มือถือเก่า กับ 12 สัญญาณเตือน ถ้าเจอแบบนี้ควรเปลี่ยนมือถือได้แล้ว สารพัดปัญหาที่บ่งบอกว่ามือถือนั้นเก่าแล้ว ควรพิจารณาว่าจะซื้อใหม่ดีหรือไม่
หากพูดถึงอายุการใช้งานของมือถือนั้น แต่ละคนก็อาจจะตอบไม่เหมือนกัน บางคนก็บอก 2 ปี บางคนก็ 5 ปี หรือบางคนอาจใช้เครื่องเดิมนานถึง 10 ปี ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งลักษณะการใช้งาน การทนุถนอม ความพึงพอใจส่วนตัว และอื่น ๆ อีกมากมาย วันนี้เราจึงได้รวม 12 สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าควรซื้อมือถือใหม่ได้แล้วมาให้ดูกัน ซึ่งใครที่พบว่ามือถือตัวเองมีปัญหาเหล่านี้ ก็ลองพิจารณากันดูว่าควรซื้อใหม่ได้แล้วหรือยัง หรืออาจจะหาวิธีอื่น ๆ แก้ไขแทน
1. หน้าจอมีอาการผิดปกติ
เมื่อพบเหนว่าหน้าจอมีอาการผิดปกติ เช่น ติด ๆ ดับ ๆ หรือว่ามีเส้นตรงพาดบนจอ นั่นคือคุณพบปัญหาใหญ่แล้ว เพราะการที่หน้าจอเสื่อมสภาพและเสียหายนั้น ถ้าเปลี่ยนหน้าจอก็จะมีค่าใช้จ่ายที่แพงมาก จนหลายคนเลือกที่จะซื้อเครื่องใหม่เพราะคุ้มกว่า
2. หน้าจอทัชไม่ค่อยติด
อีกหนึ่งอาการยอดฮิตของหน้าจอมือถือคือ ทัชไม่ค่อยติด หรือติดแต่ตอบสนองช้า รู้สึกหน่วง ๆ ซึ่งก็เหมือนกับข้อแรกคือ อาจถึงเวลาต้องซื้อเครื่องใหม่แล้วล่ะ
3. ปุ่ม Power เสีย
มือถือหลายรุ่นเมื่อใช้งานไปนาน ๆ มักพบปัญหาปุ่ม Power เสีย อาจกดติดบ้างไม่ติดบ้าง หรือกดไม่ติดเลย ซึ่งมีสาเหตุมาจากการกดบ่อย ๆ โดยเฉพาะรุ่นที่ต้องกดปุ่ม Power เพื่อปลดล็อกเครื่องทุกครั้ง และเมื่อปุ่ม Power เสีัยก็จะทำให้ไม่สามารถปิดหรือเปิดเครื่องได้นั่นเอง
4. เครื่องดับเองบ่อย ๆ
หากมือถือของคุณเริ่มมีการเครื่องดับเอง หรือรีสตาร์ทเอง อาจมีสาเหตุมาจากแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมแล้ว ซึ่งการเปลี่ยนแบตเตอรี่ของมือถือแต่ละรุ่นนั้นล้วนมีค่าใช้จ่ายและความยากง่ายในการเปลี่ยนที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งในบางกรณี เช่น มือถือเก่ามากแล้ว การเปลี่ยนมือถือใหม่ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
5. เครื่องค้าง แอปฯ เด้ง
อาการเครื่องช้า เครื่องค้าง แอป เด้ง ล้วนเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการอัปเดต OS หรือแอปฯ เวอร์ชั่นใหม่ ๆ ที่อาจไม่สามารถทำงานได้ดีบนมือถือรุ่นเก่า ๆ หรืออาจเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งในบางกรณีการล้างเครื่องใหม่ด้วยการสั่ง Factory Reset อาจแก้ปัญหานี้ได้ แต่ถ้าแก้ไม่ได้ก็อาจต้องเลือกว่าจะทนใช้ต่อไปหรือจะซื้อเครื่องใหม่
6. เครื่องร้อนแบบไร้สาเหตุ
ถ้ามีอาการเครื่องร้อนขณะใช้งานหนัก ๆ เช่น เล่นเกม หรือดูวิดีโอความละเอียดสูง หรือขณะชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งถ้าไม่ร้อนมากเกินไปก็อาจยังไม่ถือว่าผิดปกติ แต่ถ้าเครื่องร้อนมากกว่าปกติทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หรือร้อนแม้ในขณะที่ไม่ได้มีการใช้งานเครื่อง นั่นแปลว่าเครื่องอาจมีปัญหาเข้าแล้ว และการใช้ต่อไปก็อาจเกิดอันตรายจนถึงขั้นเครื่องระเบิดก็เป็นได้ ควรส่งซ่อมโดยด่วน หรือไม่ก็เปลี่ยนเครื่องใหม่
7. แบตเตอรี่บวม
ถ้าพบเห็นว่าแบตเตอรี่บวมจนดันฝาหลังมือถือบวมหรืออ้าออกมาแล้ว ให้หยุดใช้งานแล้วรีบเปลี่ยนแบตเตอรี่ทันที เพราะว่าอาการดังกล่าวไมใช่เพียงแต่แบตเตอรี่เสื่อม แต่อาจก่อให้เกิดอันตรายทั้งกับตัวเครื่องและตัวผู้ใช้เอง ซึ่งถ้าหากยังไม่คิดจะซื้อมือถือใหม่ก็ควรรับเปลี่ยนแบตเตอรี่ทันที
8. เครื่องอืด แก้ไม่หาย
เป็นเรื่องปกติที่มือถือเมื่อใช้ไปนาน ๆ แล้วจะเริ่มรู้สึกว่ามันช้าลง ซึ่งการลบไฟล์ขยะ หรือแอปฯ ที่ไม่ได้ใช้ออกไป รวมทั้งการ Reset เครื่องก็น่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ แต่ถ้าหากทำสารพัดวิธีแล้วก็ยังอืดเหมือนเดิม แก้ไม่หาย ก็คงต้องใช้วิธีสุดท้ายคือ ซื้อเครื่องใหม่นั่นเอง
9. ถ่ายภาพสะดุด กดแล้วรอนาน
ขณะถ่ายรูป ถ้ากดชัตเตอร์แล้วต้องรอนานหลายวินาทีกว่ากล้องมือถือจะจับภาพจริง ๆ ก็น่าจะถือว่าเครื่องมีปัญหาแล้ว ซึ่งถ้าหากต้องใช้กล้องมือถือบ่อย ๆ ก็คงจะน่าหงุดหงิดไม่ใช่น้อย
10. แบตเตอรี่ใช้ได้ไม่ถึงครึ่งวัน
เป็นเรื่องปกติที่มือถือเมื่อใช้ไปนาน ๆ แบตเตอรี่ก็ย่อมเสื่อมสภาพไปตามอายุการใช้งาน และถ้ามันเสื่อมจนถึงขนาดใช้ได้ไม่ถึงครึ่งวันแบตเตอรี่ก็หมดเสียแล้ว การที่จะต้องมาคอยชาร์จบ่อย ๆ ก็คงจะไม่สะดวกอย่างแรง อาจต้องเลือกเอาแล้วล่ะว่าจะเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือเปลี่ยนมือถือไปเลย
11. ช่องหูฟังเสียบไม่ค่อยติด
มีหลายรายที่พบว่ามือถือของตัวเองทั้งช่องหูฟังเสีย หรืออาจจะเริ่มมีปัญหาบ้างแล้ว คือเสียบหูฟังแล้วไม่ค่อยติด ต้องเสียเวลาขยับอยู่สักพักหนึ่ง หรืออาจใช้หูฟังไม่ได้เลย ซึ่งถ้าหากใครที่ต้องฟังเพลงด้วยหูฟังบ่อย ๆ แล้วเจอแบบนี้ก็คงต้องลองมองหามือถือเครื่องใหม่เสียแล้ว นอกจากว่าจะไม่ได้ใช้หูฟัง หรือเปลี่ยนไปใช้หูฟังไร้สายแทน
12. ทำเครื่องตกบ่อย
แน่นอนว่าคนเราย่อมมีการพลาดพลั้งเผลอทำมือถือตกพื้นกันบ้าง ตกบ่อยมากน้อยแค่ไหนอันนี้ก็แล้วแต่คน แต่ถ้าเกิดทำตกบ่อย ๆ จนเครื่องเริ่มมีปัญหา หน้าจอเริ่มแตกหรือร้าว เริ่มรู้สึกว่าใช้งานได้ไม่ค่อยดี ก็คงถึงเวลาต้องซื้อเครื่องใหม่ได้แล้วล่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : cheatsheet, rd.com