10 มือถือน่าซื้อน่าใช้ในงาน Thailand Mobile Expo 2018 รอบปลายปี วันที่ 27-30 กันยายน 2561 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีมือถือรุ่นไหนเด็ด รุ่นไหนโดน
เปิดฉากอีกครั้งกับงาน Thailand Mobile Expo 2018 Showcase งานมหกรรมมือถือครั้งยิ่งใหญ่ของไทย ซึ่งถือว่าเป็นงานแสดงโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดส่งท้ายปี 2018 ภายในงานยังคงคึกคักด้วยมือถือรุ่นใหม่ ๆ และแก็ดเจ็ตสุดล้ำให้ได้ชมกันอย่างมากมาย รวมถึงโปรโมชั่นเด็ด ลด แลก แจก แถม กันเหมือนเช่นเคย
สำหรับใครที่กำลังจะเปลี่ยนมือถือใหม่และตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกซื้อรุ่นไหนดี วันนี้กระปุกดอทคอมลงพื้นที่สำรวจงาน Thailand Mobile Expo 2018 ส่งท้ายปลายปี แนะนำ 10 มือถือน่าซื้อน่าใช้มาแนะนำ มีให้เลือกหลายราคา และอย่าลืมว่ามือถือที่ซื้อภายในงามมีโปรโมชั่นพร้อมของแถมอีกเพียบ ส่วนจะมีรุ่นไหนบ้าง มาติดตามกันเลย
โอกาสมาถึงแล้ว สำหรับใครที่กำลังเล็ง Galaxy Note 9 เอาไว้ เพราะในงานสามารถผ่อน 0% ได้นาน 10 เดือน แถมซัมซุงยังใจดีผ่อนให้ฟรี 1 เดือน พร้อมประกันหน้าจอแตกนาน 1 ปี วงเงินคุ้มครองสูงสุด 8,500 บาท สำหรับ Galaxy Note 9 มือถือระดับเรือธงซีรีส์ Galaxy Note รุ่นใหม่ ปรับปรุงจากรุ่น Galaxy Note 8 เน้นชูจุดเด่นประสิทธิภาพเครื่องที่เร็วขึ้นกว่าเดิม ปรับปรุงกล้องถ่ายภาพ แบตเตอรี่อึดกว่าเดิม พื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่าเดิม และเพิ่มความอัจฉริยะให้กับปากกา S Pen รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ปุ่มที่ปากกาสามารถใช้กดเพื่อสั่งการ Galaxy Note 9 จากระยะไกลได้ เช่น กดแทนปุ่มชัตเตอร์ถ่ายรูป ควบคุมการเล่นวิดีโอ พรีเซ็นต์งาน หรือสั่งการแอปฯ ต่าง ๆ ตามที่ตั้งค่าไว้ เป็นต้น (อ่านเนื้อหาเต็ม ๆ คลิกที่นี่)
ราคา 33,900 บาท (แรม 6GB + 128GB) และราคา 39,900 บาท (แรม 8GB + 512GB)
2. OPPO Find X
สำหรับใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์กล้องถ่ายภาพแบบสไลด์ขึ้นลง OPPO ได้คืนชีพมือถือซีรีส์ Find อีกครั้ง OPPO Find X เป็นมือถือระดับเรือธง อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ เหมือนกันแบรนด์อื่น ๆ มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องที่สวยงามด้วยวัสดุกระจก 3D Glass หน้าจอไม่แหว่ง กล้องถ่ายภาพสุดคูลแบบสไลด์ขึ้น-ลง เมื่อเปิดใช้งานกล้องถ่ายภาพ และมีระบบสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ เรียกว่า O-Face พร้อมฟีเจอร์ OMoji สร้างตัวการ์ตูนอีโมจิแบบ 3 มิติ ได้ทั้งแบบถ่ายรูปหรือวิดีโอ และตัวเครื่องไล่เฉดสีสวยงาม
มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.42 นิ้ว ขอบจอโค้ง ไร้ขอบสวยงาม ความละเอียด 2,360 x 1,080 พิกเซล, อัตราส่วน 19.5:9 โดย OPPO เรียกหน้าจอแบบใหม่นี้ว่า Panoramic Arc Screen มีพื้นที่การแสดงผล 93.8% และที่สำคัญไม่มีรอยแหว่งบนหน้าจอ กล้องหลังคู่ 16 + 20 ล้านพิกเซล รับแสง f/2.0, แฟลช LED, กันสั่น OIS, มี AI Scene Recgonition ที่สามารถแยกซีนภาพถ่าย ระบุจากภาพที่กำลังจะถ่ายได้ถึง 20 ประเภท กว่า 800 แบบ และมีโหมด AI Portrait พร้อมการปรับแสง 3D lighting
ราคา 29,990 บาท
3. OPPO F9
สำหรับใครที่งบจำกัดแต่อยากสัมผัสกับมือถือที่มีดีไซน์สวยงามพรีเมียม ต้องรุ่นนี้เลย OPPO F9 มือถือซีรีส์ F รุ่นใหม่ มาพร้อมหน้าจอแบบใหม่ Waterdrop Screen เป็นหน้าจอที่มีรอยบากทรงหยดน้ำ มีขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 19.5:9 คิดเป็นพื้นที่ใช้งานทั้งหมด 90.8% ขอบจอโค้งมนสวยงาม ตัวเครื่องดีไซน์สวยด้วยวัสดุโลหะ มีการไล่เฉดสีอย่างลงตัว โดยมีให้เลือก 3 สี คือ สีแดง (Sunrise Red), สีน้ำเงิน (Twilight Blue) และสีม่วง (Starry Purple)
ด้านสเปกใช้ซีพียู MediaTek Helio P60 Octa-Core, แรม 6GB, หน่วยความจำ 64GB, รองรับ microSD, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย ColorOS 5.2, กล้องหลังคู่ 16 + 2 ล้านพิกเซล, LED flash, f/1.85, กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล, f/2.0, รองรับ AI, ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX576, ด้านหลังมีสแกนลายนิ้วมือ และแบตเตอรี่ความจุ 3,500mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge ที่เคลมว่าชาร์จแค่ 5 นาที สามารถคุยโทรศัพท์ได้นาน 2 ชั่วโมง
ราคา 10,990 บาท
มือถือระดับกลางซีรีส์ V รุ่นใหม่ สานต่อความสำเร็จจาก vivo V9 โดยรุ่นนี้ได้มีการปรับโฉมหน้าจอใหม่อีกครั้ง ใช้หน้าจอแบบ Halo FullView Display มีรอยเว้าขนาดเล็กคล้ายกับหยดน้ำ อัตราส่วน 19.5:9 สัดส่วนของขนาดจอและตัวเครื่อง 91.27% มีขนาด 6.41 นิ้วกับ 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (เฉพาะรุ่น V11) สแกนใบหน้าด้วยแสงอินฟราเรด ตัวเครื่องดีไซน์สวยงามไล่เฉดสี มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ-ฟ้า (Starry Night) และสีฟ้า-ม่วง (Nebula)
ด้านกล้องถ่ายภาพของ vivo V11 และ vivo V11i ใช้เป็นกล้องหลังเลนส์คู่ เทคโนโลยีถ่ายภาพ 2PD พร้อมระบบเซ็นเซอร์กล้องถ่ายภาพ 2 x 1,200 ล้านพิกเซล สามารถจับโฟกัสถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วแม่นยำเป็นธรรมชาติ และถ่ายภาพได้แม้ในที่มีแสงหลากหลายแบบด้วยรูรับแสงขนาด f/1.8 ขนาดพิกเซล 1.28μm มีเทคโนโลยีใหม่อย่าง AI Backlight HDR และ AI Low Light HDR ที่ใช้เทคโนโลยีถ่ายภาพ 6 เฟรมรวมกันให้เป็นภาพเดียว, มีโหมด AI Secne Recognition ที่สามารถแยกแยะวิวทิวทัศน์ตอนกลางคืน โหมดภาพถ่ายกันสั่น แลโหมดถ่ายภาพบุคคล อาหาร ดอกไม้ เป็นต้น ส่วนกล้องหน้าของทั้ง 2 รุ่น ความละเอียดเท่ากันที่ 25 ล้านพิกเซล มีเทคโนโลยี AI พร้อมเทคโนโลยีปรับแต่งแสงแบบ 3D ช่วยให้ถ่ายเซลฟี่สวยและคมชัด ดูรายละเอียดสเปกและอื่น ๆ ที่นี่
ราคา 13,999 บาท (vivo V11) และราคา 9,999 บาท (vivo V11i)
แบรนด์น้องใหม่ที่แยกตัวออกมาจาก Xiaomi ยังคงถูกพูดถึงและร้อนแรงอย่างต่อเนื่องกับมือถือรุ่นแรกของแบรนด์ POCOPHONE F1 ภายใต้คอนเซ็ปต์ Master of Speed มาพร้อมสเปกและราคาที่ต้องบอกว่า "ฆ่ายกวงการ" ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.18 นิ้ว ความละเอียด Full HD+, พร้อมรอยบาก (Notch), ซีพียู Snapdragon 845, แรม 6GB/8GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB/256GB และมีเทคโนโลยีระบายความร้อน LiquidCool, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย MIUI พร้อม POCO launcher และรองรับการอัปเดตเป็น Android 9.0 (Pie)
มีกล้องหลังคู่ 12 + 5 ล้านพิกเซล รองรับ AI ที่สามารถแยกซีนการถ่ายภาพได้ 206 ซีน จาก 25 หมวด ส่วนกล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล รองรับ AI เช่นกัน และยังรองรับการสแกนใบหน้าด้วยอินฟราเรด ที่เคลมว่าสามารถปลดล็อกได้เร็วแค่ 0.4 วินาที รวมถึงสแกนในที่มืดได้ นอกจากนี้ยังมีสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่องมาให้ด้วย ส่วนแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับ Quick Charge 3.0 และในกล่องแถมที่ชาร์จแบบ 9V/2A (18W)
ราคา 10,990 บาท (แรม 6GB + 64GB) และ 12,990 บาท (แรม 6GB + 128GB)
6. Xiaomi Mi A2
มือถือสุดคุ้มสานต่อความสำเร็จจาก Xiaomi Mi A1 ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยรุ่นนี้ได้ปรับปรุงใหม่อีกครั้ง มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 8.1 (Oreo) แบบ Pure Android (ไม่มีอินเทอร์เฟซมาครอบทับ) และรองรับการอัปเดตเวอร์ชั่นใหม่จาก Google โดยตรง พร้อมการันตีอัปเดต Android 9.0 อีกด้วย มาพร้อมหน้าจอ 5.99 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 18:9, ซีพียู Snapdragon 660 AIE, แรม 4GB/6GB, หน่วยความจำ 32GB/64GB/128GB, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย MIUI 9, กล้องหลังคู่ 12 ล้านพิกเซล, f/1.75, เซ็นเซอร์ Sony IMX486 กล้องตัวที่สอง 20 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX376 รองรับการถ่ายภาพ Portrait และมีเทคโนโลยี AI ที่ช่วยแยกซีนการถ่ายภาพถึง 206 แบบ จาก 24 ประเภท กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX376 พร้อม soft LED flash และเทคโนโลยี AI beautification ช่วยปรับแต่งภาพเซลฟี่ให้สวยงามยิ่งขึ้น และรองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า
เมื่อซื้อในงานพร้อมของแถมเครื่องฟอกอากาศ (Mi Air Purifier) และแลกซื้อ Mi band 3 ในราคา 890 บาท (ราคาปกติ 1,190 บาท)
ราคา 8,990 บาท (แรม 4GB + 64GB) และราคา 10,990 บาท (แรม 6GB + 128GB)
มือถือ 4 กล้อง ซีรีส์ nova รุ่นใหม่ มาพร้อมหน้าจอ 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 19:9 พร้อมรอยบาก (Notch), ซีพียู Kirin 970 รองรับ GPU Turbo, แรม 6GB, หน่วยความจำ 128GB, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย EMUI 8.2, กล้องหลังคู่ 16 + 24 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 พร้อมเทคโนโลยี AI ช่วยในการถ่ายภาพ, กล้องหน้าคู่ 24 + 2 ล้านพิกเซล รองรับการสแกนใบหน้า และฟีเจอร์ 3D Qmoji สร้างอีโมจิแบบ 3 มิติ เหมือนกับ Animoji ของแอปเปิล, Omoji ของ OPPO และ AR Emoji ของ Samsung
เมื่อซื้อในงานรับของแถมฟรีมูลค่า 4,480 บาท ได้แก่ ลำโพงบลูทูธ และสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ Huawei Color Band A2
ราคา 16,990 บาท
8. Honor Play
มือถืออีกรุ่นที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสายเกมมิ่ง มือถือสเปกสุดคุ้มมาพร้อมซีพียูรุ่นท็อป Kirin 970 และ GPU Turbo เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลกราฟิกได้ถึง 60% ขณะเดียวกันชิปเซต (SoC) ยังใช้พลังงานน้อยลงกว่า 30% ด้านสเปกหน้าจอ 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 19:5:9 พร้อมรอยบาก (notch) คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 89% ใช้ซีพียูรุ่นท็อป Kirin 970, แรม 4GB, หน่วยความจำ 64GB, พร้อม NPU และยังมี 4D gaming ระบบสั่นสะเทือนแบบเรียลไทม์ที่เกิดจากสถานการณ์ต่าง ๆ ภายในเกม ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้สนุกยิ่งขึ้น พร้อมระบบเสียง 3D Histen แบบ 7.1 Channel
ราคา 9,990 บาท
มือถือราคาประหยัดรุ่นใหม่ เปิดตัวครั้งแรกที่งาน Thailand Mobile Expo 2018 ชูจุดเด่นกล้องคู่หน้าและหลัง พร้อมราคาสุดโดนใจ มาพร้อมหน้าจอ 6.26 นิ้ว ด้วยการดีไซน์แบบ Full Screen อัตราส่วน 19:9 มีความขอบโค้งมลของขอบหน้าจอ ใช้ซีพียู Snapdragon636 Octa-Core, แรม 4GB, หน่วยความจำ 64GB, รัน Android ครอบทับด้วย MIUI, มีสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง และแบตเตอรี่ 4,000mAh เคลมว่าสามารถใช้งานได้มากกว่า 1 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
สำหรับรุ่นนี้ใช้กล้องด้านหลังคู่ ความละเอียด 12 + 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI มี AI Scene dectction, โหมดภาพถ่ายคน (AI Portrait 2.0) และการถ่ายภาพแบบเบลอ โดยผู้ใช้สามารถออกแบบรูปร่างหรือหมุนแสงโบเก้ (Bokeh) ได้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ใช้เซ็นเซอร์ระดับไฮเอนด์ ด้วยเทคโนโลยี Dual Pixel Autofocus พิกเซลขนาดใหญ่ 1.4μm (2PD) ให้ภาพที่สว่างคมชัดและมีความละเอียดสูงแม้ถ่ายในเวลากลางคืน กล้องหน้าคู่ ความละเอียด 20 + 2 ล้านพิกเซล
ราคา 6,990 บาท
10. Xiaomi Mi 8
ปิดท้ายด้วยมือถือเรือธงรุ่นใหม่ฉลองครบรอบ 8 ปีการก่อตั้งบริษัท Xiaomi สเปกจัดเต็ม ฟีเจอร์อัดแน่น ในราคาที่คุ้มค่าเหมือนเดิม มาพร้อมหน้าจอ 6.21 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 18:7:9 มีรอยบากด้านบน คิดเป็นพื้นที่การใช้งาน 88.5% ความสว่างสูงสุด 600 nits, วัสดุตัวเครื่องเป็นกระจกและโลหะ, ใช้ซีพียู Snapdragon 845, แรม 6GB/8GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB/256GB, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย MIUI 10, กล้องหลังคู่ 12 + 12 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX363, ขนาดพิกเซล 1.4µm, กันสั่น OIS, Dual Pixel auto focus รองรับ AI Portraits และ AI Scene Recognition และกล้องของรุ่นนี้ยังได้รับคะแนนการถ่ายภาพจาก DxOMark ถึง 105 คะแนน ส่วนคะแนนภาพรวมอยู่ที่ 99 คะแนน
กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล รองรับ AI Portrait Selfies, AI Studio Light Effect, ปลดล็อกด้วยใบหน้า และใช้ระบบ GPS คู่ (Dual GPS) เพื่อเพิ่มความแม่นยำของ GPS และลดปัญหาสัญญาณดีเลย์ ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ 3,400mAh รองรับ Quick Charge 4+
ราคา 15,990 บาท (แรม 6GB + 64GB) และราคา 17,990 บาท (แรม 6GB + 128GB) รับฟรี Mi Power Bank และแลกซื้อ Mi band 3 ในราคา 890 บาท (ราคาปกติ 1,190 บาท)
หมายเหตุ: ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นและร้านตัวแทนจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อ