แนะนำวิธีตรวจสอบ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก่อนนำเครื่องออกจากร้าน ขั้นตอนการเช็กซื้อ iPhone 8 ต้องดูอะไรบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง มาดูกัน
หลังจาก iPhone 8 และ iPhone 8 Plus วางจำหน่ายเมื่อวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2560 ไปแล้ว วันนี้กระปุกดอทคอมมีวิธีตรวจสอบ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มาแนะนำให้กับคนที่กำลังจะซื้อ iPhone 8 ก่อนนำเครื่องออกจากร้าน ถึง 20 วิธีด้วยกัน เพื่อเป็นแนวทางก่อนตัดสินใจซื้อ และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง ส่วนวิธีเช็กก่อนซื้อ iPhone เครื่องใหม่ ต้องดูอะไรบ้าง ถ้าอยากรู้แล้ว มาติดตามกันเลย
วิธีตรวจสอบ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก่อนนำเครื่องออกจากร้าน
1. สิ่งแรกที่ต้องดูก็คือซีลพลาสติกต้องหุ้มกล่อง ต้องอยู่ในสภาพดี ไม่มีรอยแกะ, กล่องไม่บุบ และไม่ยุบ โดยสามารถสังเกตขอบซีลที่หุ้มกล่องอยู่จะต้องไม่มีรอยฉีกขาด หรือถูกแกะมาก่อนแล้ว
2. เมื่อแกะกล่องออกมาแล้ว ตัวเครื่องจะต้องอยู่ในซีลปิดหุ้มเครื่องอย่างดี จากนั้นทำการตรวจสอบสภาพรอบ ๆ ตัวเครื่อง ว่ามีรอยขีดข่วน รอยขนแมว รอยบุบหรือไม่
3. ตรวจสอบอุปกรณ์ภายในกล่องจะต้องอยู่ในสภาพใหม่ทุกชิ้น รวมถึงอุปกรณ์จะต้องครบ หากพบปัญหาให้รีบแจ้งพนักงานขายทันที สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่อง iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มีดังนี้
- iPhone พร้อม iOS 11
- EarPods พร้อมหัวต่อ Lightning
- สาย Lightning to 3.5 mm Headphone Jack Adapter (สำหรับเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.)
- สายชาร์จ Lightning
- USB Power Adapter ขนาด 5 วัตต์
- เอกสารคู่มือ
4. ตรวจเช็กหมายเลข IMEI หรือ Serial Number ตัวเครื่องกับกล่องว่าตรงกันหรือไม่ ซึ่งคุณสามารถเช็กหมายเลข IMEI เครื่องง่าย ๆ ได้ที่ Settings > General > About และดูตรงหัวข้อ IMEI ก็จะพบหมายเลขที่ต้องการทราบทันที หรือดูวิธีเช็ก IMEI บน iPhone ด้วยวิธีอื่น ๆ
5. ตรวจสอบเครื่องว่าถูกเปิดใช้งานแล้วหรือยัง โดยให้สังเกตว่าเวลาเปิดเครื่องครั้งแรกจะต้องไม่เข้าสู่หน้าจอหลักพร้อมใช้งาน
6. ตรวจสอบปุ่มฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ ของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเปิด-ปิด (Power), ปุ่มโฮม (Touch ID), ปุ่มเพิ่มเสียง-ลดเสียง (Volume up/down), ปุ่มเปิด/ปิดเสียง (Ring/Silent) และช่องเสียบสายชาร์จ (Lightning) ซึ่งทุกปุ่มจะต้องทำงานปกติ ตอบสนองรวดเร็ว และปุ่มแน่นไม่หลวม
7. ตรวจสอบถาดใส่ซิม ต้องอยู่ในสภาพใหม่ ไม่มีคราบความชื้น หรือรอยขีดข่วนอะไร
8. ทดสอบการใช้งานโทรศัพท์ ด้วยการใส่ซิมการ์ด และลองโทร. เข้า-ออกดูว่าสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่
9. ทดสอบอุปกรณ์สายชาร์จ ด้วยการนำเครื่องมาทดลองชาร์จดู ว่าไฟเข้าปกติหรือไม่
10. ทำการตรวจสอบหูฟัง EarPods ว่าสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่
11. ทดสอบฟังก์ชั่นเสียงลำโพงของตัวเครื่อง ด้วยการเพิ่มเสียงให้ดังสุด และลดเสียงให้เบาสุด ดูว่าสามารถปรับลดเสียงได้ตามปกติหรือไม่
12. ตรวจสอบ Dead Pixel บนหน้าจอ ซึ่งจะต้องไม่มีจุดเสีย (จุดดำหรือจุดขาว) อยู่บนหน้าจอให้เห็น หากพบให้แจ้งพนักงานขายทันที
13. ทดสอบฟีเจอร์ Rotation (เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวตัวเครื่อง) ด้วยการลองเอียงเครื่องไปมาทั้งแนวตั้งและแนวนอนว่าใช้งานได้ปกติหรือไม่
14. ทดสอบฟีเจอร์ Display & Brightness (จอแสดงผลและความสว่าง) ว่าสามารถปรับความสว่างได้ตามปกติหรือไม่ ด้วยการเลื่อนปรับความสว่างน้อยสุดไปจนถึงมากที่สุด
15. ทดสอบฟังก์ชั่นกล้องถ่ายภาพทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังต่าง ๆ เช่น ซูมเข้า, ซูมออก, ปรับแสง และตั้งเวลา รวมถึงบันทึกวิดีโอ ว่าสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่
16. ทดสอบฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือ Touch ID ว่าใช้งานได้ปกติ โดยเข้าไปตั้งค่าที่ Settings > Touch ID & Passcode > กรอกรหัสผ่าน และทำการบันทึกลายนิ้วมือ จนกว่าจะสำเร็จ
17. ทดสอบใช้งาน Siri โดยสามารถเข้าไปตั้งค่าเปิดใช้งานได้ที่ Setting > Siri & Search จากนั้นเลือกคำสั่งค้นหาเฉพาะที่เราต้องการ และทำการทดสอบ Siri ทันที
18. ทดสอบการเชื่อมต่อและใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วยซิมการ์ด และ Wi-Fi ว่าสามารถเชื่อมต่อและใช้งานได้ตามปกติหรือไม่
19. เมื่อทดสอบต่าง ๆ ตามขั้นตอนที่กล่าวมาทั้งหมดแล้วให้ทำการเปิด-ปิดเครื่องใหม่ 1 รอบ เพื่อตรวจสอบว่าเครื่องสามารถบูตกลับมาใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ หากพบว่าเครื่องบูตไม่ขึ้นหรือค้างที่โลโก้ Apple เป็นเวลานานให้ทำการแจ้งพนักงานขายทันที เนื่องจากเครื่องยังใหม่ และยังไม่ผ่านการใช้งาน เครื่องจะต้องรีสตาร์ทได้ไว
20. ขั้นตอนสุดท้ายสำคัญมาก คุณจะต้องแน่ใจว่าได้ทำการตรวจสอบเครื่องตามใบรายการรับเครื่องกับพนักงานผ่านทุกข้อแล้ว จึงจะสามารถเซ็นรับเครื่องก่อนออกจากร้านได้
ภาพจาก apple