หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี ปี 2024 ใครที่กำลังมองหาหูฟังบลูทูธหรือหูฟัง True Wireless สำหรับใช้กับโทรศัพท์มือถืออยู่ เรามีรุ่นใหม่น่าสนใจมาแนะนำ
ในยุคปัจจุบันคนส่วนใหญ่เริ่มหันมาใช้หูฟังไร้สายกับโทรศัพท์มือถือกันมากขึ้น โดยเฉพาะหูฟังแบบ True Wireless เนื่องจากมีขนาดเล็ก ไม่มีสายเกะกะ พกพาและหยิบมาใช้งานได้สะดวก ซึ่งก็มีให้เลือกตั้งแต่ราคาประหยัดไปจนถึงระดับพรีเมียม ในวันนี้เราก็ได้คัดเลือกหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ปี 2024 ที่น่าสนใจยี่ห้อต่าง ๆ มาแนะนำ หากเพื่อน ๆ คนไหนสนใจก็ตามไปดูกันเลย
หูฟังบลูทูธ ปี 2024 ยี่ห้อไหนดี ?
1. AirPods 4
ภาพจาก : apple.com
หูฟังไร้สายไอโฟน AirPods 4 จาก Apple ที่มาพร้อมชิป H2 ทำให้เสียงและการโทร. ถูกปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมการฟังได้แทบทุกรูปแบบ แม้แต่เวลาที่ต้องการความเงียบสนิท เสียงโทร. ที่ชัดขึ้นด้วยคุณสมบัติการแยกเสียง และวิธีใหม่ในการโต้ตอบกับ Siri แบบแฮนด์ฟรี แบตเตอรี่ฟังได้นานสูงสุด 5 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง นานสุด 4 ชั่วโมง เมื่อเปิด ANC และนานสูงสุด 30 ชั่วโมง เมื่อมีเคส ชาร์จด้วยพอร์ต USB‑C สามารถใช้ร่วมกับที่ชาร์จ Apple Watch และที่ชาร์จ Qi ได้ โดยมีทั้งรุ่นปกติและรุ่นที่มาพร้อมการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟให้เลือก
- AirPods 4 ราคา 4,990 บาท
- AirPods 4 ANC ราคา 6,490 บาท
2. Samsung Galaxy Buds3 Pro
ภาพจาก : samsung.com
หูฟังไร้สาย Samsung มาพร้อมการรองรับ Galaxy AI ให้คุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi กับดีไซน์แถบ Blade Lights ที่ตัวหูฟัง มีฟีเจอร์ Adaptive Noise Control ช่วยควบคุมเสียงรบกวนรอบข้างอย่างเหมาะสม มีคุณสมบัติกันน้ำ IP57 แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 7.30 ชม. เมื่อปิด ANC และ 6.26 ชม. เมื่อเปิด ANC
- ราคา 5,243 บาท
3. OPPO Enco Air4 Pro
ภาพจาก : oppo.com
หูฟังไร้สาย OPPO ดีไซน์แบบ Earbuds ที่มาพร้อมฟีเจอร์การตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ มีไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 12.4 มม. และระบบไมโครโฟน 3 ตัว เสียงสนทนาคมชัด รองรับเทคโนโลยี LHDC 5.0 และ Google Fast Pair มีคุณสมบัติกันน้ำ กันฝุ่น ระดับ IP55 เชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Bluetooth 5.4 ความหน่วงต่ำ แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 44 ชม.
- ราคา 2,999 บาท
4. HUAWEI FreeClip
ภาพจาก : huawei.com
หูฟังไร้สาย HUAWEI ที่มีดีไซน์แบบ C-bridge ตามหลักสรีรศาสตร์ ทําให้สวมใส่สบายและมีน้ำหนักเบา มาพร้อมเทคโนโลยีการฟังแบบ Open-ear และระบบจดจำการสวมใส่ซ้าย-ขวาแบบอัตโนมัติ มีฟีเจอร์ AI Crystal-Clear ที่จะช่วยให้การสนทนาเสียงชัดเจนยิ่งขึ้น แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 36 ชั่วโมง รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกัน 2 เครื่อง สามารถสลับใช้งานได้สะดวก
- ราคา 6,490 บาท
5. Redmi Buds 6 Lite
ภาพจาก : mi.com
หูฟังไร้สาย Xiaomi ที่มีราคาถูกเพียงแค่หลักร้อย มาพร้อมไดรเวอร์ไดอะแฟรมไทเทเนียม 12.4 มม. และฟีเจอร์การตัดเสียงรบกวนต่อเนื่อง ความถี่กว้างสูงสุดถึง 40dB และมีไมโครโฟน 2 ตัว พร้อมการตัดเสียงรบกวน AI เพื่อการสนทนาที่ชัดเจน แบตเตอรี่ใช้ได้ยาวนานสูงสุด 38 ชั่วโมง เมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จ รวมทั้งสามารถตั้งค่า EQ ผ่านแอปฯ Xiaomi Earbuds ได้
- ราคา 599 บาท
6. vivo TWS 3e
ภาพจาก : vivo.com
หูฟังไร้สาย vivo พร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟอัจฉริยะ มีค่าความหน่วงต่ำ 88 ms ภาพและเสียงซิงก์กันได้เร็วและเสถียร เหมาะสำหรับการเล่นเกม แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 42 ชั่วโมง ชาร์จ 10 นาที สามารถฟังเพลงได้นาน 3 ชั่วโมง รองรับการเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน ตัวหูฟังถูกออกแบบมาให้สวมใส่สบาย ไม่เจ็บหู แม้ใช้งานต่อเนื่องหลายชั่วโมง และมีคุณสมบัติกันน้ำ กันฝุ่น IP54
- ราคา 1,799 บาท
7. Sony WF-1000XM5
ภาพจาก : sony.co.th
หูฟังไร้สาย Sony แบบตัดเสียงรบกวน มีโปรเซสเซอร์เสียงแบบเรียลไทม์ และไมโครโฟนฟีดแบ็กคู่ ขับเสียงด้วยไดรเวอร์ยูนิต Dynamic Driver X ที่ได้รับการออกแบบเพื่อสร้างความถี่กว้าง เบสลึก และเสียงร้องชัดเจน โทร. แบบไร้เสียงรบกวนด้วยเซ็นเซอร์ Bone Conduction และระบบลดเสียงรบกวนด้วย AI ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อการสวมใส่ที่สบายและกระชับ ทนน้ำ และมีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน
- ราคา 10,990 บาท
8. JBL Tune Beam
ภาพจาก : jbl.com
หูฟังไร้สาย JBL ที่มีไดรเวอร์ขนาด 6 มม. เสริมพลังเบสด้วย JBL Pure Bass Sound รองรับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 5.3 พร้อม LE audio และมีระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Active Noise Cancelling พร้อม Smart Ambient สามารถปรับแต่งให้ยังคงได้ยินเสียงสภาพแวดล้อมรอบข้างเพื่อความปลอดภัย มีไมโครโฟน 4 ตัว เพื่อเสียงสนทนาที่ชัดเจน แบตเตอรี่ใช้ได้นานสูงสุด 48 ชั่วโมง และคุณสมบัติกันน้ำ กันฝุ่น IP54
- ราคา 3,790 บาท
วิธีเลือกซื้อหูฟังบลูทูธ True Wireless
1. In-Ear หรือ Earbud
หูฟังบลูทูธแบบ True Wireless โดยทั่วไปจะมี 2 แบบ คือ แบบ In-Ear กับแบบ Earbud ซึ่งมีจุดเด่นแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความชอบ สำหรับแบบ In-Ear จะเป็นแบบจุกอุดรูหู ทำให้หลุดยากกว่า ไม่ค่อยได้ยินเสียงจากภายนอก ได้ยินเสียงในหูฟังชัดเจน ส่วนแบบ Earbud จะเป็นแบบใส่นอกรูหู ให้ความรู้สึกสบายกว่า เมื่อใส่แล้วจะยังคงได้ยินเสียงภายนอกได้ชัดเจนอยู่ แต่บางคนอาจใส่แล้วหลุดง่าย
2. ฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน
หูฟัง True Wireless หลาย ๆ รุ่นโดยเฉพาะรุ่นที่มีราคาสูง มักจะมีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน (Noise Cancelling) มาด้วย โดยการใช้ไมโครโฟนบนตัวหูฟังตรวจจับเสียงรอบข้างที่รบกวนการฟังของเรา เพื่อตัดเสียงรบกวนให้ได้ยินเสียงเพลงในหูฟังชัดเจนมากขึ้น
3. ความจุแบตเตอรี่
ถึงแม้ว่าหูฟังบลูทูธ True Wireless มักจะมีกล่องเคสที่เป็นเสมือนแบตเตอรี่สำรองไว้ชาร์จหูฟังได้ในตัว แต่ถ้าคิดอยากใช้คุยหรือฟังเพลงต่อเนื่องได้นาน ๆ โดยที่ไม่ต้องใส่กล่องชาร์จบ่อย ๆ ควรมองหารุ่นที่แบตเตอรี่ใหญ่ ๆ ทั้งในตัวหูฟังและในเคส เพื่อให้ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น
4. คุณสมบัติกันน้ำ
ถ้าหากคุณชอบใส่หูฟังบลูทูธออกไปข้างนอกเป็นประจำ โดยเฉพาะการใส่ออกกำลังกายหรือเล่นน้ำ ควรเลือกหูฟังที่มีคุณสมบัติสามารถกันน้ำได้ดี โดยถ้าเป็นรุ่นที่รองรับ IPX4 ขึ้นไป ก็จะสามารถกันฝนหรือกันน้ำกระเด็นใส่ได้ แต่ถ้าหากเป็น IPX7 ก็จะสามารถใส่อาบน้ำหรือว่ายน้ำได้เลย
หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับหูฟังไร้สายยี่ห้อต่าง ๆ กันไปแล้ว เพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังอยากได้ แต่ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะซื้อรุ่นไหนดี น่าจะช่วยให้เลือกกันได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาที่ระบุไว้เป็นเพียงราคาเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับร้านที่จำหน่ายและโปรโมชั่นต่าง ๆ เพราะฉะนั้นอย่าลืมเช็กราคากันก่อนซื้ออีกครั้งด้วยนะครับ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : jbl.com, samsung.com, oppo.com, mi.com, sony.co.th, apple.com, vivo.com, huawei.com