10 มือถือมาแรงน่าซื้อน่าใช้ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2561 ใครกำลังมองหามือถือใหม่ เดือนนี้มีมือถือให้เลือกหลายราคา รุ่นไหนเด็ด รุ่นไหนโดน มีรุ่นไหนบ้าง มาดูกันเลย
สวัสดีเดือนพฤศจิกายน เหลืออีกเพียงเดือนเดียวก็จะก้าวสู่ปีใหม่อีกแล้ว และแน่นอนเดือนนี้เรากลับมาอัปเดตกันเหมือนเดิมกับมือถือน่าซื้อประจำเดือน สำหรับเดือนนี้มีมือถือใหม่และมือถือที่น่าสนใจเข้ามาวางจำหน่ายหลายรุ่นด้วยกัน โดยเฉพาะมือถือที่หลายคนรอคอยอย่าง iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR ก็เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว รวมถึง Huawei Mate 20/20 Pro/20X มือถือซีรีส์ Mate รุ่นใหม่ ก็วางจำหน่ายแล้วเช่นกัน สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือใหม่ เดือนนี้มีมือถือที่น่าสนใจหลายรุ่น หากกำลังตัดสินใจไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อรุ่นไหนดี เราคัดมาให้แล้ว
วันนี้กระปุกดอทคอมมีมือถือ 10 รุ่นที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในตลาดมือถือ น่าซื้อน่าใช้ประจำเดือนพฤศจิกายน 2561 มาแนะนำ เพื่อเป็นตัวเลือกในการเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น
สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2018 ของแอปเปิล เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่อัปเกรด และปรับปรุงมาจาก iPhone X นั่นเอง โดยรุ่นนี้เน้นไปที่การอัปเกรดสเปก เพิ่มประสิทธิภาพให้ทำงานได้ดีกว่าเดิมตามสไตล์แอปเปิล มาพร้อมซีพียู Apple A12 Bionic เป็นซีพียูโทรศัพท์มือถือตัวแรกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร โดย 2 คอร์ประมวลผลการทำงานเร็วขึ้นสูงสุด 15% และ 4 คอร์ประหยัดพลังงานใช้พลังงานน้อยลงสูงสุด 50% และประสิทธิภาพกราฟิกเร็วขึ้นสูงสุด 50% เมื่อเทียบกับซีพียู A11 Bionic
ในส่วนกล้องคู่ของ iPhone XS และ XS Max ถูกปรับปรุงใหม่อีกครั้ง โดยผสานการทำงานร่วมกันกับ ISP, Neural Engine และอัลกอริทึม ช่วยให้การถ่ายภาพสวยงามมากกว่าเดิม แบ่งออกเป็นเลนส์ Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/1.8, เลนส์ telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.4 ทั้งคู่ มีระบบกันสั่น OIS ระบบป้องกันภาพสั่นไหวคู่แบบออปติคอล และการซูมแบบออปติคอล 2 เท่า เป็นต้น
ราคา 39,900 บาท (iPhone XS) และราคา 43,900 บาท (iPhone XS Max) ดูรายละเอียดราคาและโปรโมชั่นอื่น ๆ คลิกที่นี่
2. iPhone XR
เป็น iPhone ที่เรียกว่าเป็นรุ่นที่มีราคาถูกที่สุดเลยก็ว่าได้ มาพร้อมหน้าจอ 6.1 นิ้ว หน้าจอแบบ LCD (326ppi) แอปเปิลเรียกหน้าจอนี้ว่า Liquid Retina HD เคลมว่าเป็นหน้าจอ LCD ที่ดีที่สุด ใช้ซีพียู A12 Bionic ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร พร้อม Neural Engine รุ่นที่ 2, กล้องหลังตัวเดียว 12 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพบุคคล (Portrait) โดยใช้กล้องเลนส์เดี่ยว, ตัวเครื่องใช้วัสดุกรอบอะลูมิเนียม ด้านหลังเป็นกระจก มีให้เลือกถึง 6 สี, มี Face ID, กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 และแบตเตอรี่ที่เคลมว่าใช้งานได้นานกว่า iPhone 8 Plus ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง
ราคา 29,900 บาท
มือถือกล้อง 3 เลนส์ที่มาพร้อม AI มีหน้าจอแบบไร้ขอบทั้งสองรุ่น โดยหน้าจอของ Mate 20 จะมีขนาดใหญ่กว่าและมีรอยบากเล็กกว่า Mate 20 Pro แต่ Mate 20 Pro จะมีสเปกที่สูงกว่า ลำโพงจะถูกย้ายไปไว้ที่ขอบเครื่องแทน พร้อมทั้งเปิดตัว SD card แบบใหม่ของ Huawei โดยเฉพาะ มีชื่อว่า nanaSD card สำหรับใช้ใส่เพิ่มความจุให้ Mate 20 และ Mate 20 Pro
Huawei Mate 20 มาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 18.7:9 ใช้ซีพียู Kirin 980 Octa-core จีพียู Mali-G76 720MHz แรม 4/6GB ความจุ 128GB (รองรับ nanoSD) แบตเตอรี่ 4,000mAh มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง มีช่องหูฟัง 3.5 มม. ไม่มีคุณสมบัติกันน้ำ รัน Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย EMUI 9.0
Huawei Mate 20 Pro มาพร้อมหน้าจอโค้ง OLED ขนาด 6.39 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 ใช้ซีพียู Kirin 980 Octa-core จีพียู Mali-G76 720MHz แรม 6GB ความจุ 128GB (รองรับ nanoSD) แบตเตอรี่ 4,200mAh รองรับชาร์จไร้สาย มีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วแบบฝังในหน้าจอ ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. กันน้ำ IP68 Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย EMUI 9.0
ราคา 24,990 บาท (Mate 20) และราคา 31,990 บาท (Mate 20 Pro)
Mate 20 X มือถือที่เน้นเจาะกลุ่มคนชอบเล่นเกม มีดีไซน์เดียวกับ Mate 20 มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาดใหญ่จัดเต็มถึง 7.2 นิ้ว ความละเอียด FHD+ มีรอยบากเป็นติ่งเล็ก ๆ เหมือนของ Mate 20 เนื่องจากไม่มีเซ็นเซอร์สแกน 3D อย่าง Mate 20 Pro แถมยังรองรับการใช้งานร่วมกับปากกาสไตลัสอีกด้วย
จุดเด่นของ Huawei Mate 20 X ก็คือ เทคโนโลยี GPU Turbo 2.0 ที่จะช่วยเร่งความเร็วและความแรงเพื่อให้เล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งลำโพงสเตอริโอที่ขอบทั้ง 2 ข้างของตัวเครื่อง เพื่อประสบการณ์ที่ดีในการเล่นเกมและชมภาพยนตร์ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Huawei Supercool สำหรับช่วยระบายความร้อน ทำให้เครื่องเย็นอยู่ตลอดเวลา เล่นเกมได้ลื่นไหลไม่กระตุก นอกจากนี้ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000mAh ทำให้เล่นเกมต่อเนื่องได้ยาวนานกว่าเดิม
ราคา 28,990 บาท (แรม 6GB + 128GB)
5. vivo Y81i
มือถือราคาประหยัดที่ปรับลดสเปกมาจาก vivo Y81 มาพร้อมหน้าจอแหว่ง 6.22 นิ้ว ความละเอียด HD+, อัตราส่วน 19:9, เพิ่มมุมมองการมองเห็น 15.5% หรือคิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 87.9%, ซีพียู MediaTek MT6761 Octa-Core, แรม 2GB, หน่วยความจำ 16GB, รองรับ microSD Card, รัน Android 8.1 Oreo ครอบทับด้วย FunTouch 4.0, กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล, LED flash, กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล รวมถึงมีโหมดมอเตอร์ไซค์เพื่อป้องกันการโทร. ตอนขี่มอเตอร์ไซค์ได้ และแบตเตอรี่ 3,260mAh
ราคา 4,499 บาท
มือถือรุ่นใหม่ในตระกูล View Series (วิว ซีรีส์) มาพร้อมหน้าจอ 5.93 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 19:9 กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล กล้องหลังคู่ 12 + 5 ล้านพิกเซล ที่ช่วยเบลอภาพพื้นหลัง และโฟกัสภาพอย่างเฉียบคม พร้อมโหมด Live AR Filters ระบบสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกเครื่อง ที่รวดเร็ว ปลอดภัย และแม่นยำ ด้านสเปกใช้ซีพียู Snapdragon 450 Octa-Core 1.8GHz, หน่วยความจำภายใน 32GB, แรม 3GB, รองรับ microSD ได้ถึง 256GB ความจุแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับการใช้งานได้อย่างยาวนาน ดีไซน์สวยพรีเมียมไล่เฉดสีตามสมัยนิยม มีให้เลือก 3 ได้แก่ สีดำแอนทราไซต์ (Anthracite), สีทอง (Gold) และสีลาเวนเดอร์ บลีน (Lavender Bleen)
ราคา 4,990 บาท
มือถือ 4 กล้องรุ่นใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่ มาพร้อมดีไซน์ 3D ARC ขอบตัวเครื่องโค้งมนสวยงาม พร้อมไฉ่เฉดสีตัวเครื่องตามสมัยนิยม หน้าจอใหญ่ 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+, ซีพียู Kirin 710 พร้อมเทคโนโลยี GPU Turbo, แรมสูงสุด 6GB, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย EMUI 8.2, กล้องหน้า 16 + 2 ล้านพิกเซล, กล้องหลัง 13 + 2 ล้านพิกเซล รองรับเทคโนโลยี AI, มีสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint 4.0) ด้านหลังตัวเครื่อง เคลมว่าปลดล็อกได้เร็วแค่ 0.3 วินาที และแบตเตอรี่ 4,000mAh
ราคา 6,990 บาท
มือถือเกมมิ่งรุ่นใหม่ สานต่อความแรงจาก Razer Phone รุ่นแรก โดยรุ่นนี้เน้นปรับปรุงไปที่สเปก หน้าจอ และกล้องถ่ายภาพให้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ยังคงเป็นมือถือที่เน้นเล่นเกมโดยเฉพาะเหมือนเดิม มาพร้อมหน้าจอ 5.72 นิ้ว IGZO LCD ความละเอียด Quad HD เป็นหน้าจอแบบ 120Hz UltraMotion สามารถแสดงภาพได้ลื่นไหล เหมาะกับการเล่นเกม รองรับ Wide Color Gamut และ HDR ใช้ซีพียูรุ่นยอดฮิต Snapdragon 845 พร้อมระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling แรม 8GB (LPDDR4X), หน่วยความจำ 64GB, รองรับ microSD สูงสุด 1TB, รัน Android 8.1, ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 และลำโพงสเตอริโอรองรับระบบเสียง Dolby ATMOS
ราคา 27,990 บาท
9. Realme 2 Pro
Realme แบรนด์ลูกของ OPPO ส่งมือถือรุ่นใหม่สู่ประเทศไทย มาพร้อมหน้าจอทรงหยดน้ำตามสมัยนิยม โดยทาง Realme เรียกหน้าจอแบบใหม่นี้ว่า Dewdrop Full Screen มีขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ มีพื้นที่การใช้งาน 90.8%, กระจก Gorilla Glass, ซีพียู Snapdragon 660 AIE, แรม 6GB, หน่วยความจำ 64GB, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย ColorOS 5.2, กล้องหลังคู่ 16 + 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7, มี AI scene recognition, กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล พร้อม AI Beauty และแบตเตอรี่ 3,500mAh
ราคา 6,590 บาท (แรม 4GB + 64GB)
Samsung สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการมือถืออีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Samsung Galaxy A9 (2018) มือถือระดับกลาง ที่มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว เป็นรุ่นแรกของโลก 8 + 10+ 24 + 5 ล้านพิกเซล มีสเปกสุดคุ้ม หน้าจอใหญ่ 6.3 นิ้ว แบบ Infinity Display Super AMOLED ความละเอียด Full HD+ พร้อมฟีเจอร์ Always Active Screen, ซีพียู Snapdragon 660 Octa-Core 2.2GHz, แรม 6GB และ 8GB, หน่วยความจำ 128GB, รองรับ microSD สูงสุด 512GB, รองรับ 2 ซิม, รัน Android 8.0 Oreo และแบตเตอรี่ 3,800mAh รองรับชาร์จเร็ว
กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 ส่วนดีไซน์ตัวเครื่องแบบไร้ขอบ ไร้ปุ่มโฮม วัสดุด้านหลังเป็นกระจก 3D มีการไล่เฉดสีตามสมัยนิยม, มีสแกนลายนิ้วมือ, รองรับ Bixby 2, Samsung Pay 3 และ Samsung Health ตัวเครื่องมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ (Caviar Black), สีน้ำเงิน (Lemonade Blue) และสีชมพู (Bubblegum Pink)
ราคา 19,990 บาท (แรม 6GB + 128GB)
10 มือถือน่าซื้อน่าใช้ เดือนตุลาคม 2561 มีรุ่นไหนบ้าง ?
หมายเหตุ: ราคามือถืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับร้านที่วางจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อทุกครั้ง