เช็กเลย มือถือที่ใช้ซีพียู Snapdragon 855 รุ่นท็อปสุดของวงการ ปี 2019 มีรุ่นไหนบ้าง แบรนด์มือถือที่ใช้ซีพียู Snapdragon 855 ราคาถูก มีรุ่นไหนให้เลือกบ้าง
Snapdragon 855 ซีพียูระดับท็อปจากบริษัท Qualcomm ที่มือถือหลาย ๆ แบรนด์เลือกใช้กับมือถือรุ่นท็อปของตัวเอง และแน่นอนปี 2019 ก็มีมือถือที่ใช้ซีพียูรุ่นนี้เปิดตัวและวางจำหน่ายไปแล้วหลายรุ่นด้วยกัน สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือที่ใช้ซีพียู Snapdragon 855 ลองมาเช็กกันก่อนว่า ตอนนี้ในตลาดมือถือมีรุ่นไหนบ้างที่เลือกใช้ซีพียู Snapdragon 855
เปิดมาด้วยมือถือจากแบรนด์ Lenovo และเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่ใช้ซีพียู Snapdragon 855 พร้อมแรม 12GB เอาใจคนชอบมือถือสเปกแรง ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน โดยรุ่นนี้มีสเปกบางส่วนเหมือนกับ Lenovo Z5 Pro ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ หน้าจอแบบสไลด์เพื่อเปิดกล้องหน้า ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.39 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ Super AMOLED, อัตราส่วน 19.5:9, ขอบจอบาง 2.07 มิลลิเมตร คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 95.06%, แรม 6GB/8GB/12GB, หน่วยความจำ 128GB/256GB/512GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ZUI 10, กล้องหน้าคู่ 16 + 8 ล้านพิกเซล รองรับการสแกนใบหน้าด้วยอินฟราเรด, กล้องหลังคู่ 12 + 24 ล้านพิกเซล และมีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ วัสดุตัวเครื่องด้านหลังเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ใต้กระจกและมีสีแดงกับสีดำเน้นที่ด้านข้างคล้ายกับรถสปอร์ต
ราคาประมาณ 12,900 บาท
2. Xiaomi Mi 9
มือถือเรือธงของ Xiaomi ประจำปี 2019 ยังคงคอนเซ็ปต์มือถือสเปกจัดเต็ม ฟีเจอร์อัดแน่น ในราคาที่คุ้มค่าเหมือนเดิม ด้านสเปกมีหน้าจอ 6.39 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ Super AMOLED กระจก Corning Gorilla Glass 6 ติ่งทรงหยดน้ำ คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 90.7% ขอบด้านล่างเล็ก 3.6 มม. แคบลงกว่า Mi 8 ถึง 40% ใช้ซีพียูรุ่นใหม่ Snapdragon 855 ผลิตที่ 7 นาโนเมตร พร้อม Game Turbo และ real-time CPU/GPU/FPS monitoring, แรมสูงสุด 8GB รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย MIUI 10
นอกจากนี้ยังเป็นมือถือรุ่นแรกของ Xiaomi ที่มีกล้องหลัง 3 ตัว (48MP+12MP+16MP) โดยกล้องหลักมีความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX586 พร้อม Laser Autofocus, Phase Detection Auto focus (PDAF) และ Contrast Detection Autofocus (CAF), closed-loop Voice Coil Motor (VCM) for improved auto-focusing, กล้องตัวที่สอง 12 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung S5K3M5 (Telephoto) รองรับการซูม 2 เท่า และกล้องตัวที่สาม 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX481 เลนส์มุมกว้าง 117 องศา และกล้องของรุ่นนี้ยังได้รับคะแนนการถ่ายภาพจาก DxOMark ถึง 112 คะแนน คะแนนวิดีโอ 99 คะแนน ส่วนคะแนนรวมอยู่ที่ 107 คะแนน ทำให้ Xiaomi Mi 9 ขึ้นเป็นมือถือกล้องดีที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก
ราคา 16,999 บาท (แรม 6GB + 128GB)
Samsung Galaxy S10
มือถือเรือธงซีรีส์ Galaxy S รุ่นใหม่ ปี 2019 พร้อมกันรวดเดียว 3 รุ่น และแน่นอนแทบจะไม่เหลืออะไรให้ลุ้น เพราะข้อมูลต่าง ๆ ตรงตามภาพหลุดและข่าวลือแบบ 100% โดยการเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ ของ Galaxy S10 มาพร้อมหน้าจอแบบใหม่ Infinity-O เจาะรูฝังกล้อง ดีไซน์เหมือนกันทั้ง 3 รุ่น, กล้องหลัง 3 เลนส์ ตามสมัยนิยม (เฉพาะ Galaxy S10/S10+) แรมสูงสุด 12GB พร้อมหน่วยความจำมากที่สุด 1TB และฟีเจอร์ใหม่ PowerShare ที่สามารถใช้ Galaxy S10 ชาร์จมือถือเครื่องอื่นหรือหูฟังไร้สายได้ รวมถึงอีกหลายฟีเจอร์ใหม่ที่เป็นครั้งแรกของโลก (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่)
Samsung Galaxy S10+
ราคา
- Galaxy S10 แรม 8GB + 128GB ราคา 31,900 บาท
- Galaxy S10+ แรม 8GB + 128GB ราคา 35,900 บาท
- Galaxy S10+ แรม 8GB + 512GB ราคา 44,900 บาท
- Galaxy S10+ รุ่นเซรามิก แรม 12GB + 1TB ราคา 55,900 บาท
มือถือเรือธงซีรีส์ Galaxy S รุ่นใหม่ ปี 2019 พร้อมกันรวดเดียว 3 รุ่น และแน่นอนแทบจะไม่เหลืออะไรให้ลุ้น เพราะข้อมูลต่าง ๆ ตรงตามภาพหลุดและข่าวลือแบบ 100% โดยการเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ ของ Galaxy S10 มาพร้อมหน้าจอแบบใหม่ Infinity-O เจาะรูฝังกล้อง ดีไซน์เหมือนกันทั้ง 3 รุ่น, กล้องหลัง 3 เลนส์ ตามสมัยนิยม (เฉพาะ Galaxy S10/S10+) แรมสูงสุด 12GB พร้อมหน่วยความจำมากที่สุด 1TB และฟีเจอร์ใหม่ PowerShare ที่สามารถใช้ Galaxy S10 ชาร์จมือถือเครื่องอื่นหรือหูฟังไร้สายได้ รวมถึงอีกหลายฟีเจอร์ใหม่ที่เป็นครั้งแรกของโลก สำหรับ Galaxy S10e ที่วางขายไทยมีให้เลือก 2 สี คือ Prism White และ Prism Green (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่)
ราคา 26,900 บาท (แรม 6GB + 128GB)
มือถือเรือธงรุ่นแรกของ Samsung ที่รองรับ 5G และเป็นมือถือที่มีกล้องหลัง 4 ตัว กล้องหน้าคู่ ทำให้กลายเป็นมือถือที่มีกล้องรวมกันทั้งหมด 6 ตัว ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด Quad HD+ Curved Dynamic AMOLED, อัตราส่วน 19:9, (505ppi), ซีพียู Snapdragon 855/Exynos 9820, แรม 8GB, หน่วยความจำ 256GB, ไม่รองรับ microSD, รองรับซิมเดียว และแบตเตอรี่ 4,500mAh รองรับ Super Fast Charging, Fast Wireless Charging 2.0 และ Wireless PowerShare กล้องหน้าคู่ 10 ล้านพิกเซล, Dual Pixel AF, F1.9, เลนส์มุมกว้าง 80 องศา + เลนส์ 3D Depth
กล้องหลัง 4 เลนส์ พร้อม Dual OIS แบ่งออกเป็น
– เลนส์ Telephoto : 12 ล้านพิกเซล, PDAF, F2.4, กันสั่น OIS, เลนส์มุมกว้าง 45 องศา
– เลนส์ Wide-angle : 12 ล้านพิกเซล, Super Speed Dual Pixel AF, F1.5/F2.4, กันสั่น OIS, เลนส์มุมกว้าง 77 องศา
– เลนส์ Ultra Wide : 16 ล้านพิกเซล, FF, F2.2, เลนส์มุมกว้าง 123 องศา
– เลนส์ 3D Depth : hQVGA
– รองรับการซูม 0.5/2 เท่า Optical zoom, ซูม 10 เท่า แบบ Digital zoom
ราคาประมาณ 38,800 บาท
มือถือรุ่นแรกของโลกที่มีหน้าจอ Dynamic AMOLED Infinity Flex Display ขนาด 7.3 นิ้ว แบบพับได้ โดยเหล่าวิศวกรซัมซุงได้สรรค์สร้างการพับด้วยกลไกบานพับที่ซับซ้อน ที่ทำให้เกิดการพับที่เป็นธรรมชาติ แนบชิด มีรูปลักษณ์ที่เรียบหรู โดดเด่นด้วยการทำงานแบบ Multi-Active Window สามารถเปิดแอปพลิเคชันได้ถึง 3 แอปพลิเคชันในเวลาเดียวกันบนหน้าจอเดียว และใช้งานได้อย่างต่อเนื่องระหว่างหน้าจอหลักกับหน้าจอบนฝาพับ
ด้านสเปกของ Galaxy Fold หน้าจอหลัก 7.3 นิ้ว QXGA+ Dynamic AMOLED (อัตราส่วน 4.2:3) หน้าจอด้านหน้ามีขนาด 4.6 นิ้ว ความละเอียด HD+ Super AMOLED (อัตราส่วน 21:9) ใช้ซีพียู Snapdragon 855, แรม 12GB (LPDDR4x), หน่วยความจำ 512GB รองรับมาตรฐาน UFS3.0 อ่านข้อมูลได้เร็วกว่าเดิม, แบตเตอรี่แบ่งออกเป็น 2 ก้อนอยู่ทั้ง 2 ฝั่งของหน้าจอมีความจุ 4,380mAh รองรับ Fast Charging, Wired charging compatible with QC2.0 and AFC และ Wireless charging
ราคาประมาณ 61,590 บาท
มือถือรุ่นอัปเกรดจาก Xiaomi Mi MIX 3 ที่เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2561 โดยรุ่นนี้ทาง Xiaomi ได้อัปเกรดให้เป็นมือถือ 5G รุ่นแรกของแบรนด์ และมีการอัปเกรดสเปกบางส่วน เช่น เปลี่ยนซีพียูจาก Snapdragon 845 เป็น Snapdragon 855, ชิปโมเด็ม Snapdragon X50 5G และเพิ่มความจุแบตเตอรี่จาก 3,200mAh เป็น 3,800mAh ส่วนสเปกและดีไซน์อื่น ๆ เหมือนกับรุ่นปกติ
ราคาประมาณ 21,290 บาท
มือถือเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของ Sony ที่เปลี่ยนรูปแบบการตั้งชื่อรุ่นใหม่จาก XZ ไปใช้ชื่อแบบตัวเลขอย่างเดียว โดย Xperia 1 จะมาพร้อมหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว เป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่ใช้หน้าจอ OLED อัตราส่วน 21:9 CinemaWide ความละเอียด 4K รองรับ HDR ใช้เทคโนโลยีเดียวกับจอทีวี Bravia ของ Sony กระจกหน้าจอเป็น Gorilla Glass 6 แข็งแรงทนทาน และด้วยความยาวของหน้าจอเป็นพิเศษทำให้สามารถแบ่งจอใช้งาน 2 แอปฯ พร้อมกันได้อย่างสบาย ๆ
ด้านสเปกอื่น ๆ นั้นก็ใช้ซีพียู Snapdragon 855 พร้อมรองรับ Gigabit LTE แบตเตอรี่ 3,330mAh พร้อมฟีเจอร์ Stamina และ Adaptive Charging ส่วนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะอยู่ด้านข้างใต้ปุ่ม Volume แต่ไม่ได้อยู่รวมกับปุ่ม Power เหมือนรุ่นก่อน ๆ
ราคาประมาณ 26,800 บาท
หลังจากเงียบหายไปจากวงการมือถือนานพอสมควร ล่าสุดที่งาน Mobile World Congress 2019 แบรนด์มือถือชื่อดังจากจีนอย่าง ZTE ก็กลับมาเปิดตัวมือถือใหม่อีกครั้ง ได้เปิดตัว ZTE Axon 10 Pro 5G มือถือเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดในซีรีส์ Axon ที่สานต่อจาก ZTE Axon 9 Pro มาพร้อมสเปกจัดเต็ม รองรับ 5G เป็นรุ่นแรกของแบรนด์ โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำระดับโลกอย่าง China Unicom, Elisa และ Hutchison Drei Austria
ด้านสเปกมาพร้อมซีพียู Snapdragon 855 จับคู่กับโมเด็ม Snapdragon X50 5G, แรม 6GB, หน่วยความจำ 128GB, AI Performance Engine เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้งาน โดยเฉพาะการเล่นเกมและโหลดคลิปวิดีโอด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ยังมาพร้อมดีไซน์สุดหรู เครื่องสแกนลายนิ้วมือฝังในจอที่ทำงานอย่างรวดเร็วและแม่นยำ คุณภาพเสียงอันโดดเด่น รวมถึงเทคโนโลยีกราฟิก Axon Vision ที่ให้ภาพถ่ายและวิดีโอคุณภาพสูงด้วยกล้องหลัง 3 ตัว เลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซล + 20 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล, F1.8, กันสั่น OIS และกล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล
ราคายังไม่เปิดเผย
10. Vivo iQOO
มือถือระดับเรือธงรุ่นแรกจากแบรนด์ลูกของ Vivo ที่เน้นไปด้านมือถือเกมมิ่งโดยเฉพาะ พร้อมกับจัดเต็มทั้งในเรื่องของดีไซน์ตัวเครื่อง และฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อเหล่าเกมเมอร์โดยเฉพาะ ด้านสเปกของ iQOO มาพร้อมหน้าจอ 6.41 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ มีติ่งทรงหยดน้ำ คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 91.7% ใช้ซีพียู Snapdragon 855 พร้อมระบบระบายความร้อน liquid cooling, แรมสูงสุด 12GB, รัน Android 9.0 Pie, กล้องหลัง 3 เลนส์ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX363 พร้อมเทคโนโลยี Dual Pixel) + 13 ล้านพิกเซล (เลนส์มุมกว้าง 120 องศา) + 2 ล้านพิกเซล (Depth) ส่วนกล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล
ราคาประมาณ 14,290 บาท
11. Black Shark 2
มือถือเกมมิ่งรุ่นใหม่ ดีไซน์ไม่ต่างจาก Black Shark Helo และ Black Shark แต่รุ่นนี้ได้อัปเกรดสเปกให้แรงขึ้น มาพร้อมหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเป็น 6.39 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+, รองรับ HDR, หน้าจอมีเซ็นเซอร์ที่สามารถแยกแยะแรงกดได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มปุ่มคำสั่งพิเศษในเกมได้ 2 ปุ่ม ได้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของหน้าจอ, ซีพียู Snapdragon 855, แรมสูงสุด 12GB, ระบบระบายความร้อนรุ่นใหม่ Liquid cooling 3.0 ที่สามารถลดอุณหภูมิของซีพียูได้ถึง 14 องศาเซลเซียล, สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ, กล้องหลังคู่ 48 + 12 ล้านพิกเซล รองรับการซูม 2 เท่า แบบ optical, กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 27 วัตต์ ชาร์จแค่ 5 นาที สามารถเล่นเกมได้ 30 นาที
ราคาประมาณ 15,000 บาท
มือถือที่แยกออกมาเป็นอีกแบรนด์ของ OPPO มาพร้อมสเปกระดับเรือธง หน้าจอแบบไร้ขอบและกล้องหน้าแบบป๊อปอัพ โดยกล้องหน้าจะสไลด์ขึ้นมาตอนที่เปิดโหมดกล้องหน้า ส่วนลำโพงนั้นก็ถูกนำไปไว้รวมกับกล้องหน้าเช่นกัน ทำให้ได้หน้าจอแบบไร้ขอบโดยไม่ต้องมีติ่ง OPPO Reno จะมีแบ่งออกเป็น 2 รุ่นคือ Standard Edition มาพร้อมกล้อง 2 เลนส์ ส่วนรุ่น 10x Hybrid Optical Zoom Edition จะมาพร้อมกล้อง 3 เลนส์และความสามารถในการซูม 10 เท่า ถึงแม้จะซูมไม่ได้มากถึง 50 เท่าอย่าง Huawei P30 Pro แต่ก็ถือว่าซูมได้มากกว่ามือถือทั่วไปในตลาด รวมทั้งมีระบบกันสั่น OIS ที่ทำให้สามารถถ่ายภาพได้สบาย ๆ แม้มือไม่นิ่ง
ราคา 16,990 บาท (Standard Edition) และราคา 28,990 บาท (Reno 10x Zoom)
13. OnePlus 7 Pro
OnePlus แบรนด์มือถือเจ้าของฉายานักฆ่าเรือธง (Flagship Killer) เปิดตัว OnePlus 7 และ OnePlus 7 Pro มือถือเรือธงรุ่นใหม่ สเปกจัดเต็มเหมือนเดิม พร้อมปรับโฉมดีไซน์ให้ดูสวยงามและพรีเมียมกว่าเดิม เริ่มต้นที่ OnePlus 7 Pro ที่เป็นรุ่นเด่นสุด มาพร้อมหน้าจอใหญ่ไร้ติ่งขนาด 6.67 นิ้ว ใช้หน้าจอแบบใหม่ Fluid AMOLED ความละเอียด Quad HD+ มีอัตรารีเฟรช 90Hz และหน้าจอของ OnePlus 7 Pro ยังได้คะแนนที่ระดับ A+ ระดับเดียวกับ Galaxy S10+ และ Pixel 3 XL จาก DisplayMate อีกด้วย ส่วนทางด้าน OnePlus 7 จะใช้หน้าจอ Optic AMOLED ขนาด 6.41 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ และมีติ่งเหมือนกับรุ่น OnePlus 6T
ด้านสเปกใช้ซีพียูยอดฮิต Snapdragon 855 แรม 6GB/8GB/12GB, หน่วยความจำ 128GB/256GB (UFS 3.0), ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว 10 ชั้น, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย OxygenOS 9.0, แบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับ Warp Charge 30 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 0 ถึง 48% ในเวลา 20 นาที, ลำโพงคู่สเตอริโอพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos และมีสแกนนิ้วมือบนหน้าจอที่มีความรวดเร็วโดยใช้เวลาในการปลดล็อกแค่ 0.21 วินาที
ราคา
- รุ่น RAM 6GB + ROM 128GB ราคา 24,990 บาท
- รุ่น RAM 8GB + ROM 128GB ราคา 26,990 บาท
- รุ่น RAM 12GB + ROM 256GB ราคา 29,990 บาท
14. Lenovo Z6 Pro
มือถือเรือธงที่จัดเต็มทั้งสเปก กล้อง และฟีเจอร์แบบครบครัน มาพร้อมหน้าจอ 6.39 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 19.5:9 ติ่งทรงหยดน้ำ รองรับ HDR10 และ DCI-P3 รวมถึงระบบสแกนนิ้วมือบนหน้าจอ ดีไซน์ตัวเครื่องใช้วัดสุโลหะกับกระจก มีความเงางามและไล่เฉดสีสวยดูสะดุดตา รุ่นนี้ใช้ซีพียู Snapdragon 855 มีโหมด Game Turbo ที่จะช่วยเข้ามาจัดการในเรื่องของการเล่นเกมให้ลื่นไหล และยังมีระบบระบายความร้อน Liquid Cooling มีแรมสูงสุด 12GB หน่วยความจำสูงสุด 512GB รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ZUI 11 พร้อมแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับการชาร์จเร็ว 27 วัตต์ ชาร์จแค่ 15 นาที เล่นเกมได้นาน 2 ชั่วโมง
ราคาประมาณ 13,900 บาท
มือถือเกมมิ่งรุ่นที่สามของค่าย สานต่อจาก Nubia Red Magic Mars โดยรุ่นนี้อัปเกรดสเปกใหม่ ไม่ว่าจะหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น แรมสูงสุด 12GB ระบบระบายความร้อนแบบใหม่ และแบตเตอรี่ที่อึดกว่าเดิม มาพร้อมหน้าจอ 6.65 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+, รองรับ HDR 90Hz refresh rate, ซีพียู Snapdragon 855, แรมสูงสุด 12GB, หน่วยความจำสูงสุด 256GB และเคลมว่าเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่มีระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพช่วยระบายความร้อนได้ถึง 500% ส่วนแบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 27 วัตต์ ชาร์จแค่ 10 นาที เล่นเกมได้ 1 ชั่วโมง
ราคาประมาณ 13,790 บาท
16. Redmi K20 Pro
มือถือระดับเรือธงซีรีส์ K รุ่นแรกของแบรนด์ มาพร้อมสเปกและดีไซน์แบบจัดเต็มกับราคาแค่หมื่นต้น ๆ เท่านั้น มาพร้อมหน้าจอ 6.39 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+ คิดเป็นสัดส่วนพื้นที่การใช้งาน 91.9% ขอบบางเฉียบ 2.1 มิลลิเมตร, ซีพียู Snapdragon 855, แรมสูงสุด 8GB, ระบายความด้วยแผ่นกราไฟท์ 3 มิติ 8 ชั้นเพื่อการระบายความร้อนที่ดีขึ้น, มี Game Turbo 2.0, รัน Android Pie ครอบทับด้วย MIUI 10, กล้องหลัง 3 เลนส์ แบ่งเป็น 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586 + 8 ล้านพิกเซล เลนส์ Telephoto และ 13 ล้านพิกเซล เลนส์ Ultra-wide มุมกว้าง 124.8 องศา และแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 27 วัตต์ ชาร์จ 30 นาที ได้แบตเตอรี่ 58%
ราคาประมาณ 11,590 บาท
17. ASUS ZenFone 6
มือถือเรือธงรุ่นใหม่ จาก ASUS มาพร้อมหน้าจอไร้ติ่ง ขนาด 6.46 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ขอบจอบางสวยงาม คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 92% ใช้ซีพียู Snapdragon 855 แรมสูงสุด 8GB of RAM, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ZenUI 6 พร้อมการันตีอัปเดต Android Q และ Android R ในอนาคต สำหรับไฮไลต์ของรุ่นนี้อยู่ที่กล้องคู่หมุนได้ 90 องศา (Flip Camera) ใช้เป็นทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586 ใช้เทคโนโลยี Quad Bayer ถ่ายภาพความละเอียดสูงสุด 12 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องตัวที่สอง 13 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 125 องศา และแบตเตอรี่ 5,000mAh พร้อม QuickCharge 4.0 (18 วัตต์)
ราคาประมาณ 17,690 บาท
18. LG V50 ThinQ
มือถือระดับเรือธงจาก LG มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว กล้องหน้า 2 ตัว หน้าจอใหญ่ 6.4 นิ้ว OLED FullVision สเปกจัดเต็ม ฟีเจอร์อัดแน่น ดีไซน์เหมือน LG V40 ThinQ แค่อัปเกรดสเปกและทำให้รองรับ 5G ตามเทรนด์ของปี 2019 โดยใช้สเปกซีพียู Snapdragon 855 พร้อมโมเด็ม Snapdragon X50 นอกจากรองรับ 5G แล้ว ในเรื่องของกล้องถ่ายภาพก็โดดเด่นเช่นกัน เริ่มต้นกันที่กล้องหลัง 3 ตัว ตัวแรก 16 ล้านพิกเซล (Super wide-angle), กล้องตัวที่สอง 12 ล้านพิกเซล (Standard angle) และตัวที่สาม 12 ล้านพิกเซล (Telephoto) เลนส์มุมกว้าง 107 องศา และรองรับการซูม 2x optical zoom และฟีเจอร์ที่มาพร้อมกับกล้องได้แก่ Cine Shot, 3D Light Effect, Makeup Pro, Custom Backdrop, My Avatar และ AR Emoji ส่วนกล้องหน้าคู่ 8 ล้านพิกเซล (Standard) รูรับแสง F1.8 ขนาดพิกเซล 1.12μm เลนส์มุมกว้าง 80 องศา กล้องตัวที่สอง 5 ล้านพิกเซล (Wide) รูรับแสง F2.2 ขนาดพิกเซล 1.12μm เลนส์มุมกว้าง 90 องศา
ราคายังไม่เปิดเผย
19. LG G8S ThinQ
มือถือระดับเรือธงสำหรับวางขายนอกเกาหลี มาพร้อมหน้าจอ 6.2 นิ้ว FullVision ความละเอียด Full HD+, หน้าจอแบบ OLED, ซีพียู Snapdragon 855, แรม 6GB, รัน Android Pie, กล้องหลัง 3 เลนส์ แบ่งเป็นเลนส์หลัก 12 ล้านพิกเซล, 13 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 137 องศา (super wide-angle) และ 12 ล้านพิกเซล (telephoto lens) ส่วนกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์ 3D ToF ที่ช่วยตรวจวัดระยะความลึก ทำให้ฉากหลังเบลอได้อย่างเรียบเนียน และมีลำโพงสเตอริโอ, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และ DAC, กระจก Gorilla Glass 2.5D ที่ด้านหลัง และยังกันกระแทกตามมาตรฐาน MIL-STD 810G รวมถึงป้องกันน้ำกันฝุ่น IP68
ราคาประมาณ 26,690 บาท
20. Sharp AQUOS R3
หลังจากเปิดตัว AQUOS R2 Compact เมื่อช่วงปลายปี 2561 ล่าสุด Sharp ประกาศเปิดตัว AQUOS R3 ยังคงเอกลักษณ์เป็นมือถือที่มี 2 ติ่งบนหน้าจอ ทั้งด้านบน-ด้านล่าง โดยติ่งด้านบนจะมีลักษณะคล้ายหยดน้ำ ส่วนด้านล่างมีลักษณะเป็นแถบสีดำคร่อมปุ่มโฮมและใช้สแกนลายนิ้วมือได้อีกด้วย ด้านสเปกยังอัปเกรดให้ดีขึ้นในหลาย ๆ ส่วน โดยรุ่นนี้มีหน้าจอ IGZO LCD ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด Quad HD+ พร้อม 120GHz refresh rate, ซีพียู Snapdragon 855, แรม 6GB, หน่วยความจำ 64GB, รัน Android 9.0 Pie, กล้องหลังคู่ 12.2 + 20.1 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 125 องศา, กล้องหน้า 16.3 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 3,200mAh รองรับชาร์จเร็วและชาร์จไร้สาย
ราคายังไม่เปิดเผย
21. Meizu 16s
มือถือระดับเรือธงรุ่นใหม่ สานต่อจาก Meizu 16 และ Meizu 16 Plus อัปเกรดสเปกใหม่ ทั้งหน้าจอและกล้องให้ทันสมัยตามยุค ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.2 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด Full HD+ หน้าจอไม่มีติ่ง ขอบจอบาง 4.2 มม. คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 91.53%, ซีพียู Snapdragon 855, แรมสูงสุด 8GB, หน่วยความจำ 128GB/256GB, มีโหมด Hyper Gaming, รัน Flyme OS 8 พัฒนาจาก Android Pie พร้อม One Mind 3.0 AI, กล้องหลังคู่ 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586, กันสั่น OIS, มี Night mode + 20 ล้านพิกเซล เลนส์ Telephoto เซ็นเซอร์ Sony IMX350, กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล ปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้า 0.2 วินาที, มี AI beauty รุ่นนี้ยังคงใช้สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ มีแบตเตอรี่ 3,600mAh รองรับชาร์จเร็ว mCharge 24 วัตต์
ราคาประมาณ 16,000 บาท
5 มือถือเล่นเกม ปี 2019 ซีพียู Snapdragon 710 ซื้อรุ่นไหนดี
5 มือถือเล่นเกม ปี 2019 ราคาถูก ที่ใช้ซีพียู Snapdragon 660
หมายเหตุ: ราคามือถืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับร้านที่วางจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อทุกครั้ง และมือถือบางรุ่นยังไม่ได้วางจำหน่ายในประเทศไทย