เทคนิคเคล็ดไม่ลับ ถ่ายวิดีโอด้วย iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ยังไงให้ออกมาสวยชัดและดูดี
.jpg)
iPhone 11 และ iPhone 11 Pro (รวมทั้ง iPhone 11 Pro Max) จัดว่าเป็น iPhone ที่มีการพัฒนากล้องมาค่อนข้างมาก ตั้งแต่ดีไซน์และโมดูลกล้อง จำนวนเลนส์ ไปจนถึงประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากจะใช้ถ่ายภาพนิ่งได้ดีแล้ว การถ่ายวิดีโอก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน แต่การจะถ่ายวิดีโอด้วยกล้อง iPhone 11 ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดนั้นก็คงต้องรู้เทคนิคต่าง ๆ ด้วย วันนี้เราก็เลยมีเทคนิคดี ๆ ทั้ง 11 ข้อมาบอกกล่าวกัน ดังนี้
1. การถ่ายแนวตั้งและแนวนอน
การถ่ายวิดีโอนั้นก่อนอื่นจะต้องคำนึงถึงด้วยว่าจะเอาไปโพสต์ที่ไหน ถ้าหากโพสต์ใน YouTube ก็ควรถ่ายเป็นแนวนอนมากกว่า แต่ถ้าหากโพสต์ลงโซเชียลอย่าง Instagram การถ่ายเป็นแนวตั้งก็อาจจะดูเหมาะกว่า และที่สำคัญคือถ้าหากถ่ายหลาย ๆ คลิปเพื่อเอามาตัดต่อรวมกันก็ควรถ่ายให้เป็นแนวเดียวกันทั้งหมด เพื่อให้ง่ายในการตัดต่อ
2. ความละเอียดวิดีโอ
เนื่องจาก iPhone 11 สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K ได้ การเลือกถ่ายแบบ 4K ก็น่าจะดีที่สุด เพราะจะได้วิดีโอที่มีคุณภาพดีที่สุดและคมชัดที่สุด แต่ถ้าหากไม่ได้ต้องการความละเอียดมากขนาดนั้นหรือไม่อยากให้พื้นที่เต็มไว ก็อาจเลือกถ่ายที่ความละเอียด 1080p หรือ 720p ก็ได้เช่นกัน
3. เฟรมเรตของวิดีโอ
iPhone 11 สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้ที่เฟรมเรต 24fps, 30fps และ 60fps โดยถ้าหากต้องการให้วิดีโอดูเหมือนภาพยนตร์ก็ควรเลือกเป็น 24fps แต่ถ้าหากถ่ายวิดีโอสำหรับโพสต์ลงโซเชียลก็อาจเลือกเป็น 30fps แต่ถ้าหากเป็นวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหวรวดเร็ว เช่น ถ่ายการแข่งขันกีฬา ก็ควรเลือกเป็น 60fps น่าจะเหมาะที่สุด
4. ถ่าย Slow motion อย่างถูกวิธี
ถึงแม้ว่าการถ่ายวิดีโอแบบ Slow motion จะดูเจ๋ง และ iPhone ก็สามารถทำได้ แต่จะต้องไม่ลืมด้วยว่าการถ่ายโหมด Slow motion ควรจะถ่ายกลางแดดที่มีแสงมาก และไม่ควรถ่ายในที่ร่มที่ใช้แสงจากหลอดไฟ เพราะภาพที่ได้อาจกะพริบและดูไม่ค่อยโอเคนัก
5. ใช้ Auto Exposure และ Auto Focus ให้เป็นประโยชน์
ถ้าหากว่าถ่ายวิดีโอแล้วรู้สึกว่าภาพหรือวัตถุสว่างเกินไป สามารถใช้วิธีปรับลด Exposure ซึ่ง iPhone 11 จะมี Auto Exposure และ Auto Focus ที่ทำงานร่วมกัน จึงสามารถแตะที่วัตถุเพื่อกำหนดจุดโฟกัสแล้วเลื่อนแถบปรับความสว่างได้ทันที จากนั้นแตะที่หน้าจอค้างไว้เพื่อล็อก Auto Exposure และ Auto Focus เอาไว้ โดยจะมีแสดง AE/AF LOCK บนหน้าจอ
6. ทำความเข้าใจกับการซูม
การซูมด้วยกล้องมือถือนั้นจะมีทั้ง Optical Zoom และ Digital Zoom โดย iPhone 11 นั้น Optical Zoom ได้แบบ 1x ส่วน iPhone 11 Pro ได้แบบ 2x ซึ่งถ้าหากเลือกซูมเกินจากนี้จะถือว่าเป็น Digital Zoom ที่ภาพจะถูกลดทอนคุณภาพลง และทางที่ดีที่สุด iPhone 11 ควรเลือกซูมแบบ 0.5x หรือ 1x ส่วน iPhone 11 Pro ควรเลือกซูมแบบ 0.5x, 1x หรือ 2x
7. ใช้ Zoom Dial ซูมอย่างลื่นไหล
iPhone 11 ที่ใช้ iOS 13 จะมี Zoom Dial ที่สามารถใช้นิ้วลากปรับการซูมเข้าและซูมออกได้อยากสะดวกและลื่นไหล ซึ่งง่ายกว่าการใช้สองนิ้วลากแบบตอนซูมดูรูป เพราะโอกาสที่เฟรมภาพวิดีโอจะสั่นไหวหรือขยับนั้นจะน้อยกว่าพอสมควรเลย
8. QuickTake ถ่ายวิดีโอได้ทันใจ
สำหรับใครที่ชอบถ่ายภาพนิ่งบ้างถ่ายวิดีโอบ้างสลับกัน สามารถใช้ฟีเจอร์ QuickTake ด้วยการแตะที่ปุ่มชัตเตอร์ค้างเพื่อถ่ายวิดีโอและปล่อยปุ่มเมื่อหยุดถ่ายได้ทันที โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนโหมด หรือจะแตะปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้แล้วลากออกเพื่อล็อกปุ่มเพื่อให้ถ่ายวิดีโอต่อไปโดยไม่ต้องแตะค้างตลอดก็ได้เช่นกัน
9. ปรับแต่งวิดีโอได้ในตัว
ใน iOS 13 เพียงแค่เลือกเปิดวิดีโอที่ถ่ายเอาไว้ ก็สามารถแตะปุ่ม Edit เพื่อปรับแต่งวิดีโอได้ทันที จะตัดต่อ ปรับแสงสีรายละเอียดต่าง ๆ หรือใส่ฟิลเตอร์และเอฟเฟกต์ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้แอปฯ อื่น ๆ เพิ่มเติม และถ้าหากต้องการตัด (Trim) วิดีโอก็แค่แตะค้างที่ Timeline ใต้วิดีโอก็จะเข้าสู่โหมด Trim ทันที
10. ถ่ายวิดีโอเซลฟี่ทำ Vlog ก็แจ่ม
กล้องหน้าของทั้ง iPhone 11 และ iPhone 11 Pro มี Dynamic Range ที่กว้างเหมือนกล้องหลัง แถมยังรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 4K อีกด้วย จึงเหมาะแก่การถ่ายวิดีโอเซลฟี่หรือ Vlog มาก ๆ
11. อัดเสียงไม่ค่อยดี... ต่อไมค์แยกสิ
การถ่ายวิดีโอด้วย iPhone 11 หลายคนอาจจะประสบปัญหาเสียงในวิดีโอไม่ค่อยชัด จะขยับเข้าไปถ่ายใกล้ ๆ ก็ทำให้ถ่ายภาพออกมาไม่สวยดั่งใจ โฟกัสภาพได้ไม่ค่อยดี วิธีแก้ปัญหาที่ง่ายและดีที่สุดคือซื้อไมโครโฟนมาต่อแยก โดยเลือกซื้อไมโครโฟนที่สามารถต่อพอร์ต Lightning ได้เพื่อให้ใช้กับ iPhone 11 และ iPhone 11 Pro ได้นั่นเอง
ข้อมูลจาก cnet.com
