เช็กเลย มือถือที่ใช้ซีพียู Snapdragon 855 Plus รุ่นท็อปสุดของวงการ ปี 2019 มีรุ่นไหนบ้าง แบรนด์มือถือที่ใช้ซีพียู Snapdragon 855+ มีกี่รุ่นในตลาดมือถือตอนนี้
.jpg)
Snapdragon 855 Plus เป็นซีพียูเวอร์ชั่นอัปเกรดของ Snapdragon 855 จากบริษัท Qualcomm ที่มือถือหลาย ๆ แบรนด์เลือกใช้กับมือถือรุ่นท็อปของตัวเอง Snapdragon 855 Plus เป็นซีพียูสำหรับมือถือระดับเรือธง เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งาน 5G, ด้านเกมมิ่ง, AI และ XR ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม จีพียู (GPU) Adreno 640 อัปเกรดให้แรงขึ้นกว่าเดิม 15% และซีพียู Kryo 485 เพิ่มความเร็วเป็น 2.96GHz (ของเดิม 2.84GHz, หรือมากกว่าเดิม 4%) สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือที่ใช้ซีพียู Snapdragon 855 Plus ลองมาเช็กกันก่อนว่า ตอนนี้ในตลาดมือถือมีรุ่นไหนบ้างที่เลือกใช้ซีพียูรุ่นนี้
มือถือเรือธงรุ่นแรกของค่าย realme สเปกจัดสุด กล้องจัดเต็ม มาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+, อัตราส่วนพื้นที่การแสดงผล 91.7%, รองรับ HDR10+, DC Dimming 2.0, 90Hz refresh rate, 135Hz touch sampling rate, ซีพียู Snapdragon 855 Plus, แรมสูงสุด 12GB, ระบายความร้อนด้วยของเหลวพร้อมคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยระบายความร้อนได้ดีขึ้น, รัน Android Pie ครอบทับด้วย ColorOS
มีกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ 1/1.72″ Samsung GW1, รูรับแสงกว้าง f/1.8, 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 115 องศา (Ultra-wide) สามารถถ่ายมาโคร 2.5cm, 13 ล้านพิกเซล เลนส์ Telephoto รองรับซูม 20 เท่า แบบ Hybrid และ 2 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Depth, กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล
ราคา 14,690 บาท (แรม 8GB/128GB)
มือถือเรือธงรุ่นอัปเกรดสำหรับครึ่งปีหลัง 2019 โดยรุ่นนี้อัปเกรดบางส่วนให้ดีขึ้นจากรุ่น OnePlus 7 Pro มาพร้อมหน้าจอ 6.67 นิ้ว Fluid AMOLED ความละเอียด Quad HD+ ไม่มีติ่ง, 90Hz refresh rate, ซีพียู Snapdragon 855 Plus, แรม 8GB, ระบบระบายความร้อน liquid cooling และรัน Android 10.0 ครอบทับด้วย OxygenOS 10
กล้องหลัง 3 ตัว แบ่งเป็น ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586, เลนส์ 7 ชิ้น, รูรับแสง f/1.6, กันสั่น OIS และ EIS, กล้องตัวที่สอง 8 ล้านพิกเซล (telephoto lens), รูรับแสง f/2.4, ขนาดพิกเซล 1μm, มีกันสั่น OIS, Optical Zoom 3 เท่า, กล้องตัวที่สาม 16 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 117 องศา (Ultra Wide Angle Lens) รูรับแสง f/2.2 และยังมีโหมด NightScape 2.0 สำหรับถ่ายภาพตอนกลางคืนหรือที่แสงน้อยให้ภาพออกมาดูสว่างสดใส กล้องหน้าเหมือน OnePlus 7 Pro เป็นกล้องหน้าป๊อปอัพ 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX471, รูรับแสง f/2.0, ขนาดพิกเซล 1.0μm
ราคา 26,990 บาท
3. OnePlus 7T
มือถือเรือธงรุ่นอัปเกรดสำหรับครึ่งปีหลัง 2019 โดยรุ่นนี้อัปเกรดสเปกให้ดีกว่า OnePlus 7 มาพร้อมหน้าจอ 6.55 นิ้ว Fluid AMOLED ความละเอียด Full HD+, มีติ่ง, รองรับ 90Hz refresh rate, HDR10+, อัตราส่วน 20:9, กระจก 3D Corning Gorilla Glass, ซีพียู Octa-Core Snapdragon 855 Plus, แรม 8GB, ระบบระบายความร้อน Graphite heat sink, รัน Android 10.0 ครอบทับด้วย OxygenOS 10
กล้องหลัง 3 ตัว ดีไซน์ใหม่แบบวงกลม ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586, กันสั่น OIS, 16 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 117 องศา สามารถถ่ายมาโครได้ 2.5 macro และ 12 ล้านพิกเซล เลนส์ Telephoto รองรับการซูม 2 เท่า แบบ Optical zoom รวมถึงมี Nightscape Mode, กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX471
ราคา 17,990 บาท (แรม 8GB/128GB)
มือถือเรือธงรุ่นใหม่ของ OPPO สเปกจัดเต็ม หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ AMOLED อัตราส่วนพื้นที่การแสดงผล 91.7%, 90Hz refresh rate และ 135Hz touch sampling rate, ซีพียู Snapdragon 855 Plus, แรมสูงสุด 12GB, หน่วยความจำ 128GB/256GB, รัน Android Pie ครอบทับด้วย ColorOS, กล้องหลัง 4 ตัว แบ่งเป็น เลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซล พร้อม Ultra steady video mode, กันสั่น OIS กับ EIS และ Ultra Dark mode + 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 116 องศา + 13 ล้านพิกเซล เลนส์ Telephoto รองรับไฮบริดซูม 5 เท่า + 2 ล้านพิกเซล เลนส์ Mono, กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล
ราคาประมาณ 13,590 บาท
มือถือแห่งอนาคตที่มาพร้อมดีไซน์แบบล้ำยุคด้วยหน้าจอโอบไปถึงด้านหลังตัวเครื่อง ทาง Xiaomi เรียกหน้าจอแบบใหม่นี้ว่า Surround display อัตราส่วนการแสดงผลกินพื้นที่ 180.6% และยังเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมกล้อง 3 ตัว ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ความละเอียดของภาพ 12,032 x 9,024 พิกเซล ซูมภาพ 8 เท่า แบบไม่เสียรายละเอียด วัสดุตัวเครื่องพรีเมียมทำมาจากไทเทเนียมอัลลอยที่มีความแข็งกว่าสเตนเลส 3 เท่า ตรงบริเวณแถบกล้องด้านหลังเป็นเซรามิก และกระจกครอบเลนส์กล้องเป็นแซฟไฟร์ ส่วนลำโพงของรุ่นนี้ถูกติดตั้งเอาไว้ใต้จอ
ราคาประมาณ 85,900 บาท
มือถือระดับเรือธง สเปกแรง รองรับ 5G มาพร้อมหน้าจอ 6.39 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด Full HD+, กระจก Corning Gorilla Glass 6, อัตราส่วนการแสดงผล 90.7%, ขอบด้านล่างบาง 3.6 มิลลิเมตร, ซีพียู Snapdragon 855 Plus 7nm พร้อมโมเด็ม Snapdragon X50 5G รองรับ 7 เสาอากาศ ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 2.02Gbps (ทดสอบใน Lab) และ 1.78Gbps (ทดสอบภาคสนาม), เร็วกว่า Mi 9 ถึง 10 เท่า และระบบระบายความร้อนทรงตัว L ที่สามารถลดอุณหภูมิซีพียูลง 10.2 องศาเซลเซียส, แรมสูงสุด 12GB และรัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย MIUI 11
ราคาประมาณ 15,900 บาท
7. Vivo NEX 3
มือถือเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีสเปกระดับท็อป และเทคโนโลยีพร้อมนวัตกรรมใหม่ล่าสุด มาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงาม ดูสะดุดตาด้วยสี Glowing Night หน้าจอแบบใหม่ ที่เรียกว่า Waterfall Screen เป็นหน้าจอไร้ขอบที่แท้จริง ดีไซน์แบบ Unibody design มีพื้นที่หน้าจอสูงถึง 99.6% พื้นที่การแสดงผลทั้งสองด้านโอบไปกับตัวเครื่องทั้งสองด้านด้วยความโค้งมนของตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มกดที่ด้านข้าง แต่ใช้การสัมผัสเข้ามาแทนที่ (Touch Sense) นอกจากนี้ยังมีเอฟเฟกต์แสงกะพริบซ่อนอยู่บริเวณขอบหน้าจอโค้งอีกด้วย (อ่านรายละเอียดเต็ม ๆ คลิกที่นี่)
ราคา 24,999 บาท
มือถือเกมมิ่งรุ่นที่ 4 ของค่าย ปรับปรุงจาก Nubia Red Magic 3 ที่เปิดตัวเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยรุ่นนี้มีสเปกเหมือนกับรุ่นก่อน ไม่ว่าจะหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น แรมสูงสุด 12GB ระบบระบายความร้อนแบบใหม่ และแบตเตอรี่ที่อึดกว่าเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ เปลี่ยนมาใช้ซีพียู Snapdragon 855 Plus และแรมที่เปลี่ยนตัวเลือกใหม่เป็น 8GB/12GB (อ่านรายละเอียดเต็ม ๆ คลิกที่นี่)
ราคาประมาณ 12,900 บาท
มือถือเรือธงรุ่นใหม่ของค่าย Meizu อัปเกรดจากรุ่น Meizu 16s มาพร้อมหน้าจอ 6.2 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ Super AMOLED ขอบจอบางเฉียบ ใช้ซีพียู Snapdragon 855 Plus, แรมสูงสุด 8GB,รองรับ Hyper Gaming, รัน Flyme OS 8 พัฒนาจาก Android Pie พร้อม One Mind 3.5 AI, กล้องหลัง 3 ตัว แบ่งเป็น 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586, กันสั่น 4 แกน OIS, 20 ล้านพิกเซล (Telephoto lens) เซ็นเซอร์ Sony IMX350, 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX481 เลนส์มุมกว้าง 117 องศา กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล รองรับ Face Unlock ที่เคลมว่าเร็วแค่ 0.2 วินาที พร้อม AI beauty และแบตเตอรี่ 3,600mAh รองรับชาร์จเร็ว 24 วัตต์ (mCharge fast charging)
ราคาประมาณ 11,590 บาท
10. Vivo iQOO Pro & iQOO Pro 5G
Vivo เปิดตัวมือถือซีรีส์ iQOO เพิ่มอีก 2 รุ่น คือ iQOO Pro และ iQOO Pro 5G ทั้งคู่เป็นมือถือระดับเรือธงสายเกมมิ่ง มีสเปกเหมือนกัน แตกต่างกันที่รองรับ 5G ในรุ่น iQOO Pro 5G ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.41 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ติ่งหยดน้ำ Super AMOLED คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 91.7%, รัน Android Pie ครอบทับด้วย Funtouch OS, ซีพียู Snapdragon 855 Plus พร้อมระบบระบายความร้อน Liquid Cooling, แรมสูงสุด 12GB, หน่วยความจำสูงสุด 512GB (UFS 3.0), กล้องหลัง 3 เลนส์ แบ่งเป็น 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX582 + 13 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 120 องศา + 2 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล
ราคาประมาณ 13,990 บาท
11. Nubia Z20
หลังจาก ASUS และ Xiaomi เปิดตัว ASUS ROG Phone II กับ Black Shark 2 Pro มือถือเกมมิ่งที่ใช้ซีพียู Snapdragon 855 Plus ที่อัปเกรดเพิ่มความเร็วซีพียูและจีพียูแรงขึ้น 15% ล่าสุด nubia ไม่รอช้า เปิดตัว nubia Z20 มือถือระดับเรือธง สเปกจัดเต็ม ที่ใช้ซีพียูรุ่นดังกล่าวตามมาอีกรุ่น มาพร้อมหน้าจอคู่ ขนาด 6.42 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ AMOLED ขอบจอบางเฉียบ ไม่มีติ่ง ส่วนหน้าจอที่ 2 ขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียด HD+ AMOLED ที่กลมกลืนกับบอดี้กระจก และมี DC dimming กับ AOD 2.0 ที่รองรับการแสดงข้อมูลพร้อมข้อความ, กราฟิก, GIF, วิดีโอและอื่น ๆ บนหน้าจอทั้งสอง
ราคาประมาณ 15,290 บาท
มือถือเกมมิ่งที่สานต่อจาก Black Shark 2 พร้อมอัปเกรดสเปกใหม่ ใช้ซีพียู Snapdragon 855 Plus และหน่วยความจำแบบ UFS 3.0 รวมถึงปรับดีไซน์ตัวเครื่องใหม่เล็กน้อย โดยเฉพาะด้านหลังที่ออกแบบใหม่โดยได้แรงบันดาลใจจาก F1 รวมถึงเอฟเฟกต์แสงไฟแบบใหม่
มาพร้อมหน้าจอ 6.39 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+, รองรับ HDR, มีค่า touch latency อยู่ที่ 34.7ms (ของเดิม 43.5ms) รวมถึงมีการปรับอัลกอริทึมแบบสัมผัสโดยเฉพาะสำหรับการเล่นเกมและ DC dimming 2.0, ระบบระบายความร้อนรุ่นใหม่ Liquid cooling 3.0 ที่สามารถลดอุณหภูมิของซีพียูได้ถึง 14 องศาเซลเซียล, สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ, กล้องหลังคู่ 48 + 12 ล้านพิกเซล รองรับการซูม 2 เท่า แบบ Optical, กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 27 วัตต์ ชาร์จแค่ 5 นาที สามารถเล่นเกมได้ 30 นาที
ราคา 19,900 บาท (แรม 8GB/128GB), 23,900 บาท (แรม 12GB/256GB)
มือถือภาคต่อของ ASUS ROG Phone รุ่นแรกที่เปิดตัวตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561 ยังคงคอนเซ็ปต์มือถือจอใหญ่ สเปกแรงเอาใจกลุ่มฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ ไม่ว่าจะเป็นระบบระบายความร้อน 3D Vapor Chamber พร้อมรูระบายความร้อนที่ด้านหลังเครื่อง ลำโพงคู่ด้านหน้า แบตเตอรี่ความจุ 6,000mAh พร้อมชาร์จเร็ว 30 วัตต์ ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว AMOLED อัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียด Full HD+, อัตรารีเฟรช 120Hz 120Hz/1ms, อัตรารีเฟรชของการทัชหน้าจอ (touch sampling rate) ที่ 240Hz, มีค่า touch latency อยู่ที่ 49ms, รองรับ DCI-P3, กระจก Gorilla Glass 6
นอกจากนี้ยังเป็นมือถือรุ่นแรกของวงการที่ใช้ซีพียู Snapdragon 855 Plus, แรม 12GB, หน่วยความจำ 512GB (UFS 3.0), รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ROG UI และมีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ด้านกล้องถ่ายภาพรุ่นนี้มาพร้อมกล้องหลังคู่ 48 ล้านพิกเซล + 13 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 125 องศา (ultra-wide) และกล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล
ราคา 29,990 บาท
มือถือที่ใช้ซีพียู Snapdragon 855 ปี 2019 มีรุ่นไหนบ้าง เช็กเลย
หมายเหตุ: ราคามือถืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับร้านที่วางจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อทุกครั้ง และมือถือบางรุ่นยังไม่ได้วางจำหน่ายในประเทศไทย
