แนะนำมือถือเดือนพฤษภาคม 2563 น่าซื้อ น่าใช้ สำหรับคนกำลังมองหามือถือใหม่ มีมือถือน่าซื้อเดือนพฤษภาคม 2020 ให้เลือกหลายราคา รุ่นไหนสเปกคุ้ม ราคาถูก เช็กก่อนซื้อเลย
กลับมาอัปเดตโทรศัพท์มือถือน่าซื้อประจำเดือนกันอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม 2563 และเดือนนี้ก็มีมือถือน่าซื้อหลายรุ่นเลยทีเดียว มีทั้งรุ่นทีเ่ปิดตัวใหม่และรุ่นที่ยังคงได้รับความนิยมตั้งแต่เดือนก่อน ๆ สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือใหม่ หากกำลังตัดสินใจไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อรุ่นไหนดี ก็ลองพิจารณาดูจากทั้ง 10 รุ่นนี้ได้เลย มีหลายราคาหลายระดับให้เลือกตามต้องการ
iPhone SE รุ่นที่ 2 ซึ่งเป็น iPhone ราคาถูกรุ่นใหม่ที่มาพร้อมจอภาพ Retina HD ขนาด 4.7 นิ้ว และ Touch ID บนปุ่มโฮม มีดีไซน์คล้ายกับ iPhone 8 แต่อัปเกรดสเปกให้แรงขึ้นด้วยชิป A13 Bionic ตัวเดียวกับใน iPhone 11 Pro ตัวเครื่องมีให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ สีดำ สีขาว และสีแดง (PRODUCT)RED ด้านสเปกอื่น ๆ ก็ประกอบไปด้วยความจุที่มีให้เลือก 64GB/128GB/256GB ส่วนกล้องหลังมีเลนส์เดียว 12MP และกล้องหน้า 7MP ส่วนปุ่มโฮมยังคงมี Touch ID สำหรับสแกนลายนิ้วมือเหมือนเดิม รวมทั้งยังคงใช้พอร์ต Lightning และไม่มีช่องหูฟัง
ราคาเริ่มต้น 14,900 บาท
มือถือเรือธงรุ่นใหม่ที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ ชูจุดเด่นด้านประสิทธิภาพกล้องที่ดียิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งทุกรุ่นจะใช้ชิปประมวลผล Kirin 990 5G ที่รองรับเคือข่าย 5G ในตัว สำหรับรุ่นท็อปอย่าง Huawei P40 Pro นั้นจะมาพร้อมหน้าจอดีไซน์ใหม่แบบ Quad-Curve Overflow Display ที่มีขอบจอโค้งทั้ง 4 ด้าน เป็นจอ OLED ขนาด 6.58 นิ้ว บวกกับ Refresh Rate 90 Hz ส่วนด้านกล้องนั้นเป็น Ultra Vision Leica Quad ที่มีถึง 4 เลนส์ ประกอบไปด้วยกล้องหลัก 50 MP SuperSensing 1/1.28 Ultra Vision Sensor 1 นิ้ว อาร์เรย์ตัวกรองสี RYYB ออโต้โฟกัส Octa PD + กล้อง Telephoto 12 MP Optical Zoom 5x, Hybrid Zoom 10x, Max Zoom 50x + กล้อง Ultra-wide Cine 40MP เซ็นเซอร์ 1/1.54 นิ้ว + กล้อง Depth Sensing แบบ 3D โดยรวมสามารถซูมเก็บรายละเอียดได้ดี และถ่ายภาพในตอนกลางคืนได้ดีเยี่ยม ส่วนกล้องหน้า 32MP พร้อม Autofocus และกล้องความลึก IR ที่จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างรูปภาพเซลฟี่ที่ดีพร้อมกับเอฟเฟกต์โบเก้ที่เป็นธรรมชาติ
Huawei P40 ราคา 22,990 บาท
Huawei P40 Pro ราคา 31,990 บาท
มือถือเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2020 มีแบ่งออกเป็น 3 รุ่นด้วยกันคือ Galaxy S20, Galaxy S20+ และ Galaxy S20 Ultra มีหน้าจอเป็นแบบ Punch-hole ฝังกล้องกึ่งกลางจอ ส่วนกล้องหลังจะเป็นโมดูลสี่เหลี่ยม มีตั้งแต่ 3-4 เลนส์แล้วแต่รุ่น สามารถถ่ายวิดีโอ 8K ได้ โดย Galaxy S20 และ Galaxy S20+ จะมีสเปกคล้าย ๆ กัน ต่างกันที่ขนาดหน้าจอ 6.2 และ 6.7 นิ้วตามลำดับ รวมทั้งความจุและแบตเตอรี่ก็ต่างกัน ส่วนกล้องหลังนั้น Galaxy S20 จะมี 3 เลนส์ แต่ Galaxy S20+ จะมีกล้อง DepthVision สำหรับตรวจจับความลึกเพิ่มเข้ามา สำหรับด้านสเปกอื่น ๆ นั้นทั้ง 3 รุ่นจะมีหน้าจอที่รองรับ 120Hz และใช้ชิป Exynos 990 เหมือนกันหมดทุกรุ่น โดยมีแรมตั้งแต่ 8/12/16GB และมีความจุ 128/256/512GB ให้เลือก นอกจากนี้ก็ยังมีแบ่งออกเป็นรุ่น 4G LTE และรุ่นที่รองรับ 5G ยกเว้น Galaxy S20 Ultra ที่มีเฉพาะรุ่น 5G เท่านั้น
Galaxy S20 ราคาเริ่มต้น 28,900 บาท
Galaxy S20+ ราคาเริ่มต้น 31,900 บาท
Galaxy S20 Ultra ราคาเริ่มต้น 39,900 บาท
มือถือดีไซน์พรีเมียม ตัวเครื่องมีทั้งฝาหลังแบบเซรามิกสีดำและแบบหนังสีส้ม โดยทั้งสองรุ่นจะมีหน้าจอ Refresh Rate 120Hz แสดงผลได้อย่างลื่นไหล รองรับ HDR10+ มีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้จอ บวกกับระบบ AI อัฉริยะจะที่ช่วยปรับการแสดงผลโทนสีและความสว่างเพื่อให้รู้สึกสบายตาที่สุดที่ได้รับรองจาก TÜV Rheinland และแน่นอนว่ารองรับสัญญาณ 5G ตามเทรนด์มือถือในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีระบบ O1 Ultra Vision Engine ที่ช่วยประมวลผลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับวีดีโอ ทำให้วีดีโอทั่วไปกลายเป็นระดับ high-frame-rate HDR masterpieces ผสานกับระบบเสียง Dolby Atmos ลำโพงคู่แบบสเตอริโอ อีกทั้งยังมี Motion Compensation Technology ที่จะช่วยลดการสั่นไหวของวีดีโอ สำหรับสเปกอื่น ๆ นั้นโดยรวมจะคล้ายกันทั้งสองรุ่น หลัก ๆ จะต่างกันที่กล้องกับความจุในตัวเครื่อง
OPPO Find X2 ราคา 33,990 บาท
OPPO Find X2 Pro ราคา 40,990 บาท
สเปกของ Redmi Note 9S ประกอบด้วยหน้าจอแบบเจาะรู 6.67 นิ้ว อัตราส่วน 20:9 ใช้ซีพียู Snapdragon 720G Octa-core แรม 4/6GB ความจุเครื่อง 64/128GB เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 512GB ระบบปฏิบัติการ Android 10.0 ครอบทับด้วย MIUI 11 สำหรับกล้องหลังมี 4 ตัว ได้แก่ เลนส์ Wide 48 ล้านพิกเซล, เลนส์ Ultrawide 8 ล้านพิกเซล, เลนส์ Macro 2 ล้านพิกเซล และเลนส์ Depth 2 ล้านพิกเซล มี Night Mode ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้สมจริง ถ่ายภาพไฟล์ RAW เพื่อนำไปตกแต่งแบบมือโปรได้ด้วย ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีสแกนลายนิ้วมือผ่านเซ็นเซอร์ข้างตัวเครื่อง ตัวเครื่องมีคุณสมบัติกันละอองน้ำ Splash-proof พร้อมแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5,020mAh รองรับชาร์จเร็ว 18W
- รุ่นแรม 4GB ความจุ 64GB ราคา 6,499 บาท
- รุ่นแรม 6GB ความจุ 128GB ราคา 7,999 บาท
มือถือรุ่นน้องเล็กสเปกเบา ๆ ที่มาพร้อมหน้าจอแบบ Infinity-O เจาะรูมุมจอฝังกล้องหน้า เป็นหน้าจอ LCD ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด HD+ มาพร้อมแรม 3GB/4GB ความจุ 32GB/64GB ส่วนกล้องหลังมีทั้งหมด 3 เลนส์ 13MP + 5MP + 2MP กล้องหน้า 8MP มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง แบตเตอรี่จัดมาให้ถึง 5,000mAh
ราคา 4,990 บาท
realme 6 และ realme 6 Pro มีจุดเด่นที่หน้าจอ Punch-Hole มีรีเฟรชเรต 90Hz รองรับการชาร์จเร็ว 30W กล้องหลัง 4 ตัว ในราคาเปิดตัวที่ไม่แพง โดยสเปกของ realme 6 เริ่มจากหน้าจอแสดงผล Punch-Hole 6.5 นิ้ว อัตราส่วน 20:9 รีเฟรชเรตที่ 90Hz ซีพียู Mediatek MT6785 Helio G90T Octa-core ระบบปฏิบัติการ Android 10.0 ครอบทับด้วยอินเตอร์เฟซ realme UI แรม 4/6/8GB ความจุเครื่อง 128/256GB เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 256GB ส่วนสเปกของ realme 6 Pro มีหลายจุดที่อัปเกรดจาก realme 6 ประกอบด้วยหน้าจอ Punch-Hole ขนาด 6.6 นิ้ว อัตราส่วน 20:9 รีเฟรชเรตที่ 90Hz ซีพียู Snapdragon 720G Octa-core ระบบปฏิบัติการ Android 10.0 ครอบทับด้วยอินเตอร์เฟซ realme UI แรม 6/8GB ความจุเครื่อง 128/256GB เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 256GB
- realme 6 รุ่น แรม 4GB ความจุ 128GB ราคา 7,999 บาท
- realme 6 รุ่น แรม 8GB ความจุ 128GB ราคา 8,999 บาท
- realme 6 Pro รุ่น แรม 8GB ความจุ 128GB ราคา 10,999 บาท
8. OPPO A31
สเปกของ OPPO A31 ประกอบด้วย หน้าจอ 6.5 นิ้ว มีติ่งหยดน้ำ อัตราส่วน 20:9, ซีพียู MediaTek Helio P35 Octa-core, แรม 4GB, พื้นที่ความจุเครื่อง 128GB, เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 256GB, กล้อง 3 ตัว แบ่งออกเป็นเลนส์ Wide 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f1.8, เลนส์ Macro 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f2.4 และเลนส์ Depth 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f2.4 ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ OPPO A31 ยังสามารถสแกนลายนิ้วมือผ่านเซ็นเซอร์ด้านหลังเครื่องได้ ใช้แบตเตอรี่ความจุ 4,230mAh ชาร์จไฟและเชื่อมต่อผ่านพอร์ต microUSB 2.0
ราคา 5,499 บาท
มือถือรุ่นอัปเกรดบางส่วนให้ดีขึ้นจากรุ่น OnePlus 7 Pro มาพร้อมหน้าจอ 6.67 นิ้ว Fluid AMOLED ความละเอียด Quad HD+ ไม่มีติ่ง, 90Hz refresh rate, ซีพียู Snapdragon 855 Plus, แรม 8GB, ระบบระบายความร้อน liquid cooling, กล้องหลัง 3 ตัว แบ่งเป็น ความละเอียด 48MP เซ็นเซอร์ Sony IMX586, เลนส์ 7 ชิ้น, รูรับแสง f/1.6, กันสั่น OIS และ EIS, กล้องตัวที่สอง 8MP (telephoto lens), รูรับแสง f/2.4, ขนาดพิกเซล 1μm, มีกันสั่น OIS, Optical Zoom 3 เท่า, กล้องตัวที่สาม 16MP เลนส์มุมกว้าง 117 องศา (Ultra Wide Angle Lens) รูรับแสง f/2.2 กล้องหน้าป๊อปอัพ 16MP เซ็นเซอร์ Sony IMX471, รูรับแสง f/2.0, ขนาดพิกเซล 1.0μm แบตเตอรี่ 4,085mAh รองรับ Warp Charge 30T
ราคา 26,990 บาท
10. Vivo Y19
มือถือหน้าจอใหญ่ แบตเตอรี่อึด ชาร์จเร็ว มีหน้าจอขนาด 6.53 นิ้ว FHD+ เป็นหน้าจอแบบ Halo FullView Display รอยบากแบบหยดน้ำ แรม 6GB ความจุ 128GB มาพร้อม AI Triple Camera กล้องหลัก 16MP กล้อง Super wide-angle และ Bokeh 8MP กล้อง Macro 2MP ส่วนกล้องหน้า 16MP พร้อม AI Face Beauty ที่ช่วยให้ถ่ายเซลฟี่ไห้ดูดีได้ในคลิกเดียว แถมยังมีฟีเจอร์ Pose Master ที่จะช่วยแนะนำการโพสท่าทางต่าง ๆ ขณะถ่ายภาพให้โดดเด่นไม่เหมือนใคร เมื่อถ่ายแล้วก็สามารถนำไปแต่งหน้าเพิ่มเติมให้สวยกว่าเดิมได้อีกด้วย AI Makeup แบตเตอรี่มีขนาดใหญ่ถึง 5,000mAh พร้อม Dual-Engine Fast Charging ที่ทำให้ชาร์จได้เร็วยิ่งขึ้น และรองรับเทคโนโลยี Reverse Charging
ราคา 6,999 บาท
10 มือถือน่าใช้ เดือนเมษายน 2563 รุ่นไหนน่าซื้อ เช็กเลย
หมายเหตุ: ราคามือถืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับร้านที่วางจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อทุกครั้ง