x close

10 มือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท น่าซื้อในงาน Mobile Expo 2019

          อยากได้มือถือใหม่ ราคาไม่เกิน 5,000 บาท ซื้อมือถือรุ่นไหนดี ในงาน Thailand Mobile Expo 2019 รอบกลางปี มือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท มีรุ่นไหนให้เลือกซื้อบ้าง

มือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท

          กลับมาอีกครั้งกับงาน Thailand Mobile Expo 2019 งานที่รวมมือถือและแก็ดเจ็ตจากหลากหลายแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รอบกลางปี 2019 สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือใหม่ แต่มีงบจำกัด อยากได้มือถือที่อยู่ในช่วงราคาไม่เกิน 5,000 บาท สเปกคุ้มค่า เน้นการใช้งานทั่วไป แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกรุ่นไหนดี และกำลังจะไปซื้อมือถือใหม่ในงาน Thailand Mobile Expo 2019 วันที่ 30 พฤษภาคม - 2 มิถุนายน 2562 ที่ไบเทค บางนา วันนี้กระปุกดอทคอมมี 10 มือถือสำหรับคนที่มีงบไม่เกิน 5,000 บาท มาแนะนำ ส่วนจะมีรุ่นไหนให้เลือกบ้าง มาติดตามกันเลย

1. OPPO A5s

มือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท

          มือถือระดับกลางซีรีส์ A รุ่นใหม่ จาก OPPO ที่สานต่อจาก OPPO A5 มาพร้อมหน้าจอ 6.2 นิ้ว ความละเอียด HD+ ติ่งทรงหยดน้ำ (Waterdrop Screen), อัตราส่วน 19:9, กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล พร้อม AI Beautification 2.0 และ AR Stickers, แบตเตอรี่ 4,230mAh, ใช้ซีพียู MediaTek Helio P35 (ความแรงเทียบเท่า Snapdragon 625), แรมสูงสุด 4GB, หน่วยความจำ 32GB/64GB และรัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย ColorOS 5.2

ราคา 4,999 บาท (แรม 3GB + 32GB)

2. OPPO A1k

มือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท

          มือถือราคาประหยัด ระดับเริ่มต้นซีรีส์ A ของ OPPO ด้านสเปกมีหน้าจอใหญ่ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด HD+ ติ่งทรงหยดน้ำ สัดส่วนพื้นที่การใช้งาน 87.43% ใช้ซีพียู MediaTek Helio P22, แรม 2GB, หน่วยความจำ 32GB, รัน Android Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6.0, กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล พร้อม LED flash, กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ไม่มีสแกนลายนิ้วมือ ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ 4,000mAh

ราคา 3,999 บาท

3. Wiko Jerry 4

มือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท

          มือถือราคาถูกรุ่นใหม่ ระดับเริ่มต้น ที่อัปเกรดมาจาก Wiko Jerry 3 โดยรุ่นนี้อัปเกรดหน้าจอใหญ่ขึ้น แบตเตอรี่มีความจุมากกว่าเดิม และมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android Pie (Go Edition) ตั้งแต่แกะกล่อง ด้านสเปกมีหน้าจอขนาดใหญ่ 5.99 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 ขอบจอบางลง เพื่อขยายความกว้างในการแสดงผล ความละเอียดแบบ HD+, มีลำโพงคู่ด้านหน้า, ซีพียู Quad-Core 1.3GHz, แรม 1GB, หน่วยความจำ 16GB, รองรับ microSD สูงสุด 32GB, กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด Face Beauty, HDR, Panorama, Live Filter, Time lapse, Burst Mode ส่วนกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล + Selfie flash, ดีไซน์ตัวเครื่องไล่เฉดสีตามสมัยนิยม, ไม่มีสแกนลายนิ้วมือ มีสแกนใบหน้า และแบตเตอรี่ 3,730mAh

ราคา 2,690 บาท

4. Samsung Galaxy A10

มือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท

          มือถือซีรีส์ A น้องเล็กสุด โดยรุ่นนี้เป็นมือถือราคาประหยัด ระดับเริ่มต้น ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.2 นิ้ว Infinity-V ความละเอียด HD+, ซีพียู Exynos 7884 Octa-Core, แรม 2GB, หน่วยความจำ 32GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย Samsung One UI, กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล, รองรับปลดล็อกด้วยใบหน้า และแบตเตอรี่ 3,400mAh

ราคา 4,490 บาท

5. Vivo Y93

มือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท

          มือถือซีรีส์ Y รุ่นใหม่ หลังจากเปิดตัวที่ประเทศจีนและอินเดียไปก่อนหน้านี้ สำหรับ Vivo Y93 มาพร้อมหน้าจอ 6.22 นิ้ว ความละเอียด HD+ 19:9 รอยบากทรงหยดน้ำ (Waterdrop) พื้นที่หน้าจอสูงถึง 88.6% ใช้ซีพียูรุ่นใหม่ Snapdragon 439 ผลิตบนสถาปัตยกรรม FinFET ด้วยเทคโนโลยี 12 นาโนเมตร, แรม 3GB, หน่วยความจำ 32GB, รองรับ SD Card สูงสุด 256GB, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย Funtouch OS 4.5, กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล รองรับ AI Face Beauty มีสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว เพียง 0.2 วินาที เท่านั้น และมีระบบสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อก รุ่นนี้มีแบตเตอรี่ 4,030mAh

ราคา 4,999 บาท

6. Redmi 7

มือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท

          หลังจากเปิดตัว Xiaomi Redmi Note 7 กับ Xiaomi Redmi Note 7 Pro ล่าสุด Redmi เปิดตัว Redmi 7 ที่เป็นมือถือราคาประหยัดเพิ่มอีกรุ่น เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับคนที่มีงบประมาณในการซื้อที่จำกัด ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.26 นิ้ว ความละเอียด HD+ ติ่งทรงหยดน้ำ ซีพียู Snapdragon 632, แรมสูงสุด 4GB หน่วยความจำสูงสุด 64GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย MIUI 10, กล้องหลังคู่ 12 + 2 ล้านพิกเซล รองรับ AI, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล, ด้านหน้าใช้กระจก Corning Gorilla Glass 5, ตัวเครื่องไล่เฉดสีตามสมัยนิยม และเคลือบสารกันน้ำ P2i nano coating ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ 4,000mAh

          Redmi 7 ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยจะเป็นรุ่นแรม 2GB + 16GB เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 3 พฤษภาคม 2562 โดยจะวางจำหน่ายผ่าน AIS Shop และ Telewiz ทั่วประเทศ ราคา 4,299 บาท (ราคาโปรโมชั่น 2,199 บาท) รวมถึงเครื่องจะล็อกซิมเฉพาะ AIS เท่านั้น

ราคา 4,299 บาท

7. Realme 3

มือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท

          มือถือรุ่นอัปเกรดจาก Realme 1 และ Realme 2 ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.2 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 19:9 ขอบจอบาง 2.05 มิลลิเมตร, คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 88.30%, ใช้ซีพียู MediaTek Helio P60, แรม 3GB + 32GB, แรม 4GB + 64GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ColorOS 6.0, กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 พร้อมโหมด 2 โหมดใหม่ Nightscape สำหรับการถ่ายภาพในที่แสงน้อยและ Chroma Boost ทำให้สีสดใสขึ้นและปรับปรุงช่วงไดนามิกเพื่อให้ได้ภาพที่มีความสมดุลมากขึ้น, กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล พร้อม AI Beauty, DIY Beautify และปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock) ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ 4,230mAh

ราคา 4,590 บาท (แรม 3GB + 32GB)

8. Redmi Note 7

มือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท

          มือถือระดับกลาง สเปกคุ้มค่า ราคาสุดประหยัด แบรนด์ลูกของ Xiaomi โดยรุ่นที่นำมาขายในประเทศไทย จะเป็นรุ่นแรม 3GB/4GB มีหน่วยความจำให้เลือกสูงสุด 128GB ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ มีติ่งทรงหยดน้ำ (Waterdrop notch) ขอบจอบางเพียง 1.95 มิลลิเมตร, ใช้ซีพียู Snapdragon 660, รัน Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย MIUI 10 ส่วนไฮไลต์ของรุ่นนี้อยู่ที่กล้องหลังคู่ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2″ Samsung ISOCELL Bright GM1, รูรับแสงกว้าง f/1.8, 4-in-1 พิกเซล ที่สามารถถ่ายรูปภาพความละเอียดสูงถึง 12 ล้านพิกเซล, ขนาดพิกเซล 1.6μm, กล้องตัวที่สอง 5 ล้านพิกเซล, รองรับ Portrait และมี AI ส่วนกล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ความจุ 4,000mAh รองรับ Quick Charge 4.0

ราคา 4,999 บาท (แรม 3GB + 32GB)

9. Honor 8C

มือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท

          มือถือราคาประหยัด สเปกน่าสนใจอีกรุ่น มาพร้อมซีพียู Snapdragon 632 ที่แทนรุ่น Snapdragon 626 ประสิทธิภาพดีกว่าเดิมถึง 40% ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.26 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 19:9 พร้อมรอยบาก, แรม 3GB, หน่วยความจำ 32GB, กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล พร้อม LED flash มีโหมด Portrait shots และ AI scene recognition ส่วนกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล มีโหมด AI beautify ดีไซน์ตัวเครื่องมีการออกแบบพื้นผิวแบบนาโน 3 มิติผสมผสานกับการไล่เฉดสีเพื่อเล่นกับแสงเงา มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำกับสีน้ำเงิน ด้านหลังมีสแกนลายนิ้วมือ และแบตเตอรี่ 4,000mAh ที่เคลมว่าสามารถดูวิดีโอต่อเนื่อง 12.5 ชั่วโมง

ราคา 4,990 บาท (แรม 3GB + 32GB)

10. Vivo Y91C

มือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท

          ปิดท้ายด้วยมือถือราคาประหยัดซีรีส์ Y จาก Vivo โดยรุ่นนี้มีสเปกบางส่วนคล้ายกับ Vivo Y91 และ Vivo Y91i แต่ปรับลดสเปกบางส่วน เช่น กล้อง หน่วยความจำ และตัดสแกนลายนิ้วมือออก เหลือแค่การสแกนปลดล็อกด้วยใบหน้า ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ Halo FullView Display ขนาด 6.22 นิ้ว พื้นที่หน้าจอสูงถึง 88.6% ใช้ซีพียู MediaTek MT6762r (Helio P22), แรม 2GB, หน่วยความจำ 32GB, รองรับ microSD สูงสุด 256GB, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย Funtouch OS 4.5, กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล, ดีไซน์สวยไล่เฉดสี พร้อมสีใหม่ Ocean Blue และแบตเตอรี่ 4,030mAh

ราคา 3,999 บาท

5 เหตุผลที่ควรซื้อมือถือในงาน Thailand Mobile Expo 2019

หมายเหตุ: ราคามือถืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับร้านที่วางจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อทุกครั้ง

สนใจให้ Kapook.com รีวิวสินค้ามีสเปก จัดทำวิดีโอโปรโมต หรือ Content และ Social Marketing คลิกดูรายละเอียดกันเลย

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
10 มือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท น่าซื้อในงาน Mobile Expo 2019 อัปเดตล่าสุด 24 พฤษภาคม 2562 เวลา 17:37:27 16,175 อ่าน
TOP