เช็กเลย มือถือเล่นเกม ปี 2019 มือถือที่ใช้ซีพียู Snapdragon 730/730G สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือเล่นเกมซีพียู Snapdragon 730 ราคาถูก มีรุ่นไหนให้เลือกบ้าง
ก่อนหน้านี้แนะนำมือถือเล่นเกมที่ใช้ซีพียู Snapdragon 660, Snapdragon 665 และ Snapdragon 710 ประจำปี 2019 ไปแล้ว ส่วนรอบนี้มาถึงคิวมือถือสายเกมที่ใช้ซีพียู Snapdragon 730 กับ Snapdragon 730G (รหัส G ที่ย่อมาจากคำว่า Gaming เพิ่มความแรงจีพียู 15%) สำหรับซีพียูรุ่นนี้เป็นรุ่นที่มาแทน Snapdragon 710 พัฒนาด้วยเทคโนโลยี 8 นาโนเมตร พร้อมจีพียู Adreno 618 รุ่นใหม่ ทำให้มือถือที่ใช้ซีพียูรุ่นนี้โดดเด่นด้านกล้อง, AI, เกมมิ่ง และเรื่องการจัดการพลังงานแบตเตอรี่ได้อย่างดีเยี่ยม
สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือที่เอาไว้เล่นเกมโดยเฉพาะ อยากจะเล่นเกมแบบไม่หัวร้อน เล่นลื่นไม่มีสะดุด พร้อมกับสเปกคุ้มค่า มาดูกันว่ามือถือที่ใช้ซีพียู Snapdragon 730/730G มีรุ่นไหนให้เลือกซื้อบ้าง
มือถือรุ่นแรกของโลก ที่มาพร้อมกล้องหลัง 5 ตัว ความละเอียดสูงถึง 108 ล้านพิกเซล ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.47 นิ้ว AMOLED ขอบโค้ง ความละเอียด Full HD+ ขอบด้านล่างเล็กลง 3.43 มิลลิเมตร ใช้ซีพียู Snapdragon 730G, แรมสูงสุด 8GB, รัน Android ครอบทับด้วย MIUI 11, ดีไซน์ฝาหลังแบบ 3D glass, รองรับ NFC, ลำโพง 1cc, Hi-Res audio และแบตเตอรี่ 5,260mAh รองรับชาร์จเร็ว 30 วัตต์ เคลมว่าสามารถชาร์จ 58% ในเวลา 30 นาที และ 100% ในเวลา 65 นาที, กล้องหลัง 5 ตัว แบ่งเป็น กล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล + 12 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล + 20 ล้านพิกเซล + 2 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล
ราคาประมาณ 12,900 บาท
อีกหนึ่งเวอร์ชั่นของ Mi CC9 Pro ที่เป็นรุ่นวางขายทั่วโลก (Global Version) สเปกต่าง ๆ เหมือนกันทั้งหมด เปลี่ยนแค่ชื่อที่ใช้ทำการตลาดเท่านั้น มาพร้อมกล้องหลัง 5 ตัว ความละเอียดสูงถึง 108 ล้านพิกเซล ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.47 นิ้ว AMOLED ขอบโค้ง ความละเอียด Full HD+ ขอบด้านล่างเล็กลง 3.43 มิลลิเมตร ใช้ซีพียู Snapdragon 730G, แรมสูงสุด 8GB, รัน Android ครอบทับด้วย MIUI 11, ดีไซน์ฝาหลังแบบ 3D glass, รองรับ NFC, ลำโพง 1cc, Hi-Res audio และแบตเตอรี่ 5,260mAh รองรับชาร์จเร็ว 30 วัตต์ เคลมว่าสามารถชาร์จ 58% ในเวลา 30 นาที และ 100% ในเวลา 65 นาที
ราคาประมาณ 12,900 บาท
3. Redmi K20
นอกจาก Redmi จะเปิดตัว Redmi K20 Pro ที่เป็นรุ่นเรือธงแล้ว Redmi ยังได้เปิดตัว Redmi K20 ที่เป็นรุ่นลดสเปก แต่มีดีไซน์เหมือนกันตามมาอีกรุ่น โดยรุ่นนี้จะแตกต่างกันที่ซีพียูและเซ็นเซอร์ของกล้องถ่ายภาพ รวมถึงรองรับชาร์จเร็วจะลดเหลือแค่ 18 วัตต์ เท่านั้น แต่ถึงจะปรับสเปกลงดูจากภาพรวมก็ยังเป็นมือถือสุดคุ้มอีกรุ่นที่น่าสนใจ
ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.39 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+ คิดเป็นสัดส่วนพื้นที่การใช้งาน 91.9% ขอบบางเฉียบ 2.1 มิลลิเมตร, ซีพียู Snapdragon 730, แรมสูงสุด 8GB, ระบายความด้วยแผ่นแกรไฟต์ 3 มิติ 8 ชั้น เพื่อการระบายความร้อนที่ดีขึ้น, มี Game Turbo 2.0, รัน Android Pie ครอบทับด้วย MIUI 10, กล้องหลัง 3 เลนส์ แบ่งเป็น 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX582 + 8 ล้านพิกเซล เลนส์ Telephoto และ 13 ล้านพิกเซล เลนส์ Ultra-wide มุมกว้าง 124.8 องศา กล้องหน้าป๊อปอัพ 20 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 18 วัตต์
ราคาประมาณ 9,200 บาท
4. Xiaomi Mi 9T
มือถือสเปกคุ้มค่า ราคาประหยัดอีกรุ่นจาก Xiaomi มาพร้อมหน้าจอ 6.39 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+ คิดเป็นสัดส่วนพื้นที่การใช้งาน 91.9% ขอบบางเฉียบ 2.1 มิลลิเมตร, ซีพียู Snapdragon 730, แรมสูงสุด 8GB, ระบายความร้อนด้วยแผ่นแกรไฟต์ 3 มิติ 8 ชั้น เพื่อการระบายความร้อนที่ดีขึ้น, มี Game Turbo 2.0, รัน Android Pie ครอบทับด้วย MIUI 10, กล้องหลัง 3 เลนส์ แบ่งเป็น 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX582 + 8 ล้านพิกเซล เลนส์ Telephoto และ 13 ล้านพิกเซล เลนส์ Ultra-wide มุมกว้าง 124.8 องศา กล้องหน้าป๊อปอัพ 20 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 18 วัตต์
ราคา 11,990 บาท (แรม 6GB/64GB), 12,990 บาท (แรม 6GB/128GB)
5. OPPO Reno 2
มือถือซีรีส์ Reno รุ่นใหม่ ที่ยังคงเน้นกล้องเหมือนเดิม โดยรุ่นนี้อัปเกรดไปใช้กล้องหลัง 4 ตัว พร้อมความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 116 องศา + เลนส์ Telephoto 13 ล้านพิกเซล รองรับไฮบริดซูม 5 เท่า ซูมสูงสุด 20 เท่า แบบดิจิทัลซูม + เซ็นเซอร์เก็บระยะความลึก 2 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าสไลด์แบบครีบฉลาม 16 ล้านพิกเซล เคลมว่าสามารถสไลด์ได้เร็วแค่ 0.8 วินาที และผ่านการทดสอบมาแล้วกว่า 200,000 ครั้ง
มีหน้าจอขนาด 6.55 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ Dynamic AMOLED Panaromic ขอบจอบางเฉียบเพียง 3.35 มม. คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 93.1%, ซีพียู Snapdragon 730G, แรม 8GB, หน่วยความจำ 256GB, รองรับ Game Boost 2.0, รัน Android Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6, สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ, ตัวเครื่องไล่เฉดสีสวยงาม พร้อมวัสดุกระจก 3D เสริมความแกร่งด้วย Gorilla Glass 5 ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับ VOOC Flash Charge 3.0
ราคา 17,990 บาท
6. Realme X2
มือถือ 4 กล้อง ความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล ตามมาอีกรุ่น โดยรุ่นนี้มีดีไซน์ตัวเครื่องเหมือนกับ Realme XT ส่วนที่แตกต่างจะเป็นสเปกที่ปรับให้สูงขึ้นกว่าเดิม มาพร้อมหน้าจอ 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ AMOLED อัตราส่วนการแสดงผล 91.9% กระจก Corning Gorilla Glass 5, ซีพียู Snapdragon 730G, แรมสูงสุด 8GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB (UFS 2.1), รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ColorOS 6.0, กล้องหลัง 4 ตัว แบ่งเป็น เลนส์หลัก 64 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.72″ Samsung GW1, f/1.8 + กล้อง 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 118 องศา (Ultra-wide) ขนาดพิกเซล 1.12μm, f/2.25 + กล้อง 2 ล้านพิกเซล (Depth sensor) และกล้อง 2 ล้านพิกเซล (4cm macro) ขนาดพิกเซล 1.75μm, f/2.4 ส่วนกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล, f/2.0 และแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับ 30W VOOC 4.0 fast charging ชาร์จ 67% ในเวลา 30 นาที ผ่านพอร์ต USB Type-C
ราคาประมาณ 6,900 บาท
7. Lenovo Z6
มือถือระดับกลาง สเปกสุดคุ้ม ลงสู่ตลาดอีกรุ่น ด้านสเปกมีหน้าจอ 6.39 นิ้ว OLED ติ่งทรงหยดน้ำ ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 19.5:9 คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 93.1% รองรับ HDR10+, DCI-P3 color gamut และ Refresh Rate 120Hz พร้อมสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอรุ่นที่ 6 รุ่นนี้ใช้ซีพียู Snapdragon 730 ความเร็ว 2.2 GHz Octa-core, แรม 6GB/8GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB, กล้องหลัง 3 เลนส์ 24 + 8 + 5 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล วัสดุตัวเครื่องใช้อะลูมิเนียมซีรีส์ 6000 กับกระจก ดีไซน์สวยแบบเรียบ ๆ และมีแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 15 วัตต์
ราคาประมาณ 8,490 บาท
มือถือดีไซน์ใหม่ที่มาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์แบบป๊อปอัพ เป็นได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังในตัว เรียกว่า Rotating Camera ที่ส่วนของเลนส์กล้องจะสไลด์ขึ้นมาพร้อมทั้งพลิกกลับมาด้านหน้าเมื่อเปิดโหมดใช้งานกล้องหน้า สำหรับกล้องทั้ง 3 เลนส์นั้นจะประกอบไปด้วย กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล + Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล + เลนส์ 3D Depth และมีข้อดีคือ สามารถใช้กล้องทั้ง 3 เลนส์นี้เป็นกล้องหน้าเพื่อถ่ายเซลฟี่ได้เลย ส่วนด้านฟีเจอร์ของกล้องนั้นก็มีทั้งตัวเลนส์ที่กว้าง 123 องศา แบบ Ultra Wide
สเปกอื่น ๆ มาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED 6.7 นิ้ว Full HD+ ซีพียู Snapdragon 730 Octa-Core แรม 8GB ความจุ 128GB (ไม่รองรับ microSD) แบตเตอรี่ 3,700mAh รองรับ 25W Super Fast Charging เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ มีผู้ช่วยส่วนตัว Bixby รองรับ Samsung Knox และรัน Android 9 Pie
ราคา 14,990 บาท (แรม 8GB/128GB)
9. OPPO K5
มือถือระดับกลางซีรีส์ K ที่โดดเด่นทั้งการเล่นเกมและถ่ายภาพด้วยกล้องหลังความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ AMOLED อัตราส่วนการแสดงผล 91.9% เสริมความแกร่งด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5, ซีพียู Snapdragon 730G, แรมสูงสุด 8GB, หน่วยความจำ 64GB/256GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ColorOS 6.0 และแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 30 วัตต์ VOOC 4.0 สามารถชาร์จ 67% ในเวลา 30 นาที ผ่านพอร์ต USB Type-C
มีกล้องหลัง 4 ตัว แบ่งเป็น เลนส์หลัก 64 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ 1/1.72″ Samsung GW1, f/1.8 + 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 119 องศา (Ultra-wide) ขนาดพิกเซล 1.12μm, f/2.25 + 2 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Depth และ 2 ล้านพิกเซล เลนส์ 4cm macro ขนาดพิกเซล 1.75μm, f/2.4 รองรับ AI scene recognition, Chrome boost, Super nightscape และ Expert mode รวมถึงรองรับกันสั่น EIS สำหรับการถ่ายวิดีโอ กล้องหน้ารุ่นนี้ 32 ล้านพิกเซล
ราคาประมาณ 8,000 บาท
หมายเหตุ: ราคามือถืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับร้านที่วางจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อทุกครั้ง และมือถือบางรุ่นยังไม่ได้วางจำหน่ายในประเทศไทย