10 มือถือน่าใช้ เดือนธันวาคม 2563 รุ่นไหนน่าซื้อ เช็กเลย

          แนะนำมือถือเดือนธันวาคม 2563 น่าซื้อ น่าใช้ สำหรับคนกำลังมองหามือถือใหม่ มีมือถือน่าซื้อเดือนธันวาคม 2020 ให้เลือกหลายราคา รุ่นไหนสเปกคุ้ม ราคาถูก เช็กก่อนซื้อเลย

          กลับมาอัปเดตมือถือน่าซื้อประจำเดือนกันอีกครั้งในเดือนธันวาคม 2563 และเดือนนี้ก็มีมือถือน่าซื้อหลายรุ่นเลยทีเดียว มีทั้งรุ่นที่เปิดตัวใหม่และรุ่นที่ยังคงได้รับความนิยมตั้งแต่เดือนก่อน ๆ สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือใหม่ หากกำลังตัดสินใจไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อรุ่นไหนดี ก็ลองพิจารณาดูจากทั้ง 10 รุ่นนี้ได้เลย มีหลายราคาหลายระดับให้เลือกตามต้องการ

1. iPhone 12 Series

          iPhone 12 Series มาพร้อมกับจอภาพแบบ Super Retina XDR ที่สว่างกว่า ลื่นกว่า และหน้าจอก็ทนทานกว่าด้วย Ceramic Shield อีกทั้งยังมาพร้อมกับชิปประมวลผล A14 Bionic ซึ่งเป็นชิปที่เร็วที่สุดในบรรดาสมาร์ตโฟนทั้งหมด รองรับเทคโนโลยี 5G นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์ Smart Data mode ที่ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ ช่วยลดการใช้ดาต้า ความเร็ว ในเวลาที่ไม่จำเป็น แบบนาทีต่อนาที รวมทั้งมาพร้อมกับระบบ MagSafe ซึ่งเป็นการชาร์จมือถือแบบไร้สาย เพียงวางเอาไว้แล้วแม่เหล็กจะดูดและชาร์จมือถือได้ง่ายทันใจ

          - iPhone 12 ราคาเริ่มต้นประมาณ 25,000 บาท
          - iPhone 12 mini ราคาเริ่มต้นประมาณ 22,000 บาท
          - iPhone 12 Pro ราคาเริ่มต้นประมาณ 31,000 บาท
          - iPhone 12 Pro Max ราคาเริ่มต้นประมาณ 33,000 บาท

2. realme 7 5G

          มือถือระดับกลางที่รองรับ 5G ด้วยขุมพลังของชิป Dimensity 800U ใส่ได้สองซิมและรองรับ 5G ได้ทั้งสองซิม มาพร้อมสเปกเน้น ๆ ทั้งหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับ Refresh Rate 120Hz แรม 6GB/8GB ความจุ 128GB ใส่ microSD เพิ่มได้สูงสุด 256GB กล้องหลังมี 4 เลนส์ เลนส์หลัก 48MP กล้องหน้า 16MP แบบ Punch-hole แบตเตอรี่ขนาด 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W และรัน Android 10 ครอบทับด้วย realme UI

          ราคา 9,999 บาท

3. Sony Xperia 5 II

          มือถือรุ่นรองจาก Xperia 1 II ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยมีดีไซน์และสเปกส่วนใหญ่เหมือนกัน ตั้งแต่ชิป Snapdragon 865 รวมทั้งสเปกกล้องหน้ากับกล้องหลัง ไปจนถึงแบตเตอรี่ขนาด 4000mAh ส่วนหน้าจอนั้นจะเป็นหน้าจอ OLED อัตราส่วน 21:9 ที่ลดขนาดลงมาเป็น 6.1 นิ้ว กับความละเอียดระดับ FHD+ และรองรับ Refresh Rate 120Hz นอกจากนี้ฟีเจอร์กล้องต่าง ๆ ก็จะยังคงมีให้ใช้งานได้เหมือนกับ Xperia 1 II

          ราคา 28,990 บาท

4. OPPO A73 (2020)

          มือถือสเปกกลาง ๆ ที่น่าจะมีราคาไม่ถึงหมื่น เป็นรุ่นที่รีแบรนด์มาจาก OPPO F17 ที่เคยเปิดตัวในอินเดียไปก่อนหน้านี้ สำหรับสเปกหลัก ๆ นั้นก็ประกอบไปด้วย หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว FHD+ ใช้ชิป Snapdragon 662 มีแรม 6GB ความจุ 128GB ใส่ microSD เพิ่มได้ มาพร้อมกล้องหลัง 4 เลนส์ 16MP และกล้องหน้า 16MP แบตเตอรี่ขนาด 4015mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W และรัน Android 10 ครอบทับด้วย ColorOS 7.2

          ราคา 6,999 บาท

5. realme Narzo 20 Pro

          มือถือสเปกแรง ในราคาเพียงแค่หลักพัน ชูดจุดเด่นหลักด้วยแบตเตอรี่ 4500mAh สแตนด์บายได้นานสูงสุด 28 วัน ที่รองรับ 65W SuperDart Charge ชาร์จได้ 14% ในเวลาเพียง 3 นาที พร้อมขุมพลังจากชิป Helio G95 ของ MediaTek นอกจากนี้ก็ยังมีหน้าจอ 90Hz ขนาด 6.5 นิ้ว FHD+ และกล้อง AI หลัง 4 เลนส์ 48MP

          ราคา 8,499 บาท

6. Samsung Galaxy S20 FE

          มือถือรุ่นย่อยในซีรีส์ Galaxy S20 ที่มีราคาย่อมเยากว่าเดิม เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น โดยมาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว FHD+ รองรับ Refresh Rate 120Hz ใช้ชิป Octa-Core ความเร็ว 2.7-2.8GHz แรมสูงสุด 8GB ความจุสูงสุด 256GB มีกล้องหลัง 3 เลนส์ 12MP ซูมได้สูงสุด 30x กล้องหน้า 32MP แบตเตอรี่ 4500mAh รองรับการแชร์แบตเตอรี่ และรัน Android 10 ครอบทับด้วย ONE UI 2

          - รุ่น LTE 128GB ราคา 20,900 บาท
          - รุ่น 5G 128GB ราคา 23,900 บาท
          - รุ่น 5G 256GB ราคา 25,900 บาท 

7. OnePlus 8T

          มือถือเรือธงรุ่นปลายปีที่ได้มีการอัปเกรดสเปกส่วนต่าง ๆ ให้ดีและแรงขึ้นกว่าเดิม โดยประกอบไปด้วย หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.55 นิ้ว FHD+ รองรับ Refresh Rate 120Hz ใช้ชิป Snapdragon 865 แรมเลือกได้สูงสุด 12GB ความจุสูงสุด 256GB มาพร้อมกล้องหลัง 4 เลนส์ 48MP กล้องหน้า 16MP รองรับ 5G และ Wi-Fi 6 มีแบตเตอรี่ขนาด 4500mAh ที่รองรับชาร์จเร็วถึง 65W และรัน Android 11 ครอบทับด้วย OxygenOS 11

          - รุ่น 8GB/128GB ราคา 24,990 บาท
          - รุ่น 12GB/256GB ราคา 29,990 บาท

8. ASUS ROG Phone 3

          มือถือเกมมิ่งสเปกสุดแรงที่มีจุดเด่นหลัก ๆ เลยก็คือ AirTrigger 3 ที่เป็นเสมือนปุ่ม L/R บนจอยเกม ได้มีการพัฒนาให้รองรับการสั่งการมากขึ้นนอกเหนือจากการกด ได้แก่ การแตะ แตะค้าง ปัด ลาก และอื่น ๆ ที่ทำให้สามารถใช้ตั้งคำสั่งในการควบคุมเกมได้หลากหลายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ก็ยังรองรับการควบคุมแบบ Motion ด้วยการเอียงหรือเขย่าตัวเครื่องอีกด้วย สำหรับสเปกอื่น ๆ ก็มีหน้าจอ OLED 6.59 นิ้ว ที่รองรับการตอบสนองรวดเร็ว ทั้ง Refresh Rate 144Hz, Touch-sampling Rate 270Hz, Touch Latency 25ms และ Side Latency 18ms ใช้ชิป Snapdragon 865+ แรมสูงสุด 16GB ความจุ 512GB แบตเตอรี่ใหญ่สะใจถึง 6000mAh ส่วนกล้องหลังก็จัดมาให้ถึง 3 เลนส์ 64MP กับกล้องหน้า 24MP

          ราคา 32,990 บาท

9. OPPO Reno 4 Z 5G

          มือถือรุ่นย่อยในตระกูล Reno 4 ที่มาพร้อมจุดเด่นเป็นหน้าจอ Refresh Rate 120Hz เป็นจอ LCD ขนาด 6.57 นิ้ว FHD+ และใช้ชิป Dimensity 800 รองรับ 5G สำหรับสเปกอื่น ๆ ก็จัดมาให้ไม่ใช่น้อย ประกอบไปด้วย แรม 8GB ความจุ 128GB กล้องหลัง 4 เลนส์ 48MP กล้องหน้าคู่ 16MP แบตเตอรี่ 4000mAh รองรับชาร์จเร็ว 18W และรัน Android 10 ครอบทับด้วย ColorOS 7.2

          ราคา 12,990 บาท

10. Xiaomi Mi 10T / Mi 10T Pro

          รุ่นท็อปสุดอย่าง Mi 10T Pro จัดเต็มทั้งหน้าที่รองรับ Refresh Rate 144Hz ใช้ชิปตัวแรง Snapdragon 865 มีแรมสูงสุด 8GB ความจุสูงสุด 256GB กล้องหลัง 3 เลนส์ 108MP ถ่ายวิดีโอ 8K ได้ กล้องหน้า 20MP แบตเตอรี่ 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W และรัน Android 10 ครอบทับด้วย MIUI 12 ส่วนรุ่นรองอย่าง Mi 10T จะมีสเปกส่วนใหญ่เหมือนกัน ต่างกันเฉพาะบางจุด เช่น กล้องหลัก 64MP ความจุสูงสุด 128GB

          - Xiaomi Mi 10T ราคา 12,900 บาท
          - Xiaomi Mi 10T Pro 8GB/128GB ราคา 13,900 บาท
          - Xiaomi Mi 10T Pro 8GB/256GB ราคา 15,900 บาท

10 มือถือน่าใช้ เดือนตุลาคม 2563 รุ่นไหนน่าซื้อ เช็กเลย

          หมายเหตุ: ราคามือถืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับร้านที่วางจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อทุกครั้ง