แนะนำมือถือกล้องหน้าป๊อปอัพ ปี 2019 เทรนด์ใหม่ของมือถือ ที่มาพร้อมกล้องหน้าแบบป๊อปอัพ มีรุ่นไหนให้เลือกบ้าง สำหรับใครที่กำลังหามือถือกล้องป๊อปอัพ เช็กเลย
นอกจากเทรนด์มือถือที่มีหน้าจอพับได้ หน้าจอที่มีติ่ง มีรูบนหน้าจอ หรือมือถือที่มีหน้าจอไร้ขอบ ไม่มีรอยบากที่กำลังเป็นเทรนด์มือถือ ปี 2019 แล้ว ยังมีอีกเทรนด์ที่กำลังจะมาปฏิวัติวงการกล้องมือถือ นั่น ก็คือ กล้องหน้าแบบป๊อปอัพอัตโนมัติ ด้วยการนำของ Vivo V15 Pro มือถือกล้องหน้าป๊อปอัพ 32 ล้านพิกเซล รุ่นแรกของโลก ทำให้ตอนนี้ในตลาดมือถือเริ่มมีมือถือกล้องป๊อปอัพ จากหลากหลายแบรนด์ เริ่มทยอยเปิดตัวและออกวางจำหน่าย
สำหรับใครที่สนใจมือถือที่มาพร้อมกล้องหน้าป๊อปอัพ ปี 2019 วันนี้เรามาอัปเดตข้อมูลให้ทราบกัน ตอนนี้มีแบรนด์ไหนเปิดตัวมือถือกล้องหน้าป๊อปอัพมาแล้วบ้าง มาติดตามกันเลย
1. Vivo V15 Pro
มือถือกล้องหน้าป๊อปอัพความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (Pop-up Selfie) เรียกได้ว่าเป็นมือถือที่มีกล้องหน้าความละเอียดสูงสุดเป็นรุ่นแรกของโลก ทาง Vivo เคลมว่าสามารถเปิดใช้งานได้เร็วแค่ 0.46 วินาที และมีความแข็งแรงทนต่อแรงดึงและแรงบิดสูงสุดถึง 120 กิโลกรัม และผ่านการทดสอบกว่า 300,000 ครั้ง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ ตามสมัยนิยม โดยแบ่งออกเป็น 48 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซล พร้อม dual-tone LED flash และยังมีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ แน่นอนรุ่นนี้หน้าจอไม่มีติ่ง รอยบาก มากวนใจ เพราะกล้องหน้าถูกซ่อนอยู่ในรูปแบบป๊อปอัพ
สเปกมีหน้าจอขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ Super AMOLED ขอบด้านบนบาง 2.2 มม. และขอบด้านล่างบาง 1.75 มม. คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 91.64% ใช้ซีพียู Snapdragon 675 AIE, แรม 6GB, หน่วยความจำ 128GB, ตัวเครื่องมีดีไซน์แบบ Spectrum Ripple Design เป็นการผสมผสานกันระหว่างการไล่เฉดสี และลวดลายต่าง ๆ บนตัวเครื่อง พร้อมแบตเตอรี่ 3,700mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว Dual-Engine
ราคา 14,999 บาท
2. Vivo V15
นอกจาก Vivo จะเปิดตัว Vivo V15 Pro ที่เป็นรุ่นท็อปสุดของซีรีส์ V แล้ว Vivo ยังเปิดตัว Vivo V15 ที่เป็นรุ่นรองลงมา โดยปรับลดสเปกใหม่ เช่น เปลี่ยนซีพียู ปรับความละเอียดกล้องหลัง และขยายหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม มาพร้อมหน้าจอ 6.53 นิ้ว Ultra FullView Display ความละเอียด Full HD+ LCD มีสัดส่วนหน้าจอสูงถึง 90.95% ซีพียู MediaTek Helio P70 (เทียบเท่า Snapdragon 675) กล้องหน้าป๊อปอัพความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (Pop-up Selfie) เรียกได้ว่าเป็นมือถือที่มีกล้องหน้าความละเอียดสูงสุดของวงการมือถือ ทาง Vivo เคลมว่าสามารถเปิดใช้งานได้เร็วแค่ 0.46 วินาที และมีความแข็งแรงทนต่อแรงดึงและแรงบิดสูงสุดถึง 120 กิโลกรัม และผ่านการทดสอบกว่า 300,000 ครั้ง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ ตามสมัยนิยม แต่ลดความละเอียดเหลือ 12 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซล และ 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 120 องศา
ราคา 10,999 บาท
3. Vivo X27 Pro
มือถือระดับกลางซีรีส์ X รุ่นใหม่ ที่ออกมาเพื่อทำตลาดในประเทศจีน มีดีไซน์เหมือนกับ Vivo V15 Pro แต่แตกต่างกันที่สีสันของตัวเครื่อง ขนาดหน้าจอ กล้องหน้าป๊อปอัพ รวมถึงสเปกบางส่วน มาพร้อมหน้าจอ 6.7 นิ้ว ความละเอียด Full HD+, อัตราส่วน 20.5:9, กล้องหน้าป๊อปอัพ 32 ล้านพิกเซล พร้อม dual LED soft flash, ซีพียู Snapdragon 710, แรม 8GB, หน่วยความจำ 256GB, ชิปเสียง AK377A amplifier, รองรับ NFC, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย Funtouch OS 9, สแกนนิ้วบนหน้าจอ แบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 22.5 วัตต์ ผ่านพอร์ต USB-C
ราคาประมาณ 19,900 บาท
4. OPPO Reno
มือถือที่แยกออกมาเป็นอีกแบรนด์ของ OPPO มาพร้อมสเปกระดับเรือธง หน้าจอแบบไร้ขอบและกล้องหน้าแบบป๊อปอัพ โดยกล้องหน้าจะสไลด์ขึ้นมาตอนที่เปิดโหมดกล้องหน้า ส่วนลำโพงนั้นก็ถูกนำไปไว้รวมกับกล้องหน้าเช่นกัน ทำให้ได้หน้าจอแบบไร้ขอบโดยไม่ต้องมีติ่ง OPPO Reno จะมีแบ่งออกเป็น 2 รุ่นคือ Standard Edition มาพร้อมกล้อง 2 เลนส์ ส่วนรุ่น 10x Hybrid Optical Zoom Edition จะมาพร้อมกล้อง 3 เลนส์และความสามารถในการซูม 10 เท่า ถึงแม้จะซูมไม่ได้มากถึง 50 เท่าอย่าง Huawei P30 Pro แต่ก็ถือว่าซูมได้มากกว่ามือถือทั่วไปในตลาด รวมทั้งมีระบบกันสั่น OIS ที่ทำให้สามารถถ่ายภาพได้สบาย ๆ แม้มือไม่นิ่ง
ราคา 16,990 บาท (Standard Edition) และราคา 28,990 บาท (Reno 10x Zoom)
5. Vivo S1
มือถือซีรีส์ S ที่เป็นซีรีส์ใหม่ของ Vivo โดยรุ่นนี้มีดีไซน์และสเปกบางส่วนเหมือนกับ Vivo V15 แตกต่างกันที่สีสันของตัวเครื่อง มาพร้อมหน้าจอ 6.53 นิ้ว Ultra FullView Display ความละเอียด Full HD+ LCD มีสัดส่วนหน้าจอสูงถึง 90.95% ซีพียู MediaTek Helio P70 (เทียบเท่า Snapdragon 675) แรม 6GB หน่วยความจำ 128GB กล้องหน้าป๊อปอัพความละเอียด 24.8 ล้านพิกเซล (Pop-up Selfie) เคลมว่าสามารถเปิดใช้งานได้เร็วแค่ 0.46 วินาที และมีความแข็งแรงทนต่อแรงดึงและแรงบิดสูงสุดถึง 120 กิโลกรัม และผ่านการทดสอบกว่า 300,000 ครั้ง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ ตามสมัยนิยม แต่ลดความละเอียดเหลือ 12 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซล และ 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 120 องศา รุ่นนี้ไม่มีสแกนลายนิ้วมือบนจอ แต่มีสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังเครื่อง และมีแบตเตอรี่ 3,940mAh รองรับชาร์จเร็ว Dual-Engine 18 วัตต์ ผ่านพอร์ต microUSB ส่วนตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี คือ Ice Lake Blue และ Pet Pink
ราคาประมาณ 10,900 บาท
6. Vivo S1 Pro
มือถือซีรีส์ S ที่เป็นซีรีส์ใหม่ของ Vivo โดยรุ่นนี้มีดีไซน์และสเปกบางส่วนเหมือนกับ Vivo V15 ล่าสุด Vivo ประกาศเปิดตัว Vivo S1 Pro เพิ่มอีกรุ่น โดยรุ่นนี้มีสเปกและดีไซน์สีสันเหมือนกับ Vivo V15 Pro แต่แตกต่างกันที่มีแรม 8GB กับหน่วยความจำ 256GB ให้เลือก ด้านสเปกมาพร้อมกล้องหน้าป๊อปอัพความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (Pop-up Selfie) เรียกได้ว่าเป็นมือถือที่มีกล้องหน้าความละเอียดสูงสุดเป็นรุ่นแรกของโลก ทาง Vivo เคลมว่าสามารถเปิดใช้งานได้เร็วแค่ 0.46 วินาที และมีความแข็งแรงทนต่อแรงดึงและแรงบิดสูงสุดถึง 120 กิโลกรัม และผ่านการทดสอบกว่า 300,000 ครั้ง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ ตามสมัยนิยม โดยแบ่งออกเป็น 48 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซล พร้อม dual-tone LED flash และยังมีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ แน่นอนรุ่นนี้หน้าจอไม่มีติ่ง รอยบาก มากวนใจ เพราะกล้องหน้าถูกซ่อนอยู่ในรูปแบบป๊อปอัพ
ราคาประมาณ 12,790 บาท
7. OPPO F11 Pro
มือถือซีรีส์ F รุ่นใหม่ มาพร้อมกล้องหน้าป๊อปอัพ (Rising Camera) 16 ล้านพิกเซล หน้าจอ 6.5 นิ้ว Panaromic Screen ไร้รอยบาก ขอบจอบางเฉียบสวยงาม ความละเอียด Full HD+, มีสัดส่วนพื้นที่การใช้งานถึง 90.9%, ซีพียู MediaTek Helio P70 12nm, แรม 6GB, หน่วยความจำ 64GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ColorOS 6.0, กล้องหลังคู่ 48 + 5 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด Ultra Night, Dazzle Color, AI Engine และ Ultra-clear Engine ที่สามารถถ่ายภาพ Portrait ได้ แม้อยู่ในที่แสงน้อย มีดีไซน์ฝาหลังที่สวยงามโดดเด่นด้วยเทคนิคการดีไซน์แบบ Triple-color Gradient ที่เป็นการนำสี 3 สีมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ออกมาเป็น 2 สี ได้แก่ สีดำ Thunder Black ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสีของสายฟ้า และสีเขียว Aurora Green แรงบันดาลใจจากแสงออโรร่าในยามค่ำคืน ส่วนแบตเตอรี่มีความจุ 4,000mAh รองรับ VOOC Flash Charge 3.0
ราคา 10,990 บาท (แรม 6GB + 64GB)
มือถือกล้องหน้าป๊อปอัพรุ่นแรกของ Huawei โดยมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รองรับ AI และกล้องหน้าป๊อปอัพสามารถสไลด์ขึ้นได้อย่างรวดเร็วแค่ 1 วินาที รวมถึงยังมีความแข็งแรงทนทานสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 12 กิโลกรัม ผ่านการทดสอบกว่า 100,000 ครั้ง และทนทานต่ออุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส ถึง 60 องศาเซลเซียส เลยทีเดียว นอกจากนี้ตัวเครื่องยังปรับโฉมดีไซน์ใหม่ แทนที่จะเป็นการไล่เฉดสีเหมือนกับรุ่นอื่น ๆ ได้ปรับใหม่เป็นแบบทูโทน พร้อมขอบตัวเครื่องที่โค้งมนสวยงาม และมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ สีดำ (Midnight Black), สีเขียว (Emerald Green), และสีฟ้า (Starlight Blue)
ด้านสเปก Huawei P Smart Z หรือ Huawei Y9 Prime 2019 มีหน้าจอขนาด 6.59 นิ้ว Huawei Ultra FullView ความละเอียด Full HD+, อัตราส่วน 19.5:9 ซีพียู Kirin 710, แรม 4GB, หน่วยความจำ 64GB, รองรับ microSD card, รัน Android 9 Pie ครอบทับด้วย EMUI 9, กล้องหลังคู่ 16 + 2 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 4,000mAh
ราคา 7,990 บาท (แรม 4GB + 128GB)
มือถือดีไซน์ใหม่ที่มาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์แบบป๊อปอัพ เป็นได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังในตัว เรียกว่า Rotating Camera ที่ส่วนของเลนส์กล้องจะสไลด์ขึ้นมาพร้อมทั้งพลิกกลับมาด้านหน้าเมื่อเปิดโหมดใช้งานกล้องหน้า ซึ่งถือว่าเป็นวิธีใหม่ในการแก้ปัญหากล้องหน้าเพื่อให้สามารถทำหน้าจอแบบไร้ขอบได้โดยที่ไม่ต้องมีติ่งหรือมีรู โดยซัมซุงเรียกหน้าจอแบบนี้ว่า New Infinity Display ส่วนลำโพงนั้นจะเป็นแบบเสียงสั่นสะเทือนจากใต้หน้าจอแทน ด้านสเปกมีหน้าจอ Super AMOLED 6.7 นิ้ว FHD+ ซีพียู Snapdragon 730 แรม 8GB ความจุ 128GB (ไม่รองรับ microSD) แบตเตอรี่ 3,700mAh รองรับ 25W Super Fast Charging เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ มีผู้ช่วยส่วนตัว Bixby รองรับ Samsung Knox และรัน Android 9 Pie
ราคา 21,990 บาท
10. OPPO K3
มือถือระดับกลางซีรีส์ K รุ่นใหม่ มีดีไซน์คล้ายกับรุ่น OPPO Reno ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.5 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+ ไม่มีติ่ง ขอบจอบางสวยงาม คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 91.1%, DC dimming, สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอรุ่นที่ 6 เร็วขึ้น 28.5%, ซีพียู Snapdragon 710, แรมสูงสุด 8GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB/256GB, มี GameBoost 2.0, รัน Android Pie ครอบทับด้วย Color OS 6.0 และมีกล้องหลังคู่ 16 + 2 ล้านพิกเซล พร้อม AI Portrait Mode, AI scene detection และ Ultra Clear Night View 2.0
ราคาประมาณ 7,390 บาท
11. Redmi K20 Pro
มือถือระดับเรือธงซีรีส์ K รุ่นแรกของแบรนด์ มาพร้อมสเปกและดีไซน์แบบจัดเต็มกับราคาแค่หมื่นต้น ๆ เท่านั้น ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.39 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+ คิดเป็นสัดส่วนพื้นที่การใช้งาน 91.9% ขอบบางเฉียบ 2.1 มิลลิเมตร, ซีพียู Snapdragon 855, แรมสูงสุด 8GB, ระบายความด้วยแผ่นกราไฟท์ 3 มิติ 8 ชั้นเพื่อการระบายความร้อนที่ดีขึ้น, มี Game Turbo 2.0, รัน Android Pie ครอบทับด้วย MIUI 10, กล้องหลัง 3 เลนส์ แบ่งเป็น 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586 + 8 ล้านพิกเซล เลนส์ Telephoto และ 13 ล้านพิกเซล เลนส์ Ultra-wide มุมกว้าง 124.8 องศา
ราคาประมาณ 11,590 บาท
12. Xiaomi Mi 9T
Xiaomi Mi 9T (หรือ Redmi K20 ที่ขายในประเทศจีน) มีดีไซน์และสเปกเหมือนกัน ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.39 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+ คิดเป็นสัดส่วนพื้นที่การใช้งาน 91.9% ขอบบางเฉียบ 2.1 มิลลิเมตร, ซีพียู Snapdragon 730, แรมสูงสุด 8GB, ระบายความร้อนด้วยแผ่นแกรไฟต์ 3 มิติ 8 ชั้นเพื่อการระบายความร้อนที่ดีขึ้น, มี Game Turbo 2.0, รัน Android Pie ครอบทับด้วย MIUI 10, กล้องหลัง 3 เลนส์ แบ่งเป็น 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX582 + 8 ล้านพิกเซล เลนส์ Telephoto และ 13 ล้านพิกเซล เลนส์ Ultra-wide มุมกว้าง 124.8 องศา กล้องหน้าป๊อปอัพ 20 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 18 วัตต์
ราคา 11,990 บาท (แรม 6GB + 64GB), 12,990 บาท (แรม 6GB + 128GB)