ซื้อโทรศัพท์ใหม่ เช็กอะไรบ้าง เพื่อให้แน่ใจว่าได้โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ที่ไม่มีปัญหา พร้อมสิ่งต่าง ๆ ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อโทรศัพท์
หลายคนที่กำลังมีแพลนจะซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ ก็คงต้องมีการตัดสินใจหลายอย่าง ทั้งการเลือกซื้อ ว่าจะซื้อรุ่นไหนแบรนด์ใด และซื้อจากที่ไหนดี รวมทั้งสิ่งที่ต้องตรวจเช็กเวลาไปซื้อที่หน้าร้านอีก โดยในวันนี้เราก็จะมาช่วยแนะนำเบื้องต้นว่าการจะซื้อมือถือสักเครื่องนั้น มีอะไรที่ควรรู้และต้องดูอะไรบ้าง ลองไปดูกันเลย
วิธีเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ
1. ยี่ห้อ
บางคนอาจจะมียี่ห้อมือถือในใจที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ก็สามารถเจาะจงเลือกซื้อรุ่นของแบรนด์นั้น ๆ ได้ตามที่ใจต้องการเลย หรือถ้าหากคุณเป็นผู้ใช้ iOS ก็คงไม่ต้องเลือกซื้อแต่เฉพาะ iPhone เท่านั้น
2. สเปก
ให้พิจารณาดูว่าต้องการซื้อมาใช้งานอะไรบ้าง ถ้าใช้งานทั่วไปก็อาจไม่จำเป็นต้องซื้อรุ่นแพงสเปกแรงมาก ถ้าหากเน้นเล่นเกมก็ควรเลือกรุ่นซีพียูแรง ๆ แรมเยอะ ๆ แบตเตอรี่อึด ๆ หน่อย นอกจากนี้สเปกอื่น ๆ ก็เลือกตามที่ชอบเลย เช่น หน้าจอใหญ่ กล้องหน้า-กล้องหลัง รวมทั้งฟีเจอร์เสริมอย่างการสแกนลายนิ้วมือ-ใบหน้า และลูกเล่นอื่น ๆ
3. ดีไซน์
ถัดจา่กสเปกก็มาดูที่ดีไซน์หน้าตาตัวเครื่องกันต่อว่าสวยถูกใจแค่ไหน ขนาดและรูปทรงตัวเครื่องเป็นแบบที่ชอบหรือไม่ รวมทั้งสีสันตัวเครื่องที่แต่ละรุ่นก็จะมีให้เลือกแตกต่างกันไป
4. ราคา
แน่นอนว่าจะเลือกซื้อมือถือก็ต้องให้เหมาะกับเงินในกระเป๋าด้วย โดยให้เลือกรุ่นที่มีสเปกและคุณสมบัติตามต้องการ และเหมาะสมกับงบที่มีอยู่ หรืออาจตัดสินใจเพิ่มเงินอีกหน่อยถ้ารุ่นที่มีสเปกตามต้องการแพงเกินกว่างบที่ตั้งไว้
ซื้อโทรศัพท์มือถือที่ไหนดี ?
1. ซื้อกับผู้ให้บริการเครือข่าย
การซื้อกับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ เช่น AIS, DTAC, TrueMove H มีข้อดีคือ สามารถเชื่อถือได้ และมีโปรโมชั่นส่วนลดค่าเครื่องต่าง ๆ เมื่อซื้อมือถือพร้อมสมัครแพ็กเกจตามที่กำหนด ซึ่งจะคุ้มมาก ๆ ถ้าหากเป็นผู้ที่ใช้เครือข่ายนั้นอยู่แล้วและใช้รายเดือนมากเทียบเท่าหรือใกล้เคียงแพ็กเกจของโปรโมชั่นนั้น ๆ
2. ซื้อร้านตัวแทนจำหน่าย
การซื้อจากร้านตัวแทนจำหน่ายต่าง ๆ เช่น Jaymart, TG FONE หรือ Banana IT มีข้อดีคือ สามารถเชื่อถือได้ มีโปรโมชั่นและของแถมทั้งจากแบรนด์มือถือและจากทางร้านเอง รวมทั้งได้รับการรับประกันและบริการหลังการขายจากทางร้านที่ดี มีสินค้าให้เลือกค่อนข้างหลากหลายรุ่นและแบรนด์
3. ซื้อจากแบรนด์โดยตรง
มือถือบางแบรนด์จะมีร้านจำหน่ายสินค้าเป็นของตัวเอง ทั้งแบบหน้าร้านหรือเว็บไซต์สั่งซื้อออนไลน์ มีสินค้าของแบรนด์นั้น ๆ ให้เลือกหลากหลายทั้งตัวเครื่องมือถือและอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าสามารถเชื่อถือได้ สั่งจองหรือสั่งซื้อได้สะดวก ราคาและของแถมที่ค่อนข้างแน่นอน แต่โปรโมชั่นอาจไม่หลากหลายเท่ากับซื้อผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายหรือร้านตัวแทนจำหน่าย
4. ซื้อออนไลน์
ยุคนี้ไม่ว่าอะไรก็สามารถซื้อออนไลน์ได้หมด มือถือก็เช่นกัน ซึ่งการซื้อออนไลน์นี้จะมีค่อนข้างหลากหลายช่องทาง ทั้งจากผู้ให้บริการเครือข่ายและตัวแทนจำหน่ายที่มักมีการเปิดให้จองล่วงหน้า มีของแถมต่าง ๆ และร้านจำหน่ายมือถือทั่วไป ซึ่งการซื้อออนไลน์มีข้อดีคือ ผู้ซื้อไม่ต้องเดินทางไปซื้อถึงหน้าร้านเอง นอนรอเครื่องมาส่งถึงหน้าบ้านได้เลย แต่ก็อาจมีความเสี่ยงอยู่บ้างเนื่องจากไม่ได้จับต้องสินค้าก่อนชำระเงิน จึงต้องเน้นเลือกซื้อจากร้านหรือเว็บไซต์ที่ไว้ใจได้เป็นพิเศษ
5. ซื้อจากร้านขายเครื่องหิ้ว
ร้านขายมือถือเครื่องหิ้วนั้นมีทั้งแบบเป็นหน้าร้านและแบบขายออนไลน์ ซึ่งจะจำหน่ายเป็นเครื่องที่หิ้วมาจากต่างประเทศ โดยมีข้อดีคือราคาที่ถูกกว่าเครื่องศูนย์และมีให้เลือกหลายยี่ห้อหลายรุ่นมากกว่า แต่ก็ต้องแลกกับข้อเสียคือไม่มีประกันของศูนย์บริการในไทย เมื่อเครื่องเสียก็อาจต้องเสียค่าซ่อมหรือหาร้านซ่อมเอง รวมทั้งมีความเสี่ยงที่จะโดนหลอกขายเครื่องย้อมแมวด้วย จึงต้องเลือกร้านที่จะซื้อให้ดี ๆ ว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน
ซื้อโทรศัพท์ใหม่ ต้องเช็กอะไรบ้าง
1. กล่องต้องอยู่ในสภาพดี
เมื่อเลือกมือถือที่ต้องการได้แล้ว พนักงานก็จะแกะเครื่องใหม่ให้เราเช็ก ซึ่งก่อนแกะออกจากกล่อง เราควรตรวจสอบก่อนว่า กล่องที่บรรจุมือถือจะต้องอยู่ในสภาพดี ไม่บุบ ไม่ยุบ ไม่มีรอยฉีกขาด มีพลาสติกห่อหุ้มอย่างดี
2. เช็กตัวเครื่องและอุปกรณ์ภายในกล่อง
เช็กรอบ ๆ ตัวเครื่องว่าอยู่ในสภาพดี ไม่มีรอยขีดข่วน รอยบุบ จากนั้นเช็กอุปกรณ์ภายในกล่องว่าครบ และอยู่ในสภาพใหม่หรือไม่ เสร็จแล้วให้ทดสอบอุปกรณ์ที่แถมมาภายในกล่อง เช่น หูฟังหรือสายชาร์จ ว่าสามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่ หากพบปัญหาให้รีบแจ้งพนักงานขายทันที
3. ใส่ซิม ทดลองโทร. และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
หลังจากเช็กสภาพภายนอกตัวเครื่องเรียบร้อยแล้ว ให้ทดลองใส่ซิมการ์ด จากนั้นลองโทร. เข้า-ออก เพื่อทดสอบลำโพง ไมโครโฟน ว่ามีปัญหาหรือไม่ เสร็จแล้วลองเชื่อมต่อ 4G/5G หรือ Wi-Fi ว่าสามารถเชื่อมต่อใช้งานได้ตามปกติไหม โดยเปิดเว็บเบราว์เซอร์แล้วลองเข้าเว็บต่าง ๆ ดู
4. ทดสอบฟีเจอร์พื้นฐาน
ทดสอบฟีเจอร์พื้นฐานที่มากับตัวเครื่อง เช่น การปรับแสงหน้าจอ, การหมุนหน้าจอ, ลำโพง, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือและเซ็นเซอร์อื่น ๆ ทุกอย่างจะต้องทำงานได้ปกติ โดยในมือถือหลาย ๆ รุ่นมักจะมีเมนูตั้งค่าสำหรับทดสอบฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้ ด้วยการเข้าไปที่ Settings > System > About phone > Support (เมนูอาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น)
5. ทดสอบถ่ายภาพ
กล้องถ่ายภาพถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของมือถือทุกรุ่น และเป็นอีกข้อที่ควรทำการเช็ก โดยทดสอบฟังก์ชั่นกล้องถ่ายภาพทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังให้ครบถ้วน เช่น ซูมเข้า, ซูมออก หรือปรับแสง ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและถ่ายวิดีโอ ทุกอย่างจะต้องทำได้ปกติ
6. ตรวจสอบ Dead Pixel
Dead Pixel อีกหนึ่งปัญหากวนใจของหลาย ๆ คน และจะต้องตรวจสอบให้ดี สามารถตรวจ Dead Pixel ได้ง่าย ๆ โดยเข้าไปที่เว็บ lcdtech.info แล้วกดปุ่ม Start Test จากนั้นหน้าจอจะแสดงเป็นสีต่าง ๆ ให้กดเลือกดูทุกสี ซึ่งหน้าจอจะต้องไม่มีจุดเสีย (จุดดำหรือจุดขาว) ให้เห็นบนหน้าจอ
7. เก็บหลักฐานการซื้อ
ใบเสร็จหรือใบรับประกัน ถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญที่ควรเก็บไว้ให้ดี เพราะเวลาเครื่องมีปัญหา บางร้าน หรือบางศูนย์บริการจะต้องใช้ใบเสร็จหรือใบรับประกันประกอบการซ่อมหรือการเคลมเครื่องใหม่ หลายคนมักเจอปัญหาเคลมไม่ได้ เพราะทำใบเสร็จหาย เพราะฉะนั้นควรเก็บรักษาไว้ให้ดี
และทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลสิ่งที่ควรรู้ไว้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่ ว่าจะต้องเช็กต้องดูอะไรบ้าง หวังว่าบทความนี้ น่าจะเป็นประโยชน์และช่วยในการซื้อมือถือใหม่ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
บทความเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถืออื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- โทรศัพท์มือสอง มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง ควรซื้อดีหรือไม่ ?
- ซื้อโทรศัพท์มือสอง ต้องเช็กอะไรบ้าง จะได้ไม่พลาด
- เครื่องรีเฟอร์คืออะไร สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อมือถือ Refurbished
- เครื่องเดโม่ คืออะไร ดีไหม ทำไมถึงราคาถูก ?
- iOS vs Android ต่างกันอย่างไร มีจุดเด่นอะไรบ้าง ?