เปรียบเทียบ Samsung Galaxy Note 9 กับ Galaxy Note 8 แตกต่างกันอย่างไรบ้าง มาดูกัน
หลังจากที่ซัมซุงได้เปิดตัว Galaxy Note 9 ไปแล้ว น่าจะทำให้หลายคนเกิดความลังเลว่า ถ้าต้องเลือกซื้อระหว่าง Galaxy Note 9 และ Galaxy Note 8 ควรจะซื้อรุ่นไหนมากกว่า หรือคนที่มี Galaxy Note 8 อยู่แล้วก็อาจจะลังเลว่าจะอัปเกรดไปเป็น Galaxy Note 9 ดีไหม มีอะไรที่แตกต่างและดีกว่า Galaxy Note 8 บ้าง วันนี้เราจึงนำคุณสมบัติสเปกและฟีเจอร์ของทั้งสองรุ่นมาเปรียบเทียบให้ดูกัน
ดีไซน์
ตัวเครื่อง Galaxy Note 9 โดยรวมจะมีดีไซน์ค่อนข้างเหมือนกับ Galaxy Note 8 แต่ Galaxy Note 9 จะมีตัวเครื่องใหญ่กว่า หนักกว่า และจอใหญ่กว่าเล็กน้อย (6.4 กับ 6.3 นิ้ว) Galaxy Note 9 มีตัวเครื่องให้เลือก 4 สี ได้แก่ Midnight Black, Lavender Purple, Metallic Copper สีปากกา S Pen จะเหมือนกับสีตัวเครื่อง, และสีน้ำเงิน Ocean Blue ปากกา S Pen จะเป็นสีเหลือง
สเปก
Galaxy Note 9 มีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นจาก 6.3 นิ้ว เป็น 6.4 นิ้ว แต่ยังคงมีความละเอียด Quad HD+ (2,960 x 1,440 พิกเซล) เท่าเดิม กล้องคู่ถูกอัปเกรดให้มีรูรับแสงคู่ (Dual Aperture F1.5/F2.4) ปรับรูรับแสงอัตโนมัติ ถ่ายภาพได้สวยงามและคมชัดในทุกสภาพแสง โดยกล้องหลังมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล เท่าเดิม
ซีพียูของ Galaxy Note 9 มีการอัปเกรดจาก Exynos 8895 Octa-core (2.3GHz Quad + 1.7GHz Quad) ของ Galaxy Note 8 เป็น Exynos 9 Series 9810 Octa-Core (2.7GHz + 1.7GHz) ส่วนแรมและความจุสูงสุดก็อัปเกรดจาก 6GB/256GB เป็น 8GB/512GB แบตเตอรี่เพิ่มจาก 3,300mAh เป็น 4,000mAh ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะคุยโทรศัพท์ เล่นเกม หรือดูหนัง ก็สามารถใช้งานได้ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลากลางคืนเลยทีเดียว
S Pen
Galaxy Note 9 มาพร้อมปากกา S Pen รุ่นใหม่ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อกับบลูทูธแบบ Bluetooth Low-Energy (BLE) ระยะสูงสุด 10 เมตร ใช้งานได้นาน 30 นาที และเมื่อเสียบกลับไปที่ตัวเครื่องสามารถชาร์จเต็มใน 40 วินาที พร้อมความสามารถใหม่คือสามารถสั่งการเสมือนรีโมทคอนโทรล โดยการกดปุ่ม S Pen เพื่อสั่งถ่ายรูป กดเปลี่ยนสไลด์พรีเซนเทชั่น กดบันทึกเสียง กดหยุดหรือเล่นวิดีโอ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ฟีเจอร์
Galaxy Note 9 เพิ่มฟีเจอร์ Intelligent Scan สแกนใบหน้าพร้อมม่านตา รองรับ Samsung DeX แบบใหม่ เชื่อมต่อกับจอใหญ่ด้วย HDMI adapter ไม่ต้องมี Dock นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์กล้องใหม่ ๆ อย่าง Scene Optimizer ปรับสีคอนทราสต์จากการวิเคราะห์ฉาก วิวทิวทัศน์และวัตถุต่าง ๆ อัตโนมัติให้ได้ภาพสวยสมบูรณ์แบบ มีชีวิตชีวา และคมชัด และฟีเจอร์ Flaw Detection แจ้งเตือนเมื่อพบจุดบกพร่องของภาพ เช่น ภาพเบลอ การกะพริบตา มีคราบเปื้อนบนเลนส์ หรือเกิดการย้อนแสง
ภาพจาก news.samsung.com