20 มือถือเปิดตัวใหม่ เดือนธันวาคม 2018 เช็กเลย รุ่นไหนเด็ด

          ส่งท้ายปี 2018 กับ 20 มือถือเปิดตัวใหม่ ประจำเดือนธันวาคม 2018 มีมือถือใหม่เปิดตัวรุ่นไหนบ้าง มือถือใหม่ ปลายปี 2018 มีรุ่นไหนเด็ด รุ่นไหนโดน อยากรู้มาดู

          ก้าวเข้าสู่เดือนธันวาคม เดือนสุดท้ายของปี 2018 สำหรับเดือนนี้ตลาดมือถือยังคงคึกคักไปด้วยมือถือรุ่นใหม่ ๆ ที่ทยอยเปิดตัวกันอย่างต่อเนื่อง โดยแบรนด์ดังอย่าง ASUS ได้เปิดตัว ASUS Zenfone Max Pro M2 และ ASUS Zenfone Max M2 รวมถึง Huawei ส่งท้ายปลายปีด้วย Huawei nova 4 มือถือกล้องหลัง 3 เลนส์ ใช้เซ็นเซอร์ IMX586 รุ่นใหม่ ความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล เป็นรุ่นแรกของโลก

          นอกจากนี้มือถือที่เปิดตัวในช่วงเดือนพฤศจิกายน ก็เริ่มออกวางจำหน่าย มีทั้งรุ่นเรือธง มือถือระดับกลาง และระดับล่างที่เหมาะสำหรับผู้ใช้ระดับเริ่มต้น มีให้เลือกหลายรุ่น หลายราคาด้วยกัน ส่วนมือถือใหม่เดือนธันวาคม มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง มาติดตามกันเลย

1. HTC Desire 12s

          มือถือระดับเริ่มต้นที่ออกมาขั้นระหว่าง HTC Desire 12 และ Desire 12+ สเปกไม่สูงมาก ดีไซน์ตัวเครื่องสีสันแบบทูโทน มาพร้อมหน้าจอ 5.7 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 18:9, ซีพียู Snapdragon 435, แรม 3GB/4GB, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย HTC Sense UI, กล้องหน้าและกล้องหลังเท่ากันที่ 13 ล้านพิกเซล และมี LED flash ทั้งคู่ ด้านหลังมีสแกนลายนิ้วมือ พร้อมแบตเตอรี่ 3,075mAh

ราคาประมาณ 6,390 บาท

2. Huawei nova 4

          Huawei สานต่อความสำเร็จจาก Huawei nova 3 เปิดตัว Huawei nova 4 มือถือซีรีส์ nova รุ่นใหม่ ส่งท้ายปี 2018 ด้วยการอัปเกรดที่ดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งกล้องและสเปก โดยไฮไลต์ของรุ่นนี้อยู่ที่กล้องหลังที่มีถึง 3 เลนส์ด้วยกัน พร้อมความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล และยังใช้เซ็นเซอร์ IMX586 รุ่นใหม่ของ Sony อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่มีกล้องความละเอียดสูงขนาดนี้

          ด้านสเปกใช้หน้าจอขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+, ไม่มีรอยแหว่ง แต่เจาะรูฝังกล้องลงในหน้าจอแทน, สัดส่วนของขนาดจอและขนาดเครื่องคิดเป็น 91.8%, ใช้ซีพียู Kirin 970 พร้อม GPU Turbo 2.0, แรม 8GB, หน่วยความจำ 128GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย EMUI 9.0.1, มีสแกนลายนิ้วมือด้านหลัง, ตัวเครื่องไล่เฉดสีสวยงามด้วยวัสดุกระจก 3D และแบตเตอรี่ 3,750mAh รองรับชาร์จเร็ว

ราคาประมาณ 14,900 บาท

3. OnePlus 6T McLaren Edition

          มือถือรุ่นพิเศษที่ทาง OnePlus ร่วมกับ McLaren บริษัทผลิตรถสปอร์ตสัญชาติอังกฤษ มาพร้อมดีไซน์สวยอย่างมีสไตล์ด้วยแถบสีส้มด้านข้างตัวเครื่องและฝาหลังเคฟลาร์พร้อมโลโก้ McLaren สุดเท่ ส่วนด้านสเปกบางส่วนเหมือนกับ OnePlus 6T รุ่นปกติ โดยรุ่นนี้มีแรม 10GB และระบบชาร์จเร็วใหม่ Warp Charge 30 วัตต์ ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 50% ใช้เวลาแค่ 20 นาที นอกจากนี้ภายในตัวกล่องยังแถมเรื่องราวที่เกี่ยวกับแบรนด์ McLaren มาให้อีกด้วย

ราคาประมาณ 22,900 บาท

4. Vivo Y91i

          มือถือราคาประหยัดซีรีส์ Y มีสเปกบางส่วนคล้ายกับ Vivo Y93s แตกต่างกันที่แรมและหน่วยความจำ สำหรับ Vivo Y91i มาพร้อมหน้าจอ Halo FullView Display ขนาด 6.22 นิ้ว พื้นที่หน้าจอสูงถึง 88.6% ใช้ซีพียู MediaTek MT6762r (Helio P22), แรม 2GB, หน่วยความจำ 16GB, รองรับ microSD, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย Funtouch OS 4.5, กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ ช่วยให้สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ราวกับมืออาชีพ พื้นหลังเบลออย่างเป็นธรรมชาติ, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล มี AI Face Beauty ที่จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูล และปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานมากที่สุด, รองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Wake), สแกนลายนิ้วมือ และแบตเตอรี่ 4,030mAh

ราคา 4,999 บาท

5. Vivo Y93s

          มือถือราคาประหยัดซีรีส์ Y อีกรุ่น โดยรุ่นนี้อัปเกรดสเปกมาจาก Vivo Y93 เปลี่ยนซีพียูกับเพิ่มหน่วยความจำให้เยอะขึ้น เปลี่ยนจากซีพียู Snapdragon 439 เป็น MediaTek MT6762 (Helio P22) และหน่วยความจำจากเดิม 64GB เป็น 128GB ส่วนสเปกอื่น ๆ ยังคงเหมือนเดิม มาพร้อมหน้าจอ 6.2 นิ้ว ความละเอียด HD+ 19:9 รอยบากทรงหยดน้ำ (Waterdrop), แรม 4GB, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย Funtouch OS 4.5, กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล รองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Wake) ไม่มีสแกนลายนิ้วมือ และแบตเตอรี่ 4,030mAh

ราคาประมาณ 8,000 บาท

6. Vivo NEX Dual Display

          มือถือซีรีส์ NEX รุ่นใหม่ ส่งท้ายปี 2018 มาพร้อมหน้าจอทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยหน้าจอด้านหน้ามีขนาด 6.39 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 19.5:9 คิดเป็นสัดส่วนการใช้งาน 91.63% ส่วนหน้าจอที่สองด้านหลังมีขนาด 5.49 นิ้ว ความละเอียด Full HD อัตราส่วน 16:9 โดยความพิเศษของหน้าจอด้านหลังใช้สำหรับควบคุมการเล่นเกมต่าง ๆ

          ด้านสเปกใช้ซีพียู Snapdragon 845, แรม 10GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย Funtouch OS 4.5, กล้องหลัง 3 เลนส์ โดยตัวแรกมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX363, กันสั่น 4 แกน (4-axis OIS), กล้องตัวที่สอง 2 ล้านพิกเซล เป็นกล้อง Night vision มีขนาดพิกเซล 2.9μm และกล้องตัวที่สามเป็นกล้อง มีชื่อเรียกว่า Time of Flight (TOF) 3D ใช้สำหรับตรวจจับภาพวัตถุเกี่ยวกับความลึกแบบ 3D มีความแม่นยำสูงโดยใช้การวัดค่าผ่านแสงอินฟราเรดกว่า 300,000 จุด

ราคาประมาณ 23,800 บาท

7. Huawei Enjoy 9

          มือถือซีรีส์เดียวกันกับ Huawei Enjoy 9 Plus แต่เป็นรุ่นลดสเปก มาพร้อมหน้าจอ 6.26 นิ้ว ความละเอียด HD+ หน้าจอทรงหยดน้ำ (Waterdrop notch), ใช้ซีพียู Octa-Core Snapdragon 450, แรมสูงสุด 4GB, กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล รองรับ AI scene detection และกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4,000mAh วัสดุตัวเครื่องด้านหลังเป็นกระจก แต่ไม่มีสแกนลายนิ้วมือ ใช้การปลดล็อกด้วยใบหน้าแทน

ราคาประมาณ 4,790 บาท

8. Samsung Galaxy A8s

          มือถือรุ่นแรกของ Samsung ที่มาพร้อมหน้าจอแบบ Infinity-O ซึ่งเป็นการเจาะรูไว้ที่มุมหน้าจอเพื่อฝังกล้องหน้าลงไป ทำให้ไม่ต้องมีติ่งหรือขอบจอด้านบน ได้หน้าจอแบบไร้ขอบเต็ม ๆ โดยหน้าจอจะมีขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด 2,340 x 1,080 พิกเซล อัตราส่วน 19.5:9 ขนาดรูกล้องมุมจอ 6.7 มม. ด้านสเปกของ Samsung Galaxy A8s ประกอบด้วยซีพียู Snapdragon 710 แรม 6GB/8GB ความจุ 128GB รองรับ microSD สูงสุด 512GB แบตเตอรี่ 3,400mAh รองรับชาร์จเร็ว และรัน Android 8.1 Oreo สำหรับกล้องหลังจะมี 3 เลนส์ ได้แก่เลนส์หลัก 24 ล้านพิกเซล f/1.7, Telephoto 10 ล้านพิกเซล f/2.4 และเลนส์สำหรับจับระยะความลึก 5 ล้านพิกเซล f/2.2 ส่วนกล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล f/2.0

ราคายังไม่เปิดเผย

9. Yandex.Phone

          มือถือรุ่นแรกของบริษัท Yandex (ยานเดกซ์) บริษัทเสิร์ชเอนจินที่ได้รับการนิยมมากที่สุดในรัสเซีย ชูจุดเด่นทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI ชื่อว่า Alice ใช้แทน Google Assistant และรันระบบปฏิบัติการ Android 8.1 พร้อม Yandex Launcher ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 5.65 นิ้ว ความละเอียด Full HD+, อัตราส่วน 18:9, กระจก Corning Gorilla Glass 3, ซีพียู Snapragon 630, แรม 4GB, กล้องหลังคู่ 16 + 5 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล มี LED flash ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง วัสดุตัวเครื่องด้านหลังเป็นกระจก Gorilla Glass 3 กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP54 มีสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง และแบตเตอรี่ 3,050mAh รองรับชาร์จเร็ว

ราคาประมาณ 8,900 บาท

10. ASUS Zenfone Max Pro M2

          มือถือระดับกลาง แบตเตอรี่อึด ที่อัปเกรดสเปก Zenfone Max Pro M1 ปรับโฉมดีไซน์สวยงามกว่าเดิม และยังคงคอนเซ็ปต์มือถือที่มีแบตเตอรี่อึดเหมือนเดิม มาพร้อมหน้าจอ 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 19:9 กระจก Corning Gorilla Glass 6, ซีพียู Snapdragon 660, แรม 4GB/6GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB, รัน Android 8.1 (Oreo) แบบ Pure Android, กล้องหลังคู่ 12 + 5 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล พร้อม LED flash, วัสดุตัวเครื่องด้านหลังเป็นกระจก กรอบอะลูมิเนียม, มีสแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง และแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh ใช้งานต่อเนื่องนาน 2 วัน รองรับชาร์จเร็ว

ราคา

          - ราคา 6,990 บาท (แรม 4GB + 64GB)
          - ราคา 8,990 บาท (แรม 6GB + 64GB)

11. ASUS Zenfone Max M2

          มือถือราคาประหยัด แบตเตอรี่อึด ที่อัปเกรดสเปกจาก Zenfone Max M1 ปรับโฉมดีไซน์สวยงามกว่าเดิม และยังคงคอนเซ็ปต์มือถือที่มีแบตเตอรี่อึดเหมือนเดิม โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ลดสเปกลงมาจาก Zenfone Max Pro (M2) ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.3 นิ้ว ความละเอียด HD+, อัตราส่วน 19:9, มีติ่ง, ซีพียู Snapdragon 632, แรม 3GB/4GB, หน่วยความจำ 32GB/64GB, กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล, มีสแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง และแบตเตอรี่ความจุ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว

ราคา

          - ราคา 5,990 บาท (แรม 4GB + 64GB)
          - ราคา 5,490 บาท (แรม 4GB + 32GB)

12. Nokia 8.1

          Nokia 8.1 (หรือ Nokia X7 ในประเทศจีน) มือถือระดับกลาง Android One มาพร้อมหน้าจอ 6.18 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 18.7:9 พร้อมติ่ง คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 86.5% รองรับการแสดงผล HDR10 ใช้เทคโนโลยีหน้าจอแบบใหม่ PureDisplay ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแสงแบบไหน หน้าจอก็ให้สีสันที่คมชัดดูมีมิติสวยงาม รัน Android 9.0 (Pie) ตั้งแต่แกะกล่อง

          กล้องหลังคู่ 12 ล้านพิกเซล ZEISS optics, เซ็นเซอร์ Sony IMX363, รูรับแสง f/1.8, กันสั่น OIS, กล้องตัวที่สอง 13 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายภาพ Portrait และการซูม รวมถึงมีเทคโนโลยี AI scene detection ที่สามารถแยกซีนการถ่ายภาพได้ 18 ซีน ในส่วนของกล้องหน้ามีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ขนาดพิกเซล 1.8μm รองรับ AI beauty และ AI portrait Mode, 6 AI studio lights, AI expressions และ new dual-view mode, ตัวเครื่องใชัวัสดุอะลูมิเนียมซีรีส์ 6 ด้านหลังเป็นกระจก พร้อมสแกนลายนิ้วมือ และปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ความจุ 3,500mAh รองรับชาร์จเร็ว 18 วัตต์

ราคาประมาณ 14,900 บาท

13. Huawei Y Max

          มือถือเกมมิ่ง สเปกจัดเต็ม (เหมือนรุ่น Honor 8X Max) หน้าจอ Huawei FullView Display ขนาดใหญ่ 7.12 นิ้ว ใหญ่ยักษ์เต็มตาคมชัด สะใจ และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000mAh พร้อมขุมพลัง Snapdragon 660 AIE สเปกแรงแถมประหยัดพลังงาน แรม 4GB และหน่วยความจำ 128GB

          มาพร้อมหน้าจอ Huawei FullView Display ขนาดใหญ่ 7.12 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ เพิ่มพื้นที่ทั้งในการเล่นเกมและทัศนวิสัยระหว่างสนุกกับเกมได้เต็มตามากขึ้น มาพร้อมฟังก์ชัน Eye Comfort mode ที่ได้รับการรับรองคุณภาพจาก TÜV Rheinland ว่าสามารถช่วยในการปรับสีอุณหภูมิหน้าจอและความสว่างตามสภาพแวดล้อมและฟิลเตอร์กรองแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตาอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย นอกไปจากนี้ยังมี Reading mode ที่จะช่วยปรับแสงและความคมชัดของตัวอักษรให้อ่านได้อย่างสบายตามากขึ้น

ราคา 10,990 บาท

14. nubia Red Magic Mars

          มือถือเกมมิ่งรุ่นที่สองของค่าย สานต่อจาก nubia Red Magic โดยรุ่นนี้อัปเกรดสเปกใหม่ เปลี่ยนซีพียูเป็น Snapdragon 845 เพิ่มแรมสูงสุด 10GB หน้าจอ 6 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 18:9 แรม 6GB/8GB/10GB ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวและระบายความร้อนด้วยอากาศเพื่อลดอุณหภูมิได้ถึง 13.2 องศาและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของซีพียูได้ถึง 70% รัน Android 9.0 (Oreo) ครอบทับด้วย Redmagic OS, กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล, f/1.8, PDAF, รองรับ AI, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล รองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า

ราคาประมาณ 12,900 บาท

15. Realme U1

          มือถือระดับกลางรุ่นใหม่ มาพร้อมซีพียู MediaTek Helio P70 เป็นรุ่นแรกของวงการ หน้าจอ 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ มีติ่งทรงหยดน้ำ (Dewdrop notch) คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 90.5% ใช้ซีพียู MediaTek Helio P70 12nm รองรับ AI engine และ GPU acceleration สำหรับเกมมิ่งโหมด, แรม 3GB/4GB, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย ColorOS 5.2, กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล, แบตเตอรี่ 3,500mAh และอีกไฮไลต์ของรุ่นนี้นอกจากซีพียูรุ่นใหม่ กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX576, 4-in-1 pixels, รองรับ AI Beautify

ราคาประมาณ 5,590 บาท

16. Elephone A5

          มือถือซีรีส์ A รุ่นใหม่ของแบรนด์ Elephone มาพร้อมตัวเครื่องดีไซน์สวยไล่เฉดสีตามสมัยนิยม หน้าจอ 6.18 นิ้ว มีติ่ง ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 18.7:9, ใช้ซีพียู MediaTek Helio P60 Octa-Core, แรม 4GB/6GB, หน่วยความจำ 64GB,128GB, รองรับ microSD สูงสุด 512GB, รัน Android 9.0 Pie, กล้องหลัง 3 เลนส์ความละเอียด 12 + 5 + 0.3 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช, กล้องหน้าคู่ 20 + 2 ล้านพิกเซล, สแกนลายนิ้วมืออยู่ด้านข้างตัวเครื่อง รองรับสแกนใบหน้า และแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว

ราคาประมาณ 7,990 บาท

17. Coolpad M3

          มือถือระดับกลางรุ่นใหม่จากแบรนด์ Coolpad มาพร้อมหน้าจอ 5.85 นิ้ว ความละเอียด HD+, อัตราส่วน 19:9, ซีพียู 1.5GHz Octa-Core 64-bit MediaTek MT6750, แรม 4GB, หน่วยความจำ 32GB, รองรับ microSD, รัน Android 8.1 (Oreo), กล้องหลัง 13 + 5 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล, มีสแกนลายนิ้วมือด้านหลัง เคลมว่าสามารถปลดล็อกได้เร็วแค่ 0.2 วินาที และแบตเตอรี่ 2,800mAh

ราคาประมาณ 3,790 บาท

18. Nokia 106 (2018)

          ฟีเจอร์โฟนรุ่นใหม่ ที่อัปเกรดสเปกดีกว่า Nokia 106 (2013) ยังคงความคลาสสิกด้วยดีไซน์ตัวเครื่องที่เป็นเอกลักษณ์ ผลิตจากโพลีคาร์บอเนตมีความทนทาน หน้าจอขนาด 1.8 นิ้ว TFT ปุ่มกดควบคุมแบบ 4 ทิศทาง แบตเตอรี่ 800mAh เคลมว่าสามารถสแตนด์บายได้นาน 21 วัน และคุยต่อเนื่องนาน 15.7 ชั่วโมง รองรับ 2 ซิม สามารถบันทึกรายชื่อได้ 2,000 รายชื่อ และเก็บข้อความได้อีก 500 ข้อความ รวมถึงมีเกมงูสุดคลาสสิก Snake Xenzia และเกมอื่น ๆ เช่น Nitro Racing, Danger Dash และ Tetris เป็นต้น

ราคาประมาณ 590 บาท

19. Honor 10 Lite

          มือถือระดับกลาง สเปกสุดคุ้ม ราคาน่าโดน มาพร้อมหน้าจอ 6.21 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ติ่งทรงหยดน้ำ (Waterdrop Notch) อัตราส่วน 19:5:9 คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 90% ใช้ซีพียู Kirin 710, แรม 4GB/6GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB, รองรับ GPU Turbo 2.0, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย EMUI 9.0, กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 รองรับ AI portraits และ AI scene detection ที่สามารถแยกซีนได้ 22 แบบ, กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล รองรับ AI selfies, ด้านหลังตัวเครื่องวัสดุเป็นกระจกไล่เฉดสี มีสแกนลายนิ้วมือ และแบตเตอรี่ 3,400mAh

ราคาประมาณ 6,690 บาท

20. Huawei Y5 Lite

          ปิดท้ายด้วยมือถือซีรีส์ Y ราคาประหยัดรุ่นใหม่ของ Huawei เจาะกลุ่มผู้ใช้งานระดับเริ่มต้นที่ต้องการมือถือราคาถูก มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 8.1.0 Oreo (Go Edition) หน้าจอกว้างไร้ขอบขนาด 5.45 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ (1,440 x 720 พิกเซล) อัตราส่วน 18:9 ซีพียู Mediatek MT6739 Quad-Core, แรม 1GB, หน่วยความจำ 16GB, รองรับ microSD สูงสุด 256GB, รองรับ 2 ซิม, กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.0, รองรับระบบออโต้โฟกัส, กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.2, ด้านหน้าเป็นแฟลชแบบ Selfie Toning ส่วนด้านหลังเป็นแฟลชแบบ single-tone LED, ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี คือ สีฟ้ากับสีดำ และแบตเตอรี่ 3,020mAh

ราคา 3,290 บาท

20 มือถือเปิดตัวใหม่ เดือนพฤศจิกายน 2018