มือถือกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล ปี 2019 มีรุ่นไหนบ้าง เช็กเลย

          เช็กก่อนซื้อ มือถือกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล ปี 2019 มือถือกล้องหลัง 3 ตัว ที่มีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ในตลาดมือถือมีรุ่นไหน แบรนด์ไหนให้เลือกซื้อบ้าง

มือถือกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล

          เทรนด์มือถือปี 2019 นอกจากเรื่องของหน้าจอกับเทคโนโลยี 5G แล้ว เรื่องของกล้องถ่ายภาพยังคงพัฒนาและแข่งขันกันอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้เราจะเห็นมือถือที่มีกล้องหลัง 3 ตัว หรือ 4 ตัว ออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น ด้วยการนำของ Huawei nova 4 มือถือกล้องหลัง 3 เลนส์ ที่มีความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล เป็นรุ่นแรกของโลก เปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคม 2561 ทำให้ตอนนี้ในตลาดมือถือเต็มไปด้วยมือถือที่มีกล้องหลังคู่ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล จากหลากหลายแบรนด์

          สำหรับใครที่สนใจมือถือที่มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 48 ล้านพิกเซล วันนี้เรามาอัปเดตข้อมูลให้ทราบกัน ตอนนี้มีแบรนด์ไหน รุ่นไหน เปิดตัวมือถือกล้อง 48 ล้านพิกเซล ปี 2019 มาแล้วบ้าง มาติดตามกันเลย

1. Huawei nova 4

มือถือกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล

          มือถือซีรีส์ nova ที่เปิดตัวส่งท้ายปี 2018 ด้วยการอัปเกรดที่ดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งกล้องและสเปก โดยไฮไลต์ของรุ่นนี้อยู่ที่กล้องหลังที่มีถึง 3 เลนส์ พร้อมความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล และยังใช้เซ็นเซอร์ IMX586 รุ่นใหม่ของ Sony อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นมือถือรุ่นแรกของวงการมือถือที่มีกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล โดยใช้กล้องตัวแรก 16 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 117 องศา รูรับแสง f/2.2, กล้องตัวที่สอง 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ IMX586, รูรับแสง f/1.8 และกล้องตัวที่สาม 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 (16 + 48 + 2 ล้านพิกเซล)

          ด้านสเปกใช้หน้าจอขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+, ไม่มีรอยแหว่ง แต่เจาะรูฝังกล้องลงในหน้าจอแทน, สัดส่วนของขนาดจอและขนาดเครื่องคิดเป็น 91.8%, ใช้ซีพียู Kirin 970 พร้อม GPU Turbo 2.0, แรม 8GB, หน่วยความจำ 128GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย EMUI 9.0.1, มีสแกนลายนิ้วมือด้านหลัง, ตัวเครื่องไล่เฉดสีสวยงามด้วยวัสดุกระจก 3D และแบตเตอรี่ 3,750mAh รองรับชาร์จเร็ว

ราคา 16,990 บาท

2. Honor V20 หรือ  Honor View 20

มือถือกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล

          มือถือเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Honor มาพร้อมฟีเจอร์จัดเต็ม อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยประกอบกับสมรรถนะอันทรงพลังและดีไซน์การออกแบบที่เหนือชั้นกว่าใคร โดยใช้กล้องหลังคู่มีความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล เหมือนกับรุ่น Huawei nova 4 ส่วนกล้องตัวที่สองจะเป็นกล้อง 3D TOF (Time of Flight) ใช้สำหรับตรวจจับภาพวัตถุเกี่ยวกับความลึกแบบ 3D มีความแม่นยำสูงโดยใช้การวัดค่าผ่านแสงอินฟราเรดกว่า 300,000 จุด

          ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 19.25:9, สัดส่วนของขนาดจอและขนาดเครื่อง 91.82%, กล้องหน้าแบบเจาะรู 25 ล้านพิกเซล, ใช้ซีพียู Kirin 980 + GPU Turbo 2.0, พร้อมระบบระบายความร้อน Liquid cooling, แรม 6GB, หน่วยความจำ 128GB, กล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586 1/2-type (8.0 mm diagonal), เลนส์มุมกว้าง 78 องศา, มีฟังก์ชันปรับแสงแบบ 4-in-1 ช่วยให้การถ่ายภาพที่มีแสงน้อยได้ดีกว่าเดิมถึง 4 เท่า และรองรับ HDR ส่วนกรอบเป็นโลหะ ด้านหลังเป็นกระจก รวมถึงมีสแกนลายนิ้วมือ

ราคา 17,990 บาท (แรม 6GB + 128GB)

3. Redmi Note 7

มือถือกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล

          มือถือซีรีส์ Redmi ที่แยกตัวออกมาเป็นอีกแบรนด์ ในชื่อ Redmi by Xiaomi โดยรุ่นนี้เป็นมือถือระดับกลาง สเปกคุ้มค่า ในราคาสุดประหยัด ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ มีติ่งทรงหยดน้ำ (Waterdrop notch) ขอบจอบางเพียง 1.95 มิลลิเมตร, ใช้ซีพียู Snapdragon 660, แรมสูงสุด 6GB, หน่วยความจำ 32GB/64GB, รัน Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย MIUI 10 ส่วนไฮไลต์ของรุ่นนี้อยู่ที่กล้องหลังคู่ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2″ Samsung ISOCELL Bright GM1, รูรับแสงกว้าง f/1.8, 4-in-1 พิกเซล ที่สามารถถ่ายรูปภาพความละเอียดสูงถึง 12 ล้านพิกเซล, ขนาดพิกเซล 1.6μm, กล้องตัวที่สอง 5 ล้านพิกเซล, รองรับ Portrait และมี AI ส่วนกล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล

ราคาประมาณ 4,690 บาท

4. Vivo V15 Pro

มือถือกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล

          มือถือซีรีส์ V รุ่นใหม่ของ Vivo มาพร้อมกล้องหน้าป๊อปอัพความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (Pop-up Selfie) เรียกได้ว่าเป็นมือถือที่มีกล้องหน้าความละเอียดสูงสุดเป็นรุ่นแรกของโลก ทาง Vivo เคลมว่าสามารถเปิดใช้งานได้เร็วแค่ 0.46 วินาที และมีความแข็งแรงทนต่อแรงดึงและแรงบิดสูงสุดถึง 120 กิโลกรัม และผ่านการทดสอบกว่า 300,000 ครั้ง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ ตามสมัยนิยม โดยแบ่งออกเป็น 48 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซล พร้อม dual-tone LED flash และยังมีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ แน่นอนรุ่นนี้หน้าจอไม่มีติ่ง รอยบาก มากวนใจ เพราะกล้องหน้าถูกซ่อนอยู่ในรูปแบบป๊อปอัพ

          ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ Super AMOLED ขอบด้านบนบาง 2.2 มม. และขอบด้านล่างบาง 1.75 มม. คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 91.64% ใช้ซีพียู Snapdragon 675 AIE, แรม 6GB, หน่วยความจำ 128GB พร้อมโหมด Dual Turbo gaming, โหมด eSports สำหรับเล่นเกมออนไลน์ รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย Funtouch OS 9, สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ เคลมว่าปลดล็อกได้เร็วเพียง 0.37 วินาที และสแกนใบหน้าปลดล็อกเร็ว 0.55 วินาที ตัวเครื่องมีดีไซน์แบบ Spectrum Ripple Design เป็นการผสมผสานกันระหว่างการไล่เฉดสี และลวดลายต่าง ๆ บนตัวเครื่อง พร้อมแบตเตอรี่ 3,700mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว Dual-Engine

ราคา 14,999 บาท

5. Xiaomi Mi 9

          มือถือเรือธงรุ่นใหม่ของ Xiaomi ประจำปี 2019 ยังคงคอนเซ็ปต์มือถือสเปกจัดเต็ม ฟีเจอร์อัดแน่น ในราคาที่คุ้มค่าเหมือนเดิม ด้านสเปกมีหน้าจอ 6.39 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ Super AMOLED กระจก Corning Gorilla Glass 6 ติ่งทรงหยดน้ำ คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 90.7% ขอบด้านล่างเล็ก 3.6 มม. แคบลงกว่า Mi 8 ถึง 40% ใช้ซีพียูรุ่นใหม่ Snapdragon 855 ผลิตที่ 7 นาโนเมตร พร้อม Game Turbo และ real-time CPU/GPU/FPS monitoring, แรมสูงสุด 8GB รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย MIUI 10

           และเป็นมือถือรุ่นแรกของ Xiaomi ที่มีกล้องหลัง 3 ตัว (48MP+12MP+16MP) โดยกล้องหลักมีความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX586 พร้อม Laser Autofocus, Phase Detection Auto focus (PDAF) และ Contrast Detection Autofocus (CAF), closed-loop Voice Coil Motor (VCM) for improved auto-focusing, กล้องตัวที่สอง 12 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung S5K3M5 (Telephoto) รองรับการซูม 2 เท่า และกล้องตัวที่สาม 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX481 เลนส์มุมกว้าง 117 องศา และกล้องของรุ่นนี้ยังได้รับคะแนนการถ่ายภาพจาก DxOMark ถึง 112 คะแนน คะแนนวิดีโอ 99 คะแนน ส่วนคะแนนรวมอยู่ที่ 107 คะแนน ทำให้ Xiaomi Mi 9 ขึ้นเป็นมือถือกล้องดีที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก

ราคาเครื่องหิ้ว 18,700 บาท (แรม 6GB + 128GB), 20,100 บาท (แรม 8GB + 128GB)

6. Xiaomi Mi 9 SE

มือถือกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล

          นอกจาก Xiaomi จะเปิดตัว Xiaomi Mi 9 ที่เป็นรุ่นเรือธงแล้ว Xiaomi ยังเปิดตัวรุ่นรองเรือธงมาอีกด้วย ยังคงใช้ชื่อรุ่นที่ตามด้วย SE คือ Xiaomi Mi 9 SE สานต่อจาก Xiaomi Mi 8 SE โดยรุ่นนี้มีหน้าตาคล้ายกับรุ่นเรือธงใช้ดีไซน์ Holographic เหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่สเปกที่ถูกปรับให้เหมาะสม มาพร้อมหน้าจอติ่งหยดน้ำขนาด 5.97 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+, คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 90.4%, มือถือรุ่นแรกที่ใช้ซีพียู Snapdragon 712, แรม 6GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB, กล้องหลัง 3 ตัว เลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX586 ตัวที่สอง 8 ล้านพิกเซล และตัวที่สาม 13 ล้านพิกเซล เป็นเลนส์มุมกว้าง (Ultra-wide)

ราคาประมาณ 9,290 บาท

7. ZTE Axon 10 Pro 5G

มือถือกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล

          หลังจากเงียบหายไปจากวงการมือถือนานพอสมควร ล่าสุดที่งาน Mobile World Congress 2019 แบรนด์มือถือชื่อดังจากจีนอย่าง ZTE ก็กลับมาเปิดตัวมือถือใหม่อีกครั้ง ได้เปิดตัว ZTE Axon 10 Pro 5G มือถือเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดในซีรีส์ Axon ที่สานต่อจาก ZTE Axon 9 Pro มาพร้อมสเปกจัดเต็ม รองรับ 5G เป็นรุ่นแรกของแบรนด์ โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำระดับโลกอย่าง China Unicom, Elisa และ Hutchison Drei Austria

          ด้านสเปกมาพร้อมซีพียู Snapdragon 855 จับคู่กับโมเด็ม Snapdragon X50 5G, แรม 6GB, หน่วยความจำ 128GB, AI Performance Engine เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้งาน โดยเฉพาะการเล่นเกมและโหลดคลิปวิดีโอด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ยังมาพร้อมดีไซน์สุดหรู เครื่องสแกนลายนิ้วมือฝังในจอที่ทำงานอย่างรวดเร็วและแม่นยำ คุณภาพเสียงอันโดดเด่น รวมถึงเทคโนโลยีกราฟิก Axon Vision ที่ให้ภาพถ่ายและวิดีโอคุณภาพสูงด้วยกล้องหลัง 3 ตัว เลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซล + 20 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล, F1.8, กันสั่น OIS และกล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล

ราคายังไม่เปิดเผย

8. Redmi Note 7 Pro

มือถือกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล

          มือถือระดับกลาง สเปกสุดคุ้มอีกรุ่นของ Redmi ที่อัปเกรดสเปกบางส่วนให้ดีกว่า Redmi Note 7 แต่ยังคงไว้ถึงความคุ้มค่ากับมือถือราคาไม่เกิน 10,000 บาท ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ มีติ่งทรงหยดน้ำ (Dot Notch Display), ใช้ซีพียู Snapdragon 675 AIE, แรมสูงสุด 6GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB, รัน Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย MIUI 10 ส่วนไฮไลต์ของรุ่นนี้อยู่ที่กล้องหลังคู่ความละเอียด 48 + 5 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์ Sony IMX586 ตัวเดียวกับ Xiaomi Mi 9, รูรับแสงกว้าง f/1.79, ใช้เทคโนโลยี 4-in-1 Super Pixel ทำให้มีขนาดพิกเซลใหญ่ถึง 1.6μm โดยได้ภาพคมชัดที่มีความละเอียดสูงถึง 12 ล้านพิกเซล, ใช้เลนส์ 6 ชิ้น, PDAF, กันสั่น EIS สำหรับการถ่ายวิดีโอ, รองรับ Portrait และมี AI Dual ส่วนกล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล พร้อมฟีเจอร์ AI Portrait selfie, AI beautify, AI Scene detection, Studio Lighting selfie และ AI face unlock

ราคาประมาณ 6,190 บาท

9. OPPO F11 Pro และ OPPO F11

มือถือกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล

          มือถือซีรีส์ F รุ่นใหม่ มาพร้อมกล้องหน้าสไลด์ (Rising Camera) 16 ล้านพิกเซล หน้าจอ 6.5 นิ้ว Panaromic Screen ไร้รอยบาก ขอบจอบางเฉียบสวยงาม ความละเอียด Full HD+, มีสัดส่วนพื้นที่การใช้งานถึง 90.9%, ซีพียู MediaTek Helio P70 12nm, แรม 6GB, หน่วยความจำ 64GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ColorOS 6.0, กล้องหลังคู่ 48 + 5 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด Ultra Night, Dazzle Color, AI Engine และ Ultra-clear Engine ที่สามารถถ่ายภาพ Portrait ได้ แม้อยู่ในที่แสงน้อย และแบตเตอรี่มีความจุ 4,000mAh รองรับ VOOC Flash Charge 3.0

ราคา 10,990 บาท

10. Meizu Note 9

มือถือกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล

          มือถือสเปกระดับกลางรุ่นใหม่ของ Meizu สานต่อจาก Meizu Note 8 อัปเกรดสเปกใหม่ เพิ่มความละเอียดกล้องหลัง มาพร้อมหน้าจอ 6.2 นิ้ว ความละเอียด Full HD+, ติ่งทรงหยดน้ำ คิดเป็นสัดส่วนการใช้งาน 89.23% ขอบด้านล่าง 5.35 มม., ขอบด้านบน 3 มม. และขอบหน้าจอบาง 3.1 มม. ใช้ซีพียู Snapdragon 675, แรมสูงสุด 6GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB, รัน Android  9.0 (Pie) ครอบทับด้วย Flyme 7.2, กล้องหลังคู่ 48 + 5 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung GM1, รูรับแสง f/1.7 พร้อมฟีเจอร์ AI, กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล พร้อม Face recognition 3.0 และแบตเตอรี่ 4,000mAh ที่รองรับการชาร์จเร็ว 18 วัตต์

ราคาประมาณ 6,690 บาท

11. Xiaomi Black Shark 2

Xiaomi Black Shark 2

           มือถือเกมมิ่งรุ่นใหม่ ดีไซน์ไม่ต่างจาก Black Shark Helo และ Black Shark แต่รุ่นนี้ได้อัปเกรดสเปกให้แรงขึ้น มาพร้อมหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเป็น 6.39 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+, รองรับ HDR, หน้าจอมีเซ็นเซอร์ที่สามารถแยกแยะแรงกดได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มปุ่มคำสั่งพิเศษในเกมได้ 2 ปุ่ม ได้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของหน้าจอ, ซีพียู Snapdragon 855, แรมสูงสุด 12GB, ระบบระบายความร้อนรุ่นใหม่ Liquid cooling 3.0 ที่สามารถลดอุณหภูมิของซีพียูได้ถึง 14 องศา, สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ, กล้องหลังคู่ 48 + 12 ล้านพิกเซล รองรับการซูม 2 เท่า แบบ optical, กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 27 วัตต์ ชาร์จแค่ 5 นาที สามารถเล่นเกมได้ 30 นาที

ราคาประมาณ 15,000 บาท

12. Nokia X71

Nokia X71

          มือถือระดับกลางรุ่นใหม่ของ Nokia มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล เลนส์ ZEISS รุ่นแรกของโนเกีย มาพร้อมหน้าจอรู Punch Hole Display พร้อมเทคโนโลยี PureDisplay ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ขอบจอบางเฉียบ คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 93% ใช้ซีพียู Snapdragon 660 AIE Octa-Core 2.2GHz, แรม 6GB, หน่วยความจำ 128GB, รองรับ microSD สูงสุด 256GB, รัน Android 9 Pie, ดีไซน์ตัวเครื่องสวยงามตัดขอบด้วยสีทอง, มีสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง และแบตเตอรี่ 3,500mAh รองรับชาร์จเร็ว 18 วัตต์

ราคาประมาณ 12,000 บาท

13. OPPO Reno

OPPO Reno

          มือถือสเปกระดับเรือธงที่มาพร้อมหน้าจอแบบไร้ขอบและกล้องหน้าแบบป๊อปอัพ โดยกล้องหน้าจะสไลด์ขึ้นมาตอนที่เปิดโหมดกล้องหน้า ส่วนลำโพงนั้นก็ถูกนำไปไว้รวมกับกล้องหน้าเช่นกัน ทำให้ได้หน้าจอแบบไร้ขอบโดยไม่ต้องมีติ่ง OPPO Reno จะมีแบ่งออกเป็น 2 รุ่นคือ Standard Edition มาพร้อมกล้อง 2 เลนส์ ส่วนรุ่น 10x Hybrid Optical Zoom Edition จะมาพร้อมกล้อง 3 เลนส์และความสามารถในการซูม 10 เท่า ถึงแม้จะซูมไม่ได้มากถึง 50 เท่าอย่าง Huawei P30 Pro แต่ก็ถือว่าซูมได้มากกว่ามือถือทั่วไปในตลาด รวมทั้งมีระบบกันสั่น OIS ที่ทำให้สามารถถ่ายภาพได้สบาย ๆ แม้มือไม่นิ่ง

ราคาประมาณ 14,200 บาท

14. Lenovo Z6 Pro

Lenovo Z6 Pro

           มือถือเรือธงรุ่นใหม่ ที่จัดเต็มทั้งสเปก กล้อง และฟีเจอร์แบบครบครัน มาพร้อมหน้าจอ 6.39 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 19.5:9 ติ่งทรงหยดน้ำ รองรับ HDR10 และ DCI-P3 รวมถึงระบบสแกนนิ้วมือบนหน้าจอ ดีไซน์ตัวเครื่องใช้วัดสุโลหะกับกระจก มีความเงางามและไล่เฉดสีสวยดูสะดุดตา รุ่นนี้ใช้ซีพียู Snapdragon 855 มีโหมด Game Turbo ที่จะช่วยเข้ามาจัดการในเรื่องของการเล่นเกมให้ลื่นไหล และยังมีระบบระบายความร้อน Liquid Cooling มีแรมสูงสุด 12GB หน่วยความจำสูงสุด 512GB รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ZUI 11 พร้อมแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับการชาร์จเร็ว 27 วัตต์ ชาร์จแค่ 15 นาที เล่นเกมได้นาน 2 ชั่วโมง

ราคาประมาณ 13,900 บาท

15. Meizu 16s

          มือถือระดับเรือธงรุ่นใหม่ สานต่อจาก Meizu 16 และ Meizu 16 Plus อัปเกรดสเปกใหม่ ทั้งหน้าจอและกล้องให้ทันสมัยตามยุค ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.2 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด Full HD+ หน้าจอไม่มีติ่ง ขอบจอบาง 4.2 มม. คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 91.53%, ซีพียู Snapdragon 855, แรมสูงสุด 8GB, หน่วยความจำ 128GB/256GB, มีโหมด Hyper Gaming, รัน Flyme OS 8 พัฒนาจาก Android Pie พร้อม One Mind 3.0 AI, กล้องหลังคู่ 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586, กันสั่น OIS, มี Night mode + 20 ล้านพิกเซล เลนส์ Telephoto เซ็นเซอร์ Sony IMX350, กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล ปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้า 0.2 วินาที, มี AI beauty รุ่นนี้ยังคงใช้สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ มีแบตเตอรี่ 3,600mAh รองรับชาร์จเร็ว mCharge 24 วัตต์

มือถือ 5G ปี 2019 มือถือรองรับ 5G เช็กเลย มีรุ่นไหนบ้าง

หมายเหตุ: ราคามือถืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับร้านที่วางจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อทุกครั้ง

สนใจให้ Kapook.com รีวิวสินค้ามีสเปก จัดทำวิดีโอโปรโมต หรือ Content และ Social Marketing คลิกดูรายละเอียดกันเลย

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
มือถือกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล ปี 2019 มีรุ่นไหนบ้าง เช็กเลย อัปเดตล่าสุด 24 เมษายน 2562 เวลา 15:04:51 23,966 อ่าน
TOP
x close