สารพัดเหตุผลที่ควรซื้อและไม่ควรซื้อ iPhone XS และ iPhone XS Max มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ iPhone 2018 น่าซื้อและไม่น่าซื้อบ้างนะ ?
หลังจากที่ iPhone XS และ iPhone XS Max ได้เริ่มวางจำหน่ายไปแล้ว ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ซื้อมาใช้กันอย่างไม่ลังเล แต่ก็มีอีกหลายคนที่อาจจะยังลังเลอยู่ว่าจะซื้อ iPhone XS และ iPhone XS Max มาใช้ดีไหม วันนี้เราก็เลยนำสารพัดเหตุผลที่ควรซื้อและไม่ควรซื้อ iPhone XS และ iPhone XS Max จากเว็บไซต์ GSM Arena มาให้ได้อ่านกัน เพื่อที่จะได้ตัดสินใจกันง่ายขึ้น
เหตุผลที่ควรซื้อ iPhone XS และ iPhone XS Max
ชิปประมวลผลใหม่
ทั้ง iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR ใช้ชิปประมวลผลตัวเดียวกันคือ Apple A12 Bionic เป็นซีพียูโทรศัพท์มือถือตัวแรกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร โดย 2 คอร์ประมวลผลการทำงานเร็วขึ้นสูงสุด 15% เและ 4 คอร์ประหยัดพลังงานใช้พลังงานน้อยลงสูงสุด 50% และประสิทธิภาพกราฟิกเร็วขึ้นสูงสุด 50% เมื่อเทียบกับซีพียู A11 Bionic นอกจากนี้ยังมาพร้อม Neural Engine (เทคโนโลยี AI) ที่มีเพิ่มประสิทธิภาพดีกว่าเดิม ใช้ในการเรียนรู้ของระบบแบบเรียลไทม์เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ การเล่นเกม เทคโนโลยีความจริงเสริม และอีกมากมาย
กล้องดีกว่าเดิม
กล้อง iPhone XS และ iPhone XS Max มีการอัปเกรดให้สามารถถ่ายภาพได้ดีกว่าเดิม ทั้งฟีเจอร์ Smart HDR ที่สามารถเก็บรายละเอียดแสงเงาได้สมจริงมากขึ้น ทั้งจุดที่มืดและสว่างในภาพเดียวกัน แม้จะเป็นการถ่ายวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วก็ตาม พลังการประมวลผลของชิป A12 Bionic, Image Signal Processor (ISP) รวมทั้ง Portrait Mode ที่สามารถถ่าย Bokeh ได้ดีขึ้น ปรับ Depth of Field (ระยะโฟกัส) หลังจากถ่ายภาพแล้วได้ ด้วยการเลื่อนแถบปรับค่ารูรับแสงตั้งแต่ f/1.4 จนถึง f/16 นอกจากนี้ในการถ่ายวิดีโอก็ยังสามารถบันทึกเสียงแบบสเตอริโอได้แล้ว (รีวิวกล้อง iPhone XS พร้อมภาพถ่ายงาม ๆ โดย Austin Mann)
จอใหญ่สะใจ
iPhone XS Max หน้าจอ 6.5 นิ้วถือว่าเป็น iPhone ที่มีหน้าจอใหญ่ที่สุดในขณะนี้ แถมยังเป็นหน้าจอ OLED ให้มีคุณภาพในการแสดงผลดีเยี่ยม และมีอัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้ที่ดี นอกจากนี้ iPhone XS ก็ยังมีหน้าจอที่ค่อนข้างใหญ่ และเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่รู้สึกว่า iPhone XS Max หน้าจอ 6.5 นิ้วนั้นใหญ่เกินไป
แบตเตอรี่อึดขึ้น
iPhone 2018 ทุกรุ่นจะมีแบตเตอรี่ที่อึดกว่ารุ่นก่อนหน้า โดยแบตเตอรี่ของ iPhone XS อยู่ได้นานกว่า iPhone X 30 นาที และสำหรับแบตเตอรี่ของ iPhone XS Max นั้นจะอยู่ได้นานกว่า iPhone X 90 นาที
ความจุสูงสุด 512GB
iPhone XS และ iPhone XS Max นั้นมีรุ่นความจุสูงสุดถึง 512GB เลยทีเดียว เหมาะสำหรับคนต้องการพื้นที่เยอะ ๆ เป็นอย่างมาก หรือถ้าใครที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้ความจุมากขนาดนั้นก็ยังมีความจุ 256GB และ 64GB เป็นอีกตัวเลือกเช่นกัน
ตัวเครื่องสีทอง
iPhone X นั้นมีแค่สีเงินและสีสเปซเกรย์เท่านั้น แต่ iPhone XS Max นั้นมีสีทองด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่อยากได้ iPhone รุ่นใหม่แบบตัวเครื่องสีทองดูสวยงามหรูหรามีราคา
กันน้ำ iP68
iPhone 2018 มีคุณสมบัติกันน้ำ IP68 ซึ่งสามารถกันน้ำได้ลึกถึง 2 เมตรในเวลา 30 นาที เมื่อเทียบกับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ที่มีคุณสมบัติกันน้ำ IP67 ซึ่งกันน้ำลึกได้เพียง 1 เมตรในเวลา 30 นาทีเท่านั้น
ความแข็งแรงทนทาน
iPhone XS และ iPhone XS Max จะมีบอดี้เป็นสเตนเลสเกรดเดียวกับเครื่องมือผ่าตัด พร้อมกระจกหน้าและหลังที่ถือว่าเป็นกระจกที่แข็งแรงทนทานที่สุดในบรรดา iPhone ทุกรุ่น
เหตุผลที่ไม่ควรซื้อ iPhone XS และ iPhone XS Max
ราคาแพงกว่าเดิม
จากที่ iPhone X มีราคาเริ่มต้นสูงถึง $999 ซึ่งหลายคนก็ว่าแพงแล้ว แต่ iPhone XS Max นั้นมีราคาเริ่มต้นถึง $1,099 หรือประมาณ 36,000 บาท และถ้าต้องการความจุเพิ่มก็จะยิ่งแพงขึ้นไปอีก โดยรุ่นแพงสุด 256GB นั้นมีราคาถึง $1,449 หรือประมาณ 47,590 บาทเลยทีเดียว แถมยังไม่มีตัวแปลงหูฟัง 3.5 มม. แถมมาให้แล้วด้วย ถ้าอยากได้ก็ต้องเสียเงินซื้อเพิ่มอีก
ขนาดตัวเครื่อง
เนื่องจาก iPhone XS Max นั้นมีหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6.5 นิ้ว ทำให้มันมีขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่ตามไปด้วย และอาจใหญ่เกินไปสำหรับหลาย ๆ คน ทำให้อาจรู้สึกไม่ชินหรือใช้งานไม่ถนัดได้
ไม่มีสแกนนิ้ว
หลังจากที่ iPhone X ตัด Touch ID ออกไปแล้วแทนที่ด้วย Face ID ซึ่งการสแกนใบหน้านั้นไม่ปลอดภัยและไม่สะดวกเท่าการสแกนลายนิ้วมือ และเมื่อ iPhone 2018 เปิดตัวมาก็พบว่าทั้ง 3 รุ่นล้วนไม่มี Touch ID มีแต่ Face ID เหมือนกับ iPhone X
ภาพจาก gsmarena