เมื่อการชาร์จแบตเตอรี่มือถือแบบไร้สายกำลังมาแรง หรืออาจจะกำลังมาแทนการชาร์จแบบใช้สาย ลองมาเปรียบเทียบกันว่าทั้งสองแบบดีหรือแย่กว่ากันหรือไม่ และการใช้สายชาร์จมือถือกับที่ชาร์จแบบไร้สายแตกต่างกันอย่างไร
ปัจจุบันอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่มือถือแบบไร้สายกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยจะเห็นได้ว่าโทรศัพท์รุ่นที่รองรับการชาร์จแบบไร้สายของแต่ละค่ายนั้นยิ่งถูกส่งมาวางจำหน่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
แน่นอนว่าการใช้สายชาร์จแบบเดิม และการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย ย่อมมีความแตกต่างกันทั้งในแง่ของลักษณะการใช้งาน และในเชิงเทคนิค แต่ในความเป็นจริงแล้วการใช้สายชาร์จกับชาร์จแบบไร้สายจะมีข้อดีหรือข้อเสียแตกต่างกันมากน้อยขนาดไหน ลองมาดูกัน
การชาร์จแบตเตอรี่มือถือแบบใช้สายชาร์จ
การชาร์จมือถือด้วยหัวชาร์จและสายชาร์จแบบต่าง ๆ ถือว่าเป็นวิธีมาตรฐานในมือถือทุกรุ่น และต้องมีชุดอุปกรณ์ชาร์จให้ในกล่องมือถือทุกเครื่อง หรือจะเลือกใช้ที่ชาร์จแบตเตอรี่ยี่ห้ออื่น ๆ ร่วมได้หากเป็นสายชาร์จแบบเดียวกัน หัวชาร์จใช้แรงดันไฟระดับเดียวกัน และยังพกพาสะดวก ใช้ชาร์จที่ไหนก้ได้ แถมราคาก็ยังไม่แพง
แต่สิ่งที่ควรให้ความสำคัญก็คือ แรงดันไฟของหัวชาร์จแต่ละแบบ ต้องเลือกให้ใช้งานร่วมกับมือถือแต่ละรุ่นได้ หรือนำหัวชาร์จที่แถมมาในกล่องไปเทียบแรงดันไฟด้วย เพราะหัวชาร์จที่แถมมาถูกออกแบบให้เข้ากับมือถือรุ่นนั้น ๆ อยู่แล้ว หากเปลี่ยนไปใช้หัวชาร์จที่ให้แรงดันไฟเยอะ ๆ แต่ตัวมือถือไม่รองรับ ก็ไม่ทำให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้นแต่อย่างใด
ข้อดีของการชาร์จแบบมีสาย
- แรงดันไฟเข้าถึงแบตเตอรี่โดยตรง
- อุปกรณ์ชาร์จหาซื้อง่าย ราคาเริ่มต้นไม่แพง
- พกพาสะดวก ใช้งานที่ไหนก็ได้ที่มีปลั๊กให้เสียบใช้งาน
- ชาร์จรวดเร็ว หากมือถือและชุดชาร์จไฟรองรับ
ข้อเสียของการชาร์จแบบมีสาย
- พอร์ตเชื่อมต่อถูกใช้งานบ่อย ส่งผลให้ความทนทานลดลง
- เสี่ยงต่อการเกิดไฟกระชาก หากดึงสายชาร์จออกกลางคัน หรือใช้กับปลั๊กไฟที่ไม่เสถียร
- ใช้ชุดชาร์จแบตเตอรี่ 1 ชุดต่อมือถือ 1 เครื่องเท่านั้น
การชาร์จแบตเตอรี่มือถือแบบไร้สาย
วิธีการชาร์จแบตเตอรี่มือถือแบบไร้สายกำลังได้รับความนิยม เพราะไม่ต้องดึงสาย ถอดสายชาร์จ ที่ทำให้ความทนทานของพอร์ตเชื่อมต่อเสื่อมก่อนเวลาอันควร และยังใช้แท่นชาร์จทำหน้าที่ขาตั้งมือถือในตัวได้ แถมยังประยุกต์เป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้หลายแบบ เช่น ที่ชาร์จไร้สายในรถ พาวเวอร์แบงก์ที่รองรับ Wireless Charge แม้กระทั่งตัวมือถือที่สามารถชาร์จไร้สายให้มือถือด้วยกันได้ แต่คุณสมบัติการชาร์จไร้สายนั้น ยังไม่มีในมือถือทุกรุ่น รวมถึงราคาของแท่นชาร์จนั้นถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับที่ชาร์จมือถือทั่วไป
ข้อดีของการชาร์จแบบไร้สาย
- ช่วยถนอมพอร์ตเสียบสาย ไม่ต้องเสียบสาย ถอดสายบ่อย
- ใช้ชาร์จได้ทั้งมือถือ หูฟัง Smartwatch ในคราวเดียว
- ลดโอกาสเกิดการไฟกระชากขณะใช้งาน
- ใช้งานได้แบบไม่ต้องถือตัวเครื่อง เพราะมีแท่นชาร์จเสมือนขาตั้งอยู่แล้ว
- ชาร์จขณะขับรถได้ หรือรถยนต์บางรุ่นมีที่ชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายให้โดยเฉพาะ
ข้อเสียของการชาร์จแบบไร้สาย
- อุปกรณ์ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสายชาร์จ หากต้องการแท่นชาร์จขนาดใหญ่หรือคุณสมบัติขั้นสูง เช่น Fast Charge ในตัว
- หากติดตั้งแท่นชาร์จไร้สายในรถเพิ่มเติม ต้องติดตั้งสายไฟเพื่อใช้ไฟจากในรถด้วย
- พกพาไปใช้งานที่อื่นไม่สะดวกนัก เมื่อเทียบกับชุดชาร์จสายเคเบิล
- แท่นชาร์จไร้สายบางรุ่นจ่ายไฟช้ากว่าการชาร์จแบบมีสาย
ชาร์จไร้สายทำให้แบตเตอรี่เสื่อมจริงไหม
สำหรับใครที่กังวลว่าการชาร์จแบตเตอรี่ไร้สาย ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้นหรือไม่ ขอบอกเลยว่าไม่เป็นความจริง ไม่ว่าจะเป็นการชาร์จแบบมีสายหรือไร้สาย แต่การที่แบตเตอรี่มือถือเสื่อม ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้มือถือของแต่ละคนต่างหาก ส่วนพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือ การชาร์จมือถือเมื่อแบตเตอรี่หมดเกลี้ยง การใช้ที่ชาร์จแบตเตอรี่ไม่ได้มาตรฐาน หรือแม้แต่การเสียบชาร์จที่มือถือก่อนเสียบปลั๊กไฟ เพราะเสี่ยงเกิดเหตุการณ์ไฟกระชากนั่นเอง
สรุป
ทั้งวิธีการชาร์จแบตเตอรี่มือถือด้วยสายชาร์จ และการชาร์จไร้สาย ล้วนเป็นวิธีการชาร์จที่ให้ความสะดวกสบาย ซึ่งวิธีการไหนดีกว่ากันนั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานมือถือของแต่ละคนมากกว่า เพราะบางคนสะดวกที่จะชาร์จไร้สายเมื่อถึงบ้านหรือโต๊ะทำงาน ช่วยให้วางมือถือเป็นที่เป็นทางมากขึ้น และยังรักษาพอร์ตเชื่อมต่อให้ยังคงสภาพดี หรือบางคนเคยชินกับการเสียบสายชาร์จ พกที่ชาร์จไปไหนก็ได้ แถมซื้อได้ง่าย ๆ ในราคาถูกกว่า อย่างไรก็ตาม อย่าลืมถนอมมือถือ ถนอมแบตเตอรี่ด้วยวิธีการใช้งานและวิธีชาร์จที่ถูกต้อง เพียงเท่านี้ มือถือและแบตเตอรี่ก็จะใช้งานได้อย่างยาวนาน
ข้อมูลจาก thewirecutter.com, maketecheasier.com, nonstopproducts.com, leapfrogservices.com, oispice.com