พาย้อนดูวิวัฒนาการของหน้าจอทัชสกรีน อดีตของหน้าจอสัมผัสก่อนจะพัฒนามาสู่ยุคสมาร์ตโฟน
กว่าจะมาเป็นมือถือหน้าจอทัชสกรีนที่เราใช้กันทุกวันนี้ มันได้มีการพัฒนามานานหลายนานหลายสิบปี ซึ่งแท้จริงแล้วหน้าจอสัมผัสนั้นถือกำเนิดขึ้นก่อนที่หลายคนจะรู้เสียอีก วันนี้เราก็เลยจะพาย้อนอดีตไปดูกันว่าหน้าจอทัชสกรีนก่อนจะมาเป็นยุคสมาร์ตโฟนนั้นมีวิวัฒนาการมาอย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลย
จุดเริ่มต้นของทัชสกรีนนั้นเกิดขึ้นในช่วงยุค 70s-80s ซึ่งเป็นการใช้ Light Pen หรือปากกาแสง สำหรับใช้กับจอคอมพิวเตอร์แบบยุคเก่าที่เป็นจอ CRT เท่านั้น โดยปากกาจะรับแสงจากหน้าจอเพื่อส่งข้อมูลสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ว่าในขณะนั้นปากกากำลังอยู่ ณ พิกเซลใดของหน้าจอ
หลังจากนั้นในช่วงต้นยุค 2000s ก็มีมือถืออย่าง Neonode N1 ที่บุกเบิกหน้าจอทัชสกรีน เป็นหน้าจอที่มีการยิงแสงอินฟราเรดในหน้าจอ เมื่อมีการเอานิ้วหรือปากกาสไตลัสจิ้มลงไปบนหน้าจอ แสงอินฟราเรดก็จะถูกบัง ทำให้รับรู้ว่าหน้าจอถูกสัมผัส ณ ตำแหน่งไหน
ใน่ชวงเดียวกันก็มีอุปกรณ์ประเภท PDA อย่างเช่น O2 XDA Atom Exec ซึ่งจะใช้หน้าจอที่ภายในมี 2 เลเยอร์บาง ๆ เมื่อมีแรงกดลงไปบนหน้าจอมันก็จะรับรู้ต่อการสัมผัส ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้งานร่วมกับปากกาสไตลัสที่มีหัวปากกาเล็ก ๆ ทำให้ไม่ต้องออกแรงกดลงไปบนหน้าจอมากเหมือนกับการใช้นิ้ว แถมยังจิ้มได้แม่นยำกว่าด้วย เพราะหน้าจอสมัยนั้นยังมีขนาดจอค่อนข้างเล็ก
นอกจากนี้ก็ยังมีมือถืออย่าง Sony Ericsson P800 ที่มีแป้นปุ่มตัวเลขซึ่งสามารถปิดทับลงไปบนหน้าจอได้ โดยที่ใต้ปุ่มจะมัลักษณะเหมือนหัวปากกาสไตลัส เมื่อมีการกดปุ่มก็จะเหมือนการใช้ปากกาสไตลัสจิ้มที่ตำแหน่งนั้นบนหน้าจอนั่นเอง
เมื่อเข้าสู่ยุคสมาร์ตโฟนอย่าง iPhone รุ่นแรกก็เริ่มหันมาใช้หน้าจอทัชสกรีนที่ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับเฉพาะนิ้วมือเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้กับปากกาสไตลัสไม่ได้ รวมทั้งขณะสวมถุงมืออยู่ก็จะใช้ไม่ได้เช่นกัน
หลังจากนั้นก็เริ่มมีการพัฒนาให้เซ็นเซอร์สำหรับตรวจจับนิ้วมือฝังอยู่ในหน้าจอเลย โดยไม่จำเป็นต้องทำแยกเป็นอีกเลเยอร์หนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น Samsung Galaxy S ซึ่งจะทำให้ภาพในหน้าจออยู่ใกล้นิ้วมากขึ้นเมื่อแตะที่หน้าจอ แถมยังช่วยลดแสงสะท้อนอีกด้วย
ต่อมาก็มีมือถืออย่าง Sony Xperia Sola ที่ใช้เซ็นเซอร์ที่สามารถตรวจจับนิ้วมือได้แม้ยังสัมผัสไม่โดนหน้าจอ เพียงแค่จ่อนิ้วไว้ใกล้ ๆ หน้าจอ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับความนิยมสักไหร่ไร ทำให้มีมือถือไม่กี่รุ่นที่ทำหน้าจอแบบนี้ออกมา และปัจจุบันก็ถูกลืมไปเสียแล้ว
หลังจากนั้นเมื่อแอปเปิลออก iPhone 6s ก็เพิ่มฟีเจอร์ Force Touch หรือ 3D Touch ที่สามารถแยกระดับแรงกดขณะแตะหน้าจอได้ ทำให้สามารถสั่งการได้หลากหลายมากขึ้น
แล้วปากกาสไตลัสก็กลับมาอีกครั้งเมื่อซัมซุงออก Galaxy Note ที่ใช้หน้าจอแบบรองรับปากกาสไตลัส สามารถแยกระดับแรงกดของปากกาได้หลายระดับ รวมทั้งหน้าจอที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ สามารถเขียนโน้ตหรือวาดรูปได้สะดวก
นอกจากนี้ก็ยังมี BlackBerry Storm 9500 ที่มาแปลกแหวกแนวด้วยการทำหน้าจอทัชสกรีนแบบกด โดยเมื่อเอานิ้วกดลงไปที่หน้าจอจะมีความรู้สึกคล้ายกับการกดปุ่ม แต่ดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ชอบมันอย่างแรง และสุดท้ายเทคโนโลยีนี้ก็โดนฝังลงหลุมไป
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเคยมีบริษัทชื่อ Tactus เคยพยายามพัฒนาหน้าจอทัชสกรีนที่มีปุ่มนูนขึ้นมาแล้วกดลงไปได้ด้วย แต่เนื่องจากมันมาได้สุดทางแค่ตัวต้นแบบเท่านั้น ไม่เคยถูกผลิตออกมาจำหน่ายจริง จึงไม่ค่อยมีใครได้เห็นมัน
สุดท้ายก็อยากกล่าวถึงเจ้าตัวนี้กันเสียหน่อย Sony Xperia Touch เป็นโปรเจคเตอร์ Android ที่นอกจากจะฉายภาพไปบนโต๊ะแล้ว ยังมีอินฟราเรดสำหรับทำให้ภาพที่ฉายบนโต๊ะนั้นกลายเป็นหน้าจอทัชสกรีน เพราะมันจะทำหน้าที่ตรวจจับตำแหน่งการเคลื่อนไหวของนิ้วและมือ และแน่นอนว่ามันสามารถฉายภาพได้ใหญ่ถึงหลักสิบนิ้วเลยทีเดียว
ภาพและข้อมูลจาก gsmarena, Wikipedia, Sony Mobile