ปัญหามือถือค้างหน้าโลโก้ หรือ Boot Loop ใช้งานมือถือไม่ได้ มีวิธีแก้อย่างไรบ้าง วันนี้เรามีวิธีมาแนะนำกัน
ภาพจาก : shutterstock.com / Anna Hoychuk
มือถือค้างหน้าโลโก้ ปัญหานี้บอกเลยว่าโทรศัพท์มือถือใครเจอคงต้องใจคอไม่ดีเป็นแน่แท้ เพราะมันทำให้ไม่สามารถใช้งานเครื่องได้เลย และมักจะเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ นอกจากส่งศูนย์ซ่อม แต่ถ้าหากคุณยังไม่โชคร้ายจนเกินไป ก็ยังพอมีวิธีที่เราอยากแนะนำให้ลองดู ซึ่งอาจทำให้เครื่องสามารถกลับมาใช้งานได้ ดังนี้
1. กดรีเซตเครื่อง
เริ่มจากลองปิดแล้วเปิดเครื่องใหม่หรือกดรีเซตเครื่อง ซึ่งการรีเซตในที่นี้ไม่ได้เป็นการ Factory Reset เพื่อล้างข้อมูลในเครื่อง แต่เป็นเสมือนการปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่โดยไม่ต้องกดหน้าจอ ใช้วิธีกดปุ่มที่ตัวเครื่องแทน ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการกดปุ่ม Power ค้างไว้ประมาณ 10-30 วินาที (แล้วแต่รุ่น) โดยในมือถือบางรุ่นอาจต้องกดปุ่มเพิ่มเสียง/ลดเสียงหรือปุ่ม Home ค้างไว้พร้อมกับปุ่ม Power ด้วย
2. Factory Reset (ล้างเครื่อง)
ถ้าลองปิด-เปิดเครื่องหลายรอบแล้วยังคงค้างหน้าโลโก้อยู่เหมือนเดิม ก็คงขอแนะนำให้จัดการ Factory Reset (ล้างเครื่อง คืนค่าจากโรงงาน) ซึ่งจะทำให้ระบบทุกอย่างในเครื่องกลับมาเหมือนวันแรกที่ซื้อมา แต่ก็ต้องแลกกับข้อมูลทุกอย่างหายหมด ควร Back up สำรองข้อมูลสำคัญ ๆ เก็บไว้ก่อนด้วย โดยการล้างเครื่องให้เริ่มจากปิดเครื่องก่อน จากนั้นกดปุ่ม Power และ Volume + ค้างไว้ สำหรับมือถือที่มีปุ่ม Home อาจต้องกดปุ่ม Home ค้างไว้ด้วย เมื่อหน้าจอแสดงโลโก้ Android ขึ้นมาแล้วให้ปล่อยปุ่มได้ จากนั้นรอสักพักจนเข้าสู่หน้า Recovery Menu (เมนูการกู้คืน) แล้วกดปุ่ม Volume - ไปเรื่อย ๆ เพื่อเลือกไปที่ Wipe Data/Factory Reset จากนั้นกดปุ่ม Power เพื่อเลือก ให้รอเครื่องทำการ Factory Reset จนเสร็จแล้วลองเปิดเครื่องดูอีกครั้ง
3. ติดตั้งซอฟต์แวร์ใหม่
เป็นไปได้ว่าปัญหาเครื่องค้างหน้าโลโก้อาจเกิดจากซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการมีปัญหา ซึ่งอาจแก้ไขได้ด้วยการติดตั้งซอฟต์แวร์เข้าไปใหม่ ด้วยการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ แต่วิธีนี้ไม่ค่อยแนะนำสำหรับเครื่องที่ประกันยังไม่หมดเพราะอาจทำให้หมดประกันได้ และไม่เหมาะกับคนที่ไม่เชี่ยวชาญมากพอ
4. ส่งศูนย์ซ่อม
หลังจากลองทุกวิธีแล้ว ถ้ายังแก้ปัญหาไม่ได้ จอค้างหน้าโลโก้เหมือนเดิม หรือแก้ได้แล้วแต่ก็ยังมีค้างอีกบ่อย ๆ ก็คงต้องส่งศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็กหาสาเหตุและทำการซ่อมต่อไป ซึ่งในกรณีที่เครื่องหมดประกันแล้วอาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการซ่อม
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเป็นโทรศัพท์มือถือที่มีอายุการใช้งานมาหลายปีและหมดประกันไปแล้ว การซ่อมก็อาจมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไปจนไม่คุ้มที่จะซ่อม ดังนั้นการตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่อาจเป็นทางออกที่ดีกว่า ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละคน