ปภ. แนะนำวิธีชาร์จและใช้งานแบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) ที่ถูกต้อง ลดความเสี่ยงจากการระเบิดและเพลิงไหม้
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประกาศเตือนเกี่ยวกับการชาร์จและใช้งานแบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) ไม่ถูกวิธี อาจเสี่ยงทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ระเบิดหรือเพลิงไหม้ขณะใช้งานได้ พร้อมแนะนำวิธีชาร์จแบตเตอรี่สำรองที่ถูกต้อง ดังนี้
การชาร์จไฟแบตเตอรี่สำรอง
- ชาร์จแบตเตอรี่สำรองให้เต็มอยู่เสมอ หากพลังงานเหลือต่ำกว่า 30% ควรหยุดใช้งาน เพื่อป้องกันแบตเตอรี่สำรองเสื่อมคุณภาพ ก่อให้เกิดอันตรายได้
- ถอดสายไฟออกเมื่อชาร์จแบตเตอรี่สำรองเต็ม ไม่เสียบที่ชาร์จค้างไว้ เพราะจะทำให้เกิดความร้อนสูงและไฟฟ้าลัดวงจร ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้ได้
- ไม่ชาร์จแบตเตอรี่สำรองในบริเวณที่มีความร้อนสูง เช่น เคสคอมพิวเตอร์ที่อยู่ระหว่างการใช้งาน ในรถยนต์ที่จอดกลางแจ้ง บริเวณที่แสงแดดส่องถึง เพราะความร้อนจะทำให้แบตเตอรี่สำรองเสียหายและเกิดการระเบิดได้
- ไม่ชาร์จสมาร์ตโฟนผ่านแบตเตอรี่สำรองที่กำลังชาร์จไฟ เพราะจะทำให้แบตเตอรี่สำรองทำงานหนัก ส่งผลให้เกิดระเบิดและเพลิงไหม้ได้
การใช้งานแบตเตอรี่สำรองอย่างถูกวิธี
- ตรวจสอบแบตเตอรี่สำรองให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยแบตเตอรี่สำรองต้องไม่บวมหรือมีรอยปริ ขณะใช้งานไม่มีความร้อนสูง สามารถกักเก็บประจุไฟฟ้าได้ตามปกติ ไม่นำแบตเตอรี่สำรองที่เสื่อมสภาพมาใช้งาน โดยทั่วไปแบตเตอรี่สำรองมีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี หากนำมาใช้งานจะก่อให้เกิดอันตรายได้
- ไม่ใช้งานสมาร์ตโฟนระหว่างชาร์จไฟแบตเตอรี่สำรอง เพราะจะทำให้แบตเตอรี่สำรองทำงานหนักจนเกิดความร้อนสูง และระเบิดได้
- ไม่วางแบตเตอรี่สำรองไว้ใกล้แหล่งความร้อนสูง เช่น เตาไฟฟ้า เตาไมโครเวฟ รถที่จอดกลางแจ้ง บริเวณที่แสงแดดส่องถึง เพราะจะทำให้แบตเตอรี่สำรองระเบิด ก่อให้เกิดอันตรายได้
- หลีกเลี่ยงการทำให้แบตเตอรี่สำรองเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เช่น ตกกระแทกพื้น เก็บไว้ในที่อุณหภูมิสูง ใกล้แหล่งความร้อนหรือบริเวณที่มีความชื้นสูง รวมถึงการสัมผัสกับน้ำ เพราะจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรขณะชาร์จหรือระเบิดขณะใช้งานได้
ทั้งนี้การชาร์จและใช้งานแบตเตอรี่สำรองอย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่สำรอง และลดความเสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ระเบิดหรือเพลิงไหม้ได้
ข้อมูลจาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)