10 มือถือราคาไม่เกิน 8,000 บาท ปี 2019 เช็กเลย รุ่นไหนน่าซื้อ สำหรับผู้ซื้อที่มีงบจำกัดอยากได้มือถือราคาไม่เกิน 8,000 บาท มีรุ่นไหนให้เลือกซื้อบ้าง
กลับมาอัปเดตตลาดมือถือราคาไม่เกิน 8,000 บาท ปี 2019 ซื้อรุ่นไหนดี ? ต้องบอกว่ามือถือในช่วงราคาไม่เกิน 8,000 บาท เป็นอีกช่วงราคาที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่มีงบในการซื้อมือถือจำกัด แต่อยากได้มือถือที่มีสเปกคุ้มค่า เล่นเกมได้ดี ถ่ายรูปได้สวย ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน รวมถึงดีไซน์ตัวเครื่องดูดีไม่แพ้มือถือระดับกลางหรือเรือธง เรียกว่าเป็นมือถือราคาสุดคุ้มของคนที่ต้องการความคุ้มกับราคาที่ไม่สูงจนเกินไป
วันนี้กระปุกดอทคอมมีมือถือราคาไม่เกิน 8,000 บาท ปี 2019 อัปเดตใหม่ มาแนะนำ ถ้าพร้อมแล้ว มาดูกันเลยว่ามีรุ่นไหนให้เลือกซื้อบ้าง
มือถือกล้องหน้าป๊อปอัพรุ่นแรกของ Huawei สเปกคุ้มกับราคาโดน ๆ มาพร้อมกล้องหน้าป๊อปอัพ 16 ล้านพิกเซล รองรับ AI สามารถป๊อปอัพได้อย่างรวดเร็วแค่ 1 วินาที รวมถึงยังมีความแข็งแรงทนทานสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 12 กิโลกรัม ผ่านการทดสอบกว่า 100,000 ครั้ง และทนทานต่ออุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส ถึง 60 องศาเซลเซียส เลยทีเดียว นอกจากนี้ตัวเครื่องยังปรับโฉมดีไซน์ใหม่ แทนที่จะเป็นการไล่เฉดสีเหมือนกับรุ่นอื่น ๆ ได้ปรับใหม่เป็นแบบทูโทน พร้อมขอบตัวเครื่องที่โค้งมนสวยงาม
ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.59 นิ้ว Ultra FullView Display ความละเอียด Full HD+, อัตราส่วน 19.5:9 ซีพียู Kirin 710F, แรม 4GB, หน่วยความจำ 128GB, รองรับ microSD card, รัน Android 9 Pie ครอบทับด้วย EMUI 9, กล้องหลัง 3 ตัว แบ่งออกเป็น 16 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล + 2 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ 4,000mAh
ราคา 7,990 บาท
2. Vivo Y17
มือถือซีรีส์ Y จาก Vivo อีกรุ่นที่มาพร้อมสเปกสุดคุ้ม มีหน้าจอขนาด 6.35 นิ้ว LCD ความละเอียด HD+, Halo FullView Display (ติ่งหยดน้ำ), อัตราส่วน 19.3:9, คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 89%, ซีพียู MediaTek Helio P35, แรม 4GB, หน่วยความจำ 128GB, รัน Android 9.0 ครอบทับด้วย Funtouch OS 9, ตัวเครื่องดีไซน์ไล่เฉดสีตามสมัยนิยม มีให้เลือก 2 สี คือ สีฟ้า (Mineral Blue) และสีม่วง (Mystic Purple), แบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 18 วัตต์ Dual-Engine Fast Charging กล้องหลัง 3 เลนส์ (AI Triple Camera) แบ่งเป็นเลนส์หลัก 13 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 120 องศา (Super Wide-Angle) + 2 ล้านพิกเซล (Depth) ส่วนกล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล พร้อม AI Face Beauty
ราคา 6,999 บาท
มือถือระดับกลาง สเปกและดีไซน์เหมือนกับ Honor 20i ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.21 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 90%, ซีพียู Kirin 710, แรม 4GB, หน่วยความจำ 128GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย EMUI 9.0, กล้องหลัง 3 ตัว แบ่งเป็นกล้องหลัก 24 ล้านพิกเซล + 2 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 120 องศา กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล พร้อม AI beautify ดีไซน์ตัวเครื่องไล่เฉดสีสวยงาม พร้อมสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง และใช้แบตเตอรี่ 3,400mAh
ราคา 7,990 บาท
4. Realme 3 Pro
มือถือที่สานต่อจาก Realme 2 Pro อัปเกรดสเปกใหม่ พร้อมปรับดีไซน์และสีสันของตัวเครื่องให้ดูสวยขึ้น ใช้หน้าจอทรงหยดน้ำตามสมัยนิยม Dewdrop Full Screen ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ มีพื้นที่การใช้งาน 90.8%, กระจก Corning Gorilla Glass 5, ซีพียู Snapdragon 710 AIE, แรมสูงสุด 6GB พร้อม Hyperboost 2.0 สำหรับสายเกมมิ่ง กล้องหลัง 16 + 5 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX519, รูรับแสง f/1.7, รองรับ AI scene recognition, ถ่ายภาพความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล (Ultra HD mode), กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล ใช้เทคโนโลยี Super Pixel 4-in-1 รองรับ AI Selfie
ราคา 6,999 บาท (แรม 4GB + 64GB)
มือถือซีรีส์ A รุ่นใหม่ ชูจุดเด่นหน้าจอใหญ่ แบตเตอรี่อึด โดยรุ่นนี้ปรับลดสเปกบางส่วนจาก Galaxy A50 แต่ตัวเครื่องใช้ดีไซน์เหมือนกันแบบ 3D Glasstic และมีขนาดหน้าจอเท่ากันที่ 6.4 นิ้ว แบบ Infinity-U ติ่งทรงตัว U ความละเอียด Full HD+ ใช้ซีพียู Exynos 7904 Octa-Core 14nm, แรม 3GB/4GB, หน่วยความจำ 32GB/64GB, รัน Android Pie, กล้องหลังคู่ 16 ล้านพิกเซล, f/1.7 + ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง (Ultra Wide-angle), กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล, f/2.0, มีสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง, รองรับฟีเจอร์ Samsung Pay2, Bixby Home, Bixby Reminder และแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว
ราคา 7,290 บาท (แรม 4GB + 64GB)
6. Moto G7
ซีรีส์ใหม่ล่าสุดจาก Motorola มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ทำให้การถ่ายภาพ ตกแต่ง ไปจนถึงการแบ่งปันเนื้อหาสุดสร้างสรรค์ ทำได้ง่ายดายกว่าที่เคย ด้วยหน้าจอเทคโนโลยี U-design ขนาด 6.2 นิ้ว แบบ Max Vision Full HD+ ที่ให้ความคมชัดสูง ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานได้ดื่มด่ำไปกับภาพและวิดีโอที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวามากขึ้น พร้อมกล้องคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มีการติดตั้งเอฟเฟกต์เบลอ คุณสมบัติดึงสี การจับรอยยิ้มอัตโนมัติ และ Google Lens เพื่อให้คุณสามารถปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถอินไปกับภาพถ่ายเสมือนจริงจากสถานที่รอบตัวคุณ นอกจากนี้ Moto G7 ยังเพิ่มความเร็วของระบบประมวลผลขึ้นจากรุ่นที่แล้วกว่า 50% ทำให้สามารถรับมือกับโปรแกรมสร้างสรรค์สุดโหดได้ด้วยระบบ Snapdragon 632 Mobile Platform พร้อมเต็มอิ่มไปกับการชาร์จพลังแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า 9 ชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 15 นาที ด้วยระบบชาร์จ TurboPower และยังมีหน้าจอกันรอยขีดข่วนแบบโค้ง Corning Gorilla Glass กับดีไซน์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ตัวเครื่องสามารถกันน้ำได้
ราคา 7,990 บาท
ยังคงได้รับความสนใจและถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องกับมือถือระดับกลางราคาประหยัดของ Xiaomi มาพร้อมหน้าจอ 6.26 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ พร้อมรอยบาก ใช้ซีพียู Snapdragon 660 AIE, แรมสูงสุด 6GB, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย MIUI, กล้องหลังคู่ 12 + 5 ล้านพิกเซล, f/1.9 รองรับ AI scene recognition สามารถแยกซีนได้ 238 ซีน, กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล รองรับ AI beautify, มีสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง, ตัวเครื่องใช้วัสดุกระจกไล่เฉดสีสวยงาม และแบตเตอรี่ 3,350mAh รองรับ Quick Charge 3.0
ราคา 7,990 บาท (4GB + 64GB)
มือถือระดับกลาง สเปกคุ้มค่า ราคาสุดประหยัด แบรนด์ลูกของ Xiaomi โดยรุ่นที่นำมาขายในประเทศไทย จะเป็นรุ่นแรม 3GB/4GB มีหน่วยความจำให้เลือกสูงสุด 128GB ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ มีติ่งทรงหยดน้ำ (Waterdrop notch) ขอบจอบางเพียง 1.95 มิลลิเมตร, ใช้ซีพียู Snapdragon 660, รัน Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย MIUI 10 ส่วนไฮไลต์ของรุ่นนี้อยู่ที่กล้องหลังคู่ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2″ Samsung ISOCELL Bright GM1, รูรับแสงกว้าง f/1.8, 4-in-1 พิกเซล ที่สามารถถ่ายรูปภาพความละเอียดสูงถึง 12 ล้านพิกเซล, ขนาดพิกเซล 1.6μm, กล้องตัวที่สอง 5 ล้านพิกเซล, รองรับ Portrait และมี AI ส่วนกล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ความจุ 4,000mAh รองรับ Quick Charge 4.0
ราคา 6,599 บาท (แรม 4GB + 64GB)
9. OPPO F11
มือถือที่ปรับสเปกบางส่วนจากรุ่น OPPO F11 Pro เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน ด้านสเปกมีหน้าจอ 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+, ติ่งทรงหยดน้ำ, มีสัดส่วนพื้นที่การใช้งาน 90.7%, กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล ซีพียู MediaTek Helio P70 12nm, แรมสูงสุด 6GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ColorOS 6.0, กล้องหลังคู่ 48 + 5 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด Ultra Night, Dazzle Color, AI Engine และ Ultra-clear Engine ที่สามารถถ่ายภาพ Portrait ได้ แม้อยู่ในที่แสงน้อย ส่วนแบตเตอรี่มีความจุ 4,020mAh รองรับ VOOC Flash Charge 3.0
ราคา 7,990 บาท
10. Wiko View 3 Pro
มือถือซีรีส์ View รุ่นใหม่ของ Wiko ที่ปรับเปลี่ยนมาใช้กล้องหลัง 3 ตัว เหมือนกับแบรนด์อื่น ๆ ในตลาด พร้อมกับดีไซน์แบบไล่เฉดสีดูสวยงามทันสมัย ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ มีติ่งทรงหยดน้ำ ใช้ซีพียู Mediatek Helio P60, แรม 4GB, หน่วยความจำ 64GB, รัน Android 9 Pie, กล้องหลัง 3 ตัว และแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว ในส่วนของกล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่ กล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล (เซ็นเซอร์ Sony IMX486, ขนาดพิกเซล 1.25 μm) + 5 ล้านพิกเซล (Depth) + 13 ล้านพิกเซล (Super Wide Angle 120°) และกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล
ราคา 6,490 บาท (แรม 4GB + 64GB)
หมายเหตุ: ราคามือถืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับร้านที่วางจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อทุกครั้ง