรือจะลากแอปฯ ที่สองใน Slide Over ไปทางซ้าย แล้วจะกลับมายัง App Spaces ในแถบสลับแอปฯ ที่ออกแบบมาใหม่ก็ยังได้ สะดวกมากกว่าเดิม

          - Drag and Drop (ลากแล้วปล่อย) อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่รอกันมานาน ล่าสุดบน iOS 11 สามารถใช้ฟีเจอร์ Drag and Drop ไม่ว่าจะย้ายข้อความ รูปภาพ และไฟล์จากแอปฯ หนึ่งไปยังอีกแอปฯ ก็ทำได้ง่าย ๆ แถมยังออกแบบมาเพื่อจอภาพ Multi-Touch ขนาดใหญ่ของ iPad การจะลากโน่นลากนี่จึงทำได้ตามใจชอบ

          - Apple Pencil บน iOS 11 มีความสามารถมากกว่าใช้วาดรูป สำหรับ iPad Pro สามารถใช้งานได้อเนกประสงค์ มีประโยชน์มากขึ้นกับงานทุกประเภท ไม่ว่าจะจดโน้ต วาดภาพแทรกระหว่างข้อความ หรือแม้แต่ทำอะไรที่สร้างสรรค์ก็ตาม

          - สแกนแล้วเซ็นเลย คุณสมบัติใหม่อย่าง "เครื่องสแกนเอกสาร" ในแอปฯ โน้ต สามารถสแกนเอกสาร ครอบตัดขอบ และแก้ไขการเอียง หรือลบแสงสะท้อนได้ และยังสามารถใช้ Apple Pencil กรอกข้อมูลในช่องว่างหรือเซ็นได้อีกด้วย จากนั้นจะบันทึกหรือแชร์ก็ทำได้ง่าย ๆ

          - คีย์บอร์ด QuickType แบบใหม่ สามารถพิมพ์ตัวอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์ และเครื่องหมายวรรคตอนมาอยู่รวมกันในคีย์บอร์ดเดียวได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องสลับไปสลับมาอีกต่อไป เพียงตวัดนิ้วลงบนปุ่ม แล้วเลือกตัวอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์พิเศษที่อยู่ด้านบนคีย์บอร์ดได้

2. เทคโนโลยี AR

          iOS 11 มาพร้อม ARKit เฟรมเวิร์กใหม่ที่จะนำพาเทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่างความเป็นจริงและโลกเสมือนมาสู่อุปกรณ์ iOS หลายร้อยล้านเครื่อง ด้วยการเปิดโอกาสให้นักพัฒนาสร้างสรรค์ประสบการณ์ AR ที่ยากจะหาอะไรมาเปรียบได้ง่าย ๆ วัตถุและข้อมูลดิจิทัลจะรวมเข้าไปกับสิ่งที่อยู่รอบตัวคุณได้อย่างกลมกลืน เทคโนโลยีนี้จะทำให้แอปฯ กลายเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่แค่บนหน้าจออีกต่อไป ผู้ใช้งานจะมีอิสระในการโต้ตอบกับโลกแห่งความจริงด้วยวิธีใหม่หมด โดยเกมและแอปฯ ต่าง ๆ จะมอบประสบการณ์แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และนี่คือโลกแห่งจินตนาการที่อยู่ในโลกของความเป็นจริง

3. Apple Pay รองรับการโอนเงิน

          อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ถึงแม้จะใช้งานในประเทศไทยไม่ได้ แต่ในประเทศอื่น ๆ ที่รองรับ Apple Pay ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และใน iOS 11 บริการ Apple Pay รองรับการโอนเงินระหว่างบุคคลแล้ว โดยสามารถโอนผ่านทาง iMessage ฝ่ายที่รับเงินจะได้รับเป็น Apple Pay Cash Card และสามารถใช้ซื้อของหรือถอนเงินออกไปยังธนาคารได้

4. แอปฯ กล้อง ปรับปรุงใหม่

          แอปฯ กล้องบน iOS 11 เพิ่มฟิลเตอร์ใหม่ที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพช่วยยกระดับกล้องใน iPhone ขึ้นอีกขั้น ไม่ว่าจะภาพถ่ายบุคคลก็จะถ่ายทอดความรู้สึกได้มากขึ้น สีผิวก็จะดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วย แถมยังมีฟิลเตอร์ต่าง ๆ สำหรับทำให้ภาพถ่ายบุคคลดูคลาสสิกอีกด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูลเจเนอเรชั่นใหม่ที่ช่วยให้การภาพถ่ายคุณภาพเท่าเดิม แต่ได้ขนาดไฟล์ที่เล็กลงเหลือเพียงครึ่งเดียว ช่วยประหยัดพื้นที่บน iPhone ได้มากขึ้น

5. Live Photos มีลูกเล่นใหม่

          สามารถเปลี่ยนรูป Live Photos ให้กลายเป็นวิดีโอแบบวนลูปได้, ใช้รูปจาก Live Photos ทำเป็นภาพเล่นไปข้างหนัาและย้อนกลับไปมา และใช้ Live Photo ถ่ายภาพแบบเปิดรับแสงนาน ๆ เพื่อบันทึกรายละเอียดและความเคลื่อนไหว เพื่อสร้างเอฟเฟกต์สวย ๆ ที่ก่อนหน้านี้ทำได้เฉพาะกับกล้อง DSLR เท่านั้น

6. App Store แบบใหม่หมด

          หลังจากไม่ได้ปรับโฉมมานาน App Store บน iOS 11 มีการปรับโฉมใหม่ทั้งหมด แอปเปิลเคลมว่า App Store โฉมใหม่ จะช่วยให้ค้นหาแอปฯ และเกมใหม่ ๆ ได้ง่ายกว่าเดิม รวมถึงพบกับเรื่องราวประจำวันจากกูรูทั้งหลาย 

7. Siri ฉลาดกว่าเดิม แปลภาษาได้

          iOS 11 ยกระดับความฉลาดให้กับ Siri ผู้ช่วยส่วนตัวที่ทั้งอัจฉริยะและเป็นที่นิยมที่สุดในโลกให้มีประโยชน์มากกว่าเดิม โดยใช้การเรียนรู้ขั้นสูงของระบบปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งทำให้ Siri กลายเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานในทุก ๆ วัน เช่น การแปลภาษา ถ้าอยากพูดอะไรสักอย่างในภาษาจีน สเปน ฝรั่งเศส เยอรมัน หรืออิตาเลียน คุณก็แค่ถาม Siri เป็นภาษาอังกฤษ แล้ว Siri ก็จะแปลข้อความนั้นให้เอง และ Siri ยังเป็นดีเจส่วนตัว เรียนรู้จากการใช้ Apple Music ของผู้ใช้ก็จะรู้รสนิยมเพลงที่ชื่นชอบ เมื่อบอก Siri ให้เปิดเพลง ก็จะได้ฟังเพลงที่ชอบฟังเป็นประจำ และสามารถถาม Siri ได้ว่า ใครร้องเพลงนี้

          นอกจากนี้ iOS 11 ยังทำให้ Siri มีประโยชน์มากขึ้นอีก โดย Siri จะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากผู้ใช้งาน และยังเดาได้ว่าผู้ใช้ต้องการอะไร แถมยังแนะนำโน่นนี่ก่อนที่จะถามด้วยซ้ำ ถือว่าฉลาดขึ้นมาก ๆ

8. Apple Music ดูเพลงของเพื่อนที่ชอบฟังได้

          Apple Music บน iOS 11 จะทำให้คุณรู้ว่าเพื่อน ๆ ชอบฟังเพลง หรือค้นหาเพลงอะไรบ้าง โดยทุกคนจะมีโปรไฟล์ของตัวเองบน Apple Music ซึ่งสามารถดูเพลย์ลิสต์ที่เจ้าของโปรไฟล์แชร์เอาไว้ รวมถึงอัลบั้มและสถานีที่ฟังบ่อย ๆ ได้

9. AirPlay 2

          AirPlay 2 ระบบใหม่ที่ให้ผู้ใช้ควบคุมระบบเสียงในบ้านและลำโพงได้ทั่วทั้งบ้าน แถมยังเปิดเพลงให้ดังพร้อมกันจากทุกลำโพงได้ในทันที เมื่อลำโพงทุกตัวซิงก์กันไว้

10. Control Center แบบใหม่

          Control Center มีการปรับใหม่อีกครั้งบน iOS โดยปรับหน้าจอแบบใหม่ให้อยู่แค่หน้าเดียว และรวมทุกอย่างไว้ในนั้น เมื่อแตะที่โซนต่าง ๆ จะเห็นปุ่มควบคุมเพิ่มเติม และยังใช้ 3D Touch ในศูนย์ควบคุมเพื่อปลดล็อกคำสั่งได้มากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกปุ่มลัดต่าง ๆ ได้เพิ่มเติมอีกด้วย โดยทั้งหมดสามารถจัดการได้ที่เมนู Control Center ใน Settings

11. หน้าจอล็อก แสดงการแจ้งเตือนทั้งหมด

          หน้าจอล็อกปรับใหม่ ทำให้สามารถดูการแจ้งเตือนทั้งหมดได้ง่ายขึ้นแค่ดึงลง เหมือนดึงหน้าปกจากด้านบนของหน้าจอ ก็จะเห็นทั้งการแจ้งเตือนล่าสุดและที่ยังไม่ได้อ่านได้ในที่เดียวกัน

12. ฟีเจอร์ป้องกันการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ

          iOS 11 สามารถทำให้ iPhone รับรู้ได้แล้วว่าคุณกำลังขับรถอยู่หรือไม่ และจะคอยกันสายเรียกเข้า ข้อความ และการแจ้งเตือนเพื่อไม่ให้มารบกวนขณะขับรถ ส่วนคนที่พยายามติดต่อก็จะได้รับแจ้งโดยอัตโนมัติว่าคุณกำลังขับรถอยู่

13. ปรับปรุงแอปฯ แผนที่

          สามารถดูแผนที่ภายในอาคาร และคำแนะนำการใช้ช่องทางจราจร

14. คีย์บอร์ด QuickType พิมพ์ง่าย ๆ แค่มือเดียว

          คีย์บอร์ด QuickType ปรับปรุงใหม่ ให้สามารถใช้งานมือเดียวได้ แค่แตะที่ปุ่มอีโมจิค้างไว้ แล้วเลือกการพิมพ์ด้วยมือเดียว ปุ่มต่าง ๆ ก็จะขยับ เข้ามาใกล้นิ้วโป้งทันที เลือกได้ทั้งซ้ายและขวา

15. ตั้งค่าโดยอัตโนมัติ

          เพียงแค่ถือ iPhone หรือ iPad เครื่องใหม่ไว้ใกล้ ๆ อุปกรณ์ iOS หรือ Mac เครื่องที่คุณมีอยู่ การตั้งค่าส่วนตัว การตั้งค่าระบบ และรหัสผ่าน iCloud ทั้งหลายก็จะถูกอิมพอร์ตอย่างปลอดภัยและรวดเร็วทันที

16. อุปกรณ์ที่รองรับการอัพเดต iOS 11

          สำหรับ iOS 11 รองรับ iPhone 5s ขึ้นไป, ส่วน iPad รองรับตั้งแต่ iPad รุ่นที่ 5 และ iPad Air ขึ้นไป และ iPod touch รองรับรุ่นที่ 6 ขึ้นไป สามารถดูรายละเอียดฟีเจอร์อื่น ๆ ของ iOS 11 ได้ คลิกที่นี่            

          ทั้งนี้ iOS 11 เวอร์ชั่น Beta สำหรับนักพัฒนาสามารถดาวน์โหลดได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนเวอร์ชั่น Public Beta สำหรับคนทั่วไปจะปล่อยในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2560 สำหรับเวอร์ชั่นเต็มจะปล่อยให้อัปเดตพร้อมกันทั่วโลกในเดือนกันยายนช่วงงานเปิดตัว iPhone 8

ภาพจาก Apple