แนะนำมือถือเดือนมิถุนายน 2563 น่าซื้อ น่าใช้ สำหรับคนกำลังมองหามือถือใหม่ มีมือถือน่าซื้อเดือนมิถุนายน 2020 ให้เลือกหลายราคา รุ่นไหนสเปกคุ้ม ราคาถูก เช็กก่อนซื้อเลย
กลับมาอัปเดต โทรศัพท์ มือถือน่าซื้อประจำเดือนกันอีกครั้งในเดือนมิถุนายน 2563 และเดือนนี้ก็มีมือถือน่าซื้อหลายรุ่นเลยทีเดียว มีทั้งรุ่นที่เปิดตัวใหม่และรุ่นที่ยังคงได้รับความนิยมตั้งแต่เดือนก่อน ๆ สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือใหม่ หากกำลังตัดสินใจไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อรุ่นไหนดี ก็ลองพิจารณาดูจากทั้ง 10 รุ่นนี้ได้เลย มีหลายราคาหลายระดับให้เลือกตามต้องการ
ภาพจาก apple.com
iPhone SE รุ่นที่ 2 ซึ่งเป็น iPhone ราคาถูกรุ่นใหม่ที่มาพร้อมจอภาพ Retina HD ขนาด 4.7 นิ้ว และ Touch ID บนปุ่มโฮม มีดีไซน์คล้ายกับ iPhone 8 แต่อัปเกรดสเปกให้แรงขึ้นด้วยชิป A13 Bionic ตัวเดียวกับใน iPhone 11 Pro ตัวเครื่องมีให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ สีดำ สีขาว และสีแดง (PRODUCT)RED ด้านสเปกอื่น ๆ ก็ประกอบไปด้วยความจุที่มีให้เลือก 64GB/128GB/256GB ส่วนกล้องหลังมีเลนส์เดียว 12MP และกล้องหน้า 7MP ส่วนปุ่มโฮมยังคงมี Touch ID สำหรับสแกนลายนิ้วมือเหมือนเดิม รวมทั้งยังคงใช้พอร์ต Lightning และไม่มีช่องหูฟัง
ราคาเริ่มต้น 14,900 บาท
ภาพจาก samsung.com
มือถือเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2020 มีแบ่งออกเป็น 3 รุ่นด้วยกัน คือ Galaxy S20, Galaxy S20+ และ Galaxy S20 Ultra มีหน้าจอเป็นแบบ Punch-hole ฝังกล้องกึ่งกลางจอ ส่วนกล้องหลังจะเป็นโมดูลสี่เหลี่ยม มีตั้งแต่ 3-4 เลนส์ แล้วแต่รุ่น สามารถถ่ายวิดีโอ 8K ได้ โดย Galaxy S20 และ Galaxy S20+ จะมีสเปกคล้าย ๆ กัน ต่างกันที่ขนาดหน้าจอ 6.2 และ 6.7 นิ้ว ตามลำดับ รวมทั้งความจุและแบตเตอรี่ก็ต่างกัน ส่วนกล้องหลังนั้น Galaxy S20 จะมี 3 เลนส์ แต่ Galaxy S20+ จะมีกล้อง DepthVision สำหรับตรวจจับความลึกเพิ่มเข้ามา สำหรับด้านสเปกอื่น ๆ นั้นทั้ง 3 รุ่นจะมีหน้าจอที่รองรับ 120Hz และใช้ชิป Exynos 990 เหมือนกันหมดทุกรุ่น โดยมีแรมตั้งแต่ 8/12/16GB และมีความจุ 128/256/512GB ให้เลือก นอกจากนี้ก็ยังมีแบ่งออกเป็นรุ่น 4G LTE และรุ่นที่รองรับ 5G ยกเว้น Galaxy S20 Ultra ที่มีเฉพาะรุ่น 5G เท่านั้น
Galaxy S20 ราคาเริ่มต้น 28,900 บาท
Galaxy S20+ ราคาเริ่มต้น 31,900 บาท
Galaxy S20 Ultra ราคาเริ่มต้น 39,900 บาท
ภาพจาก consumer.huawei.com
มือถือเรือธงรุ่นใหม่ที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ ชูจุดเด่นด้านประสิทธิภาพกล้องที่ดียิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งทุกรุ่นจะใช้ชิปประมวลผล Kirin 990 5G ที่รองรับเครือข่าย 5G ในตัว สำหรับรุ่นท็อปอย่าง Huawei P40 Pro จะมาพร้อมหน้าจอดีไซน์ใหม่แบบ Quad-Curve Overflow Display ที่มีขอบจอโค้งทั้ง 4 ด้าน เป็นจอ OLED ขนาด 6.58 นิ้ว บวกกับ Refresh Rate 90 Hz ส่วนด้านกล้องเป็น Ultra Vision Leica Quad ที่มีถึง 4 เลนส์ ประกอบไปด้วย กล้องหลัก 50 MP SuperSensing 1/1.28 Ultra Vision Sensor 1 นิ้ว อาร์เรย์ตัวกรองสี RYYB ออโต้โฟกัส Octa PD + กล้อง Telephoto 12 MP Optical Zoom 5x, Hybrid Zoom 10x, Max Zoom 50x + กล้อง Ultra-wide Cine 40MP เซ็นเซอร์ 1/1.54 นิ้ว + กล้อง Depth Sensing แบบ 3D โดยรวมสามารถซูมเก็บรายละเอียดได้ดี และถ่ายภาพในตอนกลางคืนได้ดีเยี่ยม ส่วนกล้องหน้า 32MP พร้อม Autofocus และกล้องความลึก IR ที่จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างรูปภาพเซลฟี่ที่ดีพร้อมกับเอฟเฟกต์โบเก้ที่เป็นธรรมชาติ
Huawei P40 ราคา 22,990 บาท
Huawei P40 Pro ราคา 31,990 บาท
ภาพจาก oneplus.com
มือถือรุ่นใหม่ของ OnePlus โดยรุ่นท็อปสุดอย่างรุ่น Pro นี้จะมีจุดเด่นอย่างกล้องหลัง 4 เลนส์ ที่มีเลนส์ Telephoto 3X สำหรับการซูม และกล้อง Color Filter ที่จะช่วยยกระดับการถ่ายภาพให้เป็นระดับโปร พร้อมทั้งหน้าจอที่รองรับการแสดงผล 120Hz กับความละเอียดระดับ QHD+ รวมทั้งรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ไร้สาย และ Reverse wireless charging สำหรับรุ่นรองอย่าง OnePlus 8 จะถูกลดสเปกลงมา โดยมีกล้องหลัง 3 เลนส์ หน้าจอที่ขนาดเล็กกว่านิดหน่อย ความละเอียด FHD+ และรองรับ 90Hz แบตเตอรี่ขนาดเล็กกว่า และไม่รองรับชาร์จไร้สาย ส่วนด้านชิปประมวลผลนั้นจะใช้ Snapdragon 865 เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น รวมทั้งแรมสูงสุด 12GB และความจุสูงสุด 256GB
OnePlus 8 ราคา 28,990 บาท
OnePlus 8 Pro ราคา 34,990 บาท
ภาพจาก sony-asia.com
มือถือระดับกลาง ใช้หน้าจอขนาดใหญ่ สัดส่วนยาวแบบ Xperia 1 II สเปกประกอบไปด้วย หน้าจอขนาด 6.0 นิ้ว อัตราส่วน 21:9 ซีพียู Qualcomm Snapdragon 665 Octa-core แรม 4GB พื้นที่ความจุ 128GB เพิ่ม microSDXC ได้สูงสุด 1TB ระบบปฏิบัติการ Android 10.0 ส่วนกล้อง 3 ตัวมีทั้งเลนส์ Wide 12 ล้านพิกเซล, เลนส์ Telephoto 8 ล้านพิกเซล ซูมแบบ Optical ได้ 2 เท่า เลนส์ Ultrawide 8 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล สแกนลายนิ้วมือบนเซ็นเซอร์ด้านข้างตัวเครื่อง มีแบตเตอรี่ความจุ 3,600mAh รองรับการชาร์จเร็ว 18W (Quick Charge 3.0) มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm. และรองรับ High-Resolution Audio กันน้ำ IP65/IP68 ตัวเครื่องมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเขียวมินต์ สีน้ำเงิน สีดำ และสีขาว
ราคา 12,990 บาท
6. Vivo V19
ภาพจาก vivo.com
มือถือสเปกระดับกลาง มาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด 1080p ใช้ซีพียู Snapdragon 712 แรม 8GB ความจุสูงสุด 256GB มาพร้อมกล้องหลัง 4 เลนส์ 48MP + 8MP + 2MP + 2MP กล้องหน้าคู่แบบ Punch-hole 32MP + 8MP มีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วในหน้าจอ แบตเตอรี่ขนาด 4,500mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W และรัน Android 10 ครอบทับด้วย Funtouch OS 10 ตัวเครื่องมีดำ Gleam Black และสีเงิน Sleek Silver
ราคา 12,999 บาท
realme 6 และ realme 6 Pro มีจุดเด่นที่หน้าจอ Punch-Hole มีรีเฟรชเรต 90Hz รองรับการชาร์จเร็ว 30W กล้องหลัง 4 ตัว ในราคาเปิดตัวที่ไม่แพง โดยสเปกของ realme 6 เริ่มจากหน้าจอแสดงผล Punch-Hole 6.5 นิ้ว อัตราส่วน 20:9 รีเฟรชเรตที่ 90Hz ซีพียู Mediatek MT6785 Helio G90T Octa-core ระบบปฏิบัติการ Android 10.0 ครอบทับด้วยอินเทอร์เฟซ realme UI แรม 4/6/8GB ความจุเครื่อง 128/256GB เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 256GB ส่วนสเปกของ realme 6 Pro มีหลายจุดที่อัปเกรดจาก realme 6 ประกอบด้วย หน้าจอ Punch-Hole ขนาด 6.6 นิ้ว อัตราส่วน 20:9 รีเฟรชเรตที่ 90Hz ซีพียู Snapdragon 720G Octa-core ระบบปฏิบัติการ Android 10.0 ครอบทับด้วยอินเทอร์เฟซ realme UI แรม 6/8GB ความจุเครื่อง 128/256GB เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 256GB
- realme 6 รุ่น แรม 4GB ความจุ 128GB ราคา 7,999 บาท
- realme 6 รุ่น แรม 8GB ความจุ 128GB ราคา 8,999 บาท
- realme 6 Pro รุ่น แรม 8GB ความจุ 128GB ราคา 10,999 บาท
ภาพจาก consumer.huawei.com
มือถือที่มาพร้อมหน้าจอแบบ Punch-hole ฝังกล้องมุมจอ หน้าจอมีขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ ใช้ชิป Kirin 810 แรม 8GB มีความจุภายในตัวเครื่อง 128GB ด้านหลังมีกล้อง 4 เลนส์ เป็นโมดูลแบบสี่เหลี่ยม เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้ามีเลนส์เดียว ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ด้านข้างเครื่อง ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย EMUI 10 แต่อาจจะไม่รองรับ Google Services
ราคา 8,990 บาท
ภาพจาก oppo.com
มือถือดีไซน์พรีเมียม ตัวเครื่องมีทั้งฝาหลังแบบเซรามิกสีดำและแบบหนังสีส้ม โดยทั้ง 2 รุ่นจะมีหน้าจอ Refresh Rate 120Hz แสดงผลได้อย่างลื่นไหล รองรับ HDR10+ มีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้จอ บวกกับระบบ AI อัจฉริยะที่ช่วยปรับการแสดงผลโทนสีและความสว่างเพื่อให้รู้สึกสบายตาที่สุด ได้การรับรองจาก TÜV Rheinland และแน่นอนว่ารองรับสัญญาณ 5G ตามเทรนด์มือถือในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีระบบ O1 Ultra Vision Engine ที่ช่วยประมวลผลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับวิดีโอ ทำให้วิดีโอทั่วไปกลายเป็นระดับ high-frame-rate HDR masterpieces ผสานกับระบบเสียง Dolby Atmos ลำโพงคู่แบบสเตอริโอ อีกทั้งยังมี Motion Compensation Technology ที่จะช่วยลดการสั่นไหวของวิดีโอ สำหรับสเปกอื่น ๆ นั้นโดยรวมจะคล้ายกันทั้ง 2 รุ่น หลัก ๆ จะต่างกันที่กล้องกับความจุในตัวเครื่อง
OPPO Find X2 ราคา 33,990 บาท
OPPO Find X2 Pro ราคา 40,990 บาท
10. Huawei Y7p
ภาพจาก consumer.huawei.com
มือถือที่มีสเปกอยู่ในระดับกลาง ๆ แต่ก็ไม่ขี้เหร่ ประกอบไปด้วย หน้าจอขนาด 6.39 นิ้ว กล้องหลังจัดมาให้ถึง 3 เลนส์ 48 ล้านพิกเซล พร้อมแบตเตอรี่ 4,000mAh สำหรับสเปกด้านอื่น ๆ ก็มาพร้อมชิป Kirin 710F แรม 4GB ความจุภายใน 64GB ใส่ microSD เพิ่มได้ 512GB ส่วนกล้องหน้าเป็นแบบ Punch-hole มุมจอ 8 ล้านพิกเซล ใช้พอร์ต microUSB และรัน Android 9 ครอบทับด้วย EMUI 9.1 แต่ไม่มี Google Services
ราคา 4,999 บาท
10 มือถือน่าใช้ เดือนพฤษภาคม 2563 รุ่นไหนน่าซื้อ เช็กเลย
หมายเหตุ: ราคามือถืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับร้านที่วางจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อทุกครั้ง