แอปเปิลเปิดตัว iPhone Xs และ iPhone Xs Max อัปเกรดสเปกใหม่ ปรับปรุงกล้องดีขึ้นกว่าเดิม รองรับ 2 ซิม สีสันตัวเครื่องใหม่ กันน้ำกันฝุ่น IP68 แบตเตอรี่อึดขึ้น
เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2561 แอปเปิลเปิดตัว iPhone Xs (ไอโฟนเท็น เอส) และ iPhone Xs Max (ไอโฟนเท็น เอส แม็กซ์) สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2018 ของแอปเปิล โดยงานจัดขึ้นที่หอประชุม Steve Jobs Theater ที่ Apple Park สำนักงานใหม่ของแอปเปิลในแคลิฟอร์เนีย พร้อมเชิญสื่อมวลชนร่วมงานมากมาย ภายในงานแอปเปิลได้เปิดตัวสินค้าใหม่อีกหลายชิ้น เช่น Apple Watch Series 4 รุ่นใหม่, และ iPhone Xr สมาร์ตโฟนที่มีให้เลือกมากถึง 6 สี
สำหรับ iPhone Xs และ iPhone Xs Max เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่อัปเกรด และปรับปรุงมาจาก iPhone X นั่นเอง โดยรุ่นนี้เน้นไปที่การอัปเกรดสเปก เพิ่มประสิทธิภาพให้ทำงานได้ดีกว่าเดิมตามสไตล์แอปเปิล ส่วนจะมีอะไรใหม่บ้าง มาติดตามกันเลย
ดีไซน์และหน้าจอ
ดีไซน์ตัวเครื่องของ iPhone Xs และ iPhone Xs Max ไม่ต่างจาก iPhone X ยังคงใช้ดีไซน์ที่มีทิศทางเดียวกัน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป ก็คือ เรื่องของหน้าจอ เริ่มต้นที่ iPhone Xs มีหน้าจอ OLED ขนาด 5.8 นิ้ว Super Retina HD ความละเอียด 2,436 x 1,125 พิกเซล (458ppi) ส่วน iPhone Xs Max มีหน้าจอ OLED ขนาด 6.5 นิ้ว Super Retina HD ความละเอียด 2,688 x 1,242 พิกเซล (458ppi) พร้อมการแสดงผลแบบ True Tone แสดงสีสันได้สวยงามและแม่นยำ แสดงสีดำได้ดำสนิท มีความสว่างสูง และมีอัตราส่วนคอนทราสต์ที่ 1,000,000 ต่อ 1, รองรับการแสดงผล HDR ทั้งมาตรฐาน Dolby Vision, HDR10 และรองรับการสัมผัสแบบ 3D Touch ในตัว
Refresh Rate คืออะไร จอ 120Hz ดีกว่า 60Hz อย่างไร ?
ดีไซน์ตัวเครื่องมีความโค้งมน มุมทั้งหมดนี้อยู่ในสี่เหลี่ยมมุมฉาก ส่วนขนาดตัวเครื่องของทั้ง 2 รุ่น ถึงแม้จะมีหน้าจอที่ใหญ่กว่า แต่ขนาดตัวเครื่องก็เท่ากับ iPhone 8 Plus และ iPhone 8 วัสดุใช้กระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนของตัวเครื่องเป็นสเตนเลส มีให้เลือก 3 สี คือ สีทอง, สีเทาสเปซเกรย์ และสีเงิน
อัปเกรดสเปกใหม่ ซีพียู A12 Bionic
Apple A12 Bionic เป็นซีพียูโทรศัพท์มือถือตัวแรกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร โดย 2 คอร์ประมวลผลการทำงานเร็วขึ้นสูงสุด 15% และ 4 คอร์ประหยัดพลังงานใช้พลังงานน้อยลงสูงสุด 50% และประสิทธิภาพกราฟิกเร็วขึ้นสูงสุด 50% เมื่อเทียบกับซีพียู A11 Bionic นอกจากนี้ยังมาพร้อม Neural Engine (เทคโนโลยี AI) ที่มีเพิ่มประสิทธิภาพดีกว่าเดิม ใช้ในการเรียนรู้ของระบบแบบเรียลไทม์เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ การเล่นเกม เทคโนโลยีความจริงเสริม และอีกมากมาย
ในส่วนของแบตเตอรี่แอปเปิลเคลมว่า iPhone Xs ยังใช้งานได้นานกว่า iPhone X ถึง 30 นาที ในขณะที่ iPhone Xs Max ใช้งานได้นานกว่า iPhone X ถึง 1 ชั่วโมงครึ่งต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
กล้องหลังคู่ 12 ล้านพิกเซล (ฉบับปรับปรุงใหม่)
กล้องคู่ของ iPhone Xs และ Xs Max ถูกปรับปรุงใหม่อีกครั้ง โดยผสานการทำงานร่วมกันกับ ISP, Neural Engine และอัลกอริทึม ช่วยให้การถ่ายภาพสวยงามมากกว่าเดิม แบ่งออกเป็นเลนส์ Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/1.8, เลนส์ telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.4 ทั้งคู่ มีระบบกันสั่น OIS ระบบป้องกันภาพสั่นไหวคู่แบบออปติคอล, การซูมแบบออปติคอล 2 เท่า ในขณะที่เซ็นเซอร์ใหม่ก็เร็วขึ้น 2 เท่า ส่วน HDR ก็อัจฉริยะขึ้นสามารถสร้างภาพถ่ายที่แสดงรายละเอียดในส่วนไฮไลท์และเงามืดได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น, ไฟแฟลช 4 ดวง แบบ True Tone และฟีเจอร์ที่สามารถปรับรูรับแสงได้ เพื่อปรับฉากหลังให้ละลายมากขึ้นได้ สามารถปรับค่า f ได้ตั้งแต่ f/1.4 ถึง f/16 และสามารถถ่ายวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60 fps
ส่วนกล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, มีระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหว, ถ่ายวิดีโอระดับ HD1080p สูงสุด 60 fps และมีโหมดภาพถ่ายบุคคล, Animoji และ Memoji
สแกนใบหน้า (Face ID)
ระบบสแกนใบหน้าทำงานร่วมกับกล้องหน้า TrueDepth เพื่อการรู้การจดจำใบหน้าที่มาแทน Touch ID สามารถใช้งานปลดล็อกเครื่อง, ซื้อสินค้าผ่าน Apple Pay และซื้อแอปฯ เป็นต้น โดยเซ็นเซอร์ทั้งหมดจะอยู่บริเวณด้านหน้าของตัวเครื่องที่เป็นส่วนเว้า ประกอบด้วย ตัวฉายจุดแสง จุดแสงที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นกว่า 30,000 จุดจะถูกฉายลงบนใบหน้าเพื่อสร้างแผนผังโครงสร้างใบหน้าไม่ให้ซ้ำกับใคร, กล้องอินฟราเรดจะอ่านรูปแบบจุดบนใบหน้า จับภาพอินฟราเรด แล้วส่งข้อมูลไปยัง Secure Enclave ในชิป A12 Bionic เพื่อยืนยันใบหน้าที่ตรงกัน และอิลลูมิเนเตอร์มุมกว้าง แสงอินฟราเรดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าจะช่วยบอกว่าใบหน้านั้นคือใบหน้าของใครแม้จะอยู่ในที่มืด
ส่วนใครที่กังวลเรื่องความปลอดภัย ว่าจะใช้รูปถ่ายสแกนใบหน้าแทนได้หรือไม่ แอปเปิลได้ออกแบบระบบนี้มาเพื่อไม่ให้สามารถสวมรอยโดยใช้รูปถ่ายหรือหน้ากากได้ แผนผังโครงสร้างใบหน้านั้นจะได้รับการเข้ารหัสและเก็บไว้อย่างปลอดภัยใน Secure Enclave แล้วการยืนยันตัวตน เหมือนกับ Touch ID ที่เก็บข้อมูลลายนิ้วมือไว้ในชิป
กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
สำหรับ iPhone Xs และ iPhone Xs Max สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68 สามารถกันฝุ่นได้ 100% และกันน้ำที่ความลึกสูงสุด 2 เมตร นาน 30 นาที
รองรับ 2 ซิม (Dual SIM)
อีกหนึ่งคุณสมบัติที่สาวกแอปเปิลรอคอยมานาน ล่าสุดใน iPhone Xs และ iPhone Xs Max รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมแล้ว แต่สามารถใส่ซิมการ์ดแบบปกติได้ 1 ซิม และ eSIM อีก 1 ซิม รวมถึงโมเดลเฉพาะประเทศจีนที่เป็นซิมแบบ nano SIM + nano SIM (eSIM คืออะไร ต่างจากซิมแบบเดิมอย่างไร อยากรู้ต้องอ่าน)
ระบบเสียงลำโพงสเตอริโอ
ลำโพงสเตอริโอถูกปรับปรุงใหม่จาก iPhone X ทั้งบนและล่าง ที่ให้เสียงกว้างขึ้นกว่าเดิม ทำให้การถ่ายทอดเสียงเบสได้ลึกกว่าเดิม ช่วยให้เพลิดเพลินไปกับการฟังเพลง ดูวิดีโอ หรือคุยโทรศัพท์ผ่านสปีกเกอร์โฟนในแบบที่ชัดเจนกว่าเดิม
iPhone Xs และ iPhone Xs Max สามารถถ่ายวิดีโอที่มีคุณภาพสูงสุดในบรรดาสมาร์ตโฟน เพราะมีทั้งพิกเซลที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงเซ็นเซอร์ที่เร็วขึ้นและใหญ่ขึ้น ทำให้การถ่ายในสภาวะแสงน้อยและระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหวมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังอัดวิดีโอที่มีช่วงไดนามิกกว้างกว่าปกติได้ที่อัตราความเร็วของเฟรมสูงสุด 30 เฟรมต่อวินาที จึงแสดงรายละเอียดในส่วนไฮไลท์และเงามืดได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น ยิ่งกว่านั้นยังมีไมโครโฟนมาให้ถึง 4 ตัว ผู้ใช้จึงสามารถอัดเสียงในแบบสเตอริโอเพื่อให้วิดีโอที่ถ่ายมีความสมจริงมากที่สุด
ความจุมากที่สุด 512GB
สำหรับ iPhone Xs และ iPhone Xs Max มีความจุเริ่มต้นที่ 64GB ตามด้วย 256GB และมากที่สุด 512GB
มาพร้อม iOS 12
iPhone Xs และ iPhone Xs Max มาพร้อม iOS 12 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการบนมือถือที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก โดย iOS 12 จะพาผู้ใช้ไปสัมผัสกับประสบการณ์ AR แบบใหม่ อีกทั้งยังพาย้อนกลับไปดูและแชร์รูปที่ตัวเองอาจลืมไปแล้ว รวมถึงติดต่อสื่อสารด้วยวิธีที่สนุกและถ่ายทอดอารมณ์ได้ดียิ่งขึ้นผ่าน Animoji และ Memoji ใหม่ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติ "เวลาหน้าจอ" ที่จะช่วยให้เข้าใจและควบคุมเวลาที่ใช้งานอุปกรณ์ iOS, คำสั่งลัด Siri ที่ทำให้แอปฯ ต่าง ๆ สามารถทำงานร่วมกับ Siri ได้ และคุณสมบัติใหม่ ๆ ด้านความเป็นส่วนตัวที่จะช่วยปกป้องผู้ใช้จากการถูกติดตามบนเว็บ
วันวางขายและราคา
iPhone Xs
- ความจุ 64GB ราคา $999 หรือประมาณ 32,790 บาท
- ความจุ 256GB ราคา $1,149 หรือประมาณ 37,690 บาท
- ความจุ 512GB ราคา $1,349 หรือประมาณ 44,290 บาท
iPhone Xs Max
- ความจุ 64GB ราคา $1,099 หรือประมาณ 36,000 บาท
- ความจุ 256GB ราคา $1,249 หรือประมาณ 40,900 บาท
- ความจุ 512GB ราคา $1,449 หรือประมาณ 47,590 บาท
ทั้งนี้ iPhone Xs และ iPhone Xs Max จะเริ่มเปิดให้สั่งจองล่วงหน้า (ในต่างประเทศ) วันที่ 14 กันยายน และจะเริ่มวางจำหน่ายจริงวันที่ 21 กันยายน 2561 มากกว่า 30 ประเทศ และจะทยอยวางจำหน่ายเพิ่มเติมอีก 25 ประเทศ ในวันที่ 28 กันยายน 2561 (ไม่มีประเทศไทย)
ภาพจาก Apple