มือถือรุ่นท็อปปัจจุบัน มีเงิน 3 หมื่นยังซื้อไม่ได้ บางรุ่นเกือบครึ่งแสน ทั้งที่สมัยก่อนมีเงิน 2 หมื่นกว่าก็ได้เรือธงจัดเต็มไปแล้ว อะไรทำให้มือถือทุกวันนี้แพงขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้มาหาคำตอบกัน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้หลายคนอาจจะเริ่มรู้สึกได้ว่า ราคา โทรศัพท์ มือถือรุ่นท็อป ๆ ทั้งหลายเริ่มจะมีราคาแพงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง iPhone และมือถือ Android จากที่เมื่อก่อนราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 หมื่น ปัจจุบันราคาพุ่งไปที่ 3-4 หมื่นแล้ว หรืออย่างรุ่นแพงสุดก็มีราคาเกือบครึ่งแสนเสียด้วยซ้ำ แต่ว่ามันเป็นเพราะอะไรกันล่ะ ที่ทำให้ราคามือถือในปัจจุบันแพงขึ้นมาขนาดนี้ ?
ราคาแพงขึ้นเพราะมีรุ่น "ท็อปกว่า"
หากย้อนไปดูเมื่อสมัยสมาร์ตโฟนยุคแรก ๆ มือถือรุ่นท็อปมักจะมีรุ่นเดียว iPhone 4 ก็ไม่มี iPhone 4 Plus หรือ Galaxy S4 ก็ไม่มี Galaxy S4+ แต่ในปัจจุบันรุ่นท็อปแทบจะทุกแบรนด์จะต้องมีรุ่นใหญ่กว่า (และใหญ่กว่ากว่า) ตามมาด้วยเสมอ อย่างเช่น iPhone 8 Plus, iPhone 11 Pro Max, Galaxy Note 10+, Huawei P40 Pro ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีรุ่นที่ใหญ่กว่ารุ่นท็อปปกติ ก็จะต้องมีราคาที่สูงกว่า เมื่อคนเราต้องการซื้อและมองหารุ่นท็อปสุด ก็จะพบกับราคาค่าตัวที่สูงกว่าเมื่อยุคสมัยก่อนนั่นเอง
.jpg)
ฮาร์ดแวร์ภายในก็ส่งผลกับราคาเช่นกัน
สมาร์ตโฟนในปัจจุบันเมื่อเทียบกับเมื่อหลายปีก่อนนั้น ถือว่ามีการพัฒนาไปค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในด้านฮาร์ดแวร์ที่รุ่นท็อปที่จัดสเปกมาให้ค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แสดงผลได้ดีขึ้น ชิปประมวลผลที่แรงขึ้น แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ อึด ใช้ได้นาน กล้องมีมากเลนส์ มีเซ็นเซอร์สารพัด พรอ้มฟีเจอร์ AI และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปทั้งการรองรับสัญญาณยุคใหม่อย่าง 5G ที่ทำให้การผลิตมีต้นทุนที่สูงขึ้น ตามมาด้วยราคาที่แพงขึ้น นอกจากนี้ในด้านซอฟต์แวร์และฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ล้ำมากขึ้นก็ส่งผลต่อราคาด้วยเช่นกัน
มีโอกาสที่อนาคตราคาจะถูกลงไหม ?
แนวโน้มที่มือถือในอนาคตจะมีราคาถูกลงกว่าตอนนี้อาจจะเป็นไปได้ยาก สำหรับในด้านพฤติกรรมของผู้ซื้อนั้นก็คงจะเปลี่ยนไป อย่างในปัจจุบันคนก็เริ่มเปลี่ยนมือถือใหม่กันน้อยลง ใช้เครื่องเดิมกันนานขึ้น และมือถือรุ่นที่ขายดีที่สุดก็มักจะไม่ใช่รุ่นท็อปแต่เป็นรุ่นที่มีราคารองลงมาซึ่งมีสเปกที่คุ้มค่าเหมาะแก่การใช้งานทั่วไป (อย่างเช่น iPhone 11) ส่วนมือถือรุ่นท็อปสุดก็จะเน้นขายกลุ่มผู้ซื้อที่มีงบเยอะและต้องการใช้สเปกแรง ๆ เสียมากกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก androidauthority.com, Apple, Samsung
