x close

10 เรื่องที่ควรรู้ก่อนอัปเดต iOS 11 มีอะไรบ้าง ?

iOS 11

          10 เรื่องที่ควรรู้ก่อนอัปเดต iOS 11 เตรียมความพร้อมก่อนอัปเดต iOS 11 ระบบปฏิบัติการบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตใหม่ล่าสุดจากแอปเปิล

          สิ้นสุดการรอคอยสำหรับ iOS 11 ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เตรียมเปิดให้ผู้ใช้อุปกรณ์ iOS ทั่วโลกอัปเดตกันในวันที่ 19 กันยายน 2560 (ช่วงเที่ยงคืนวันที่ 20 กันยายน ตามเวลาในประเทศไทย) หลังจากเปิดตัวให้ยลโฉมกันในงาน WWDC 2017 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เชื่อว่าตอนนี้สาวกแอปเปิลหลายคนตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้สัมผัสกับ iOS 11 กันแล้วแน่นอน

         ก่อนการอัปเดตเรามาดู 10 เรื่องที่ควรรู้ก่อนอัปเดต iOS 11 กันก่อน เตรียมพร้อมกันก่อนเพื่อป้องกันปัญหาและความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้

1. iOS 11 มีอะไรใหม่ ? สำหรับ iOS เวอร์ชั่นนี้เรียกได้ว่าเป็นก้าวใหญ่สำหรับ iPhone ก้าวกระโดดสำหรับ iPad โดยเน้นการปรับปรุงเพิ่มความสามารถรอบด้าน ตอบโจทย์การใช้งานให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยของใหม่ที่มาพร้อม iOS 11 ที่น่าสนใจ เช่น Siri สามารถแปลภาษาได้, ปรับปรุง Control Center ใหม่, Apple Pay รองรับการโอนเงินได้, เพิ่ม API สำหรับระบบ AR เทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่างความเป็นจริงและโลกเสมือน รวมถึงฟีเจอร์ป้องกันการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ สามารถอ่านสรุปของใหม่ iOS 11 ได้ที่นี่

2. iOS 11 รองรับ iPhone 5s ขึ้นไป ส่วน iPad รองรับตั้งแต่ iPad รุ่นที่ 5 และ iPad Air ขึ้นไป และ iPod touch รองรับรุ่นที่ 6 ขึ้นไป สำหรับใครที่ใช้รุ่นอื่น ๆ คงต้องหยุดอยู่ที่ iOS 10

iOS 11

3. สำรองข้อมูล (Back up) ทุกครั้งก่อนอัปเดต iOS เวอร์ชั่นใหม่ เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ควรสำรองข้อมูลทุกครั้ง สามารถเลือกสำรองข้อมูลได้ 2 วิธี คือ ผ่าน iCloud และโปรแกรม iTunes

          - สำรองข้อมูลผ่านโปรแกรม iTunes เพียงต่ออุปกรณ์ iOS จากนั้นเปิดโปรแกรมแล้วกด Back Up Now ระบบก็จะทำการสำรองข้อมูลให้อัตโนมัติ

          - สำรองข้อมูลผ่าน iCloud โดยมีพื้นที่ฟรีให้ 5GB ถือว่าเป็นอีกวิธีช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน สามารถคลิกดูขั้นตอนการเปิดใช้งาน iCloud เพื่อสำรองข้อมูลบน iPhone

iOS 11

4. เคลียร์พื้นที่บน iPhone, iPad และ iPod touch ให้ว่างประมาณ 2-3GB สามารถเช็กพื้นที่ง่าย ๆ ไปที่ Settings > General > Storage & iCloud Usage > Storage เพื่อดูพื้นที่ว่างบนอุปกรณ์ iOS (หากไม่สามารถเคลียร์พื้นที่ได้ แนะนำให้อัปเดตผ่าน iTunes)

5. ชาร์จแบตเตอรี่ให้เกิน 50% เนื่องจากการอัปเดต iOS 11 ค่อนข้างใช้เวลานานพอสมควร แนะนำให้ชาร์จแบตเตอรี่เตรียมพร้อมเอาไว้

iOS 11

6. วิธีการอัปเดต iOS 10 มี 2 วิธี คือ อัปเดตผ่าน OTA และผ่าน iTunes

          - อัปเดตแบบ OTA (Over The Air) คือการอัปเดตจากตัวเครื่องโดยตรง จากนั้นเชื่อมต่อ Wi-Fi เพื่อทำการอัปเดต วิธีการให้ไปที่ Settings > General > Software Update

          - อัปเดตผ่านโปรแกรม iTunes วิธีการ ให้เสียบสายเชื่อมต่อ iPhone, iPad, iPod touch เข้ากับโปรแกรม จากนั้นคลิกปุ่ม Check for Update

          สามารถดูวิธีอัปเดตแบบ OTA ได้ ที่กระทู้ วิธีอัปเดต iOS 10 เวอร์ชั่นเต็มผ่านตัวเครื่อง (OTA) และ iTunes (ขั้นตอนต่าง ๆ เหมือนกัน)

iOS 11

7. หากลืมรหัส Apple ID ให้รีบทำการรีเซตเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ เพราะการอัปเดต iOS 11 มีขั้นตอนที่จะต้องใส่ Apple ID วิธีเปลี่ยนรหัสผ่าน Apple ID และวิธีค้นหา Apple ID กรณีผู้ใช้งานลืมบัญชี

iOS 11

8. อุปกรณ์ iOS ที่ทำการเจลเบรค ไม่ควรอัปเดต iOS 11 เพราะจะทำให้การเจลเบรคนั้นหายไปจากเครื่อง

9. หากมีแอปฯ สำคัญที่จำเป็นจะต้องใช้งาน แนะนำว่าไม่ควรอัปเดต iOS 11 จนกว่าทางผู้พัฒนาแอปฯ จะปล่อยเวอร์ชั่นอัปเดตออกมา แต่สำหรับแอปฯ ยอดนิยมอย่าง Facebook, LINE หรือ Instagram สามารถใช้งานได้แล้วตามปกติ หากพบปัญหาแอปฯ เด้ง ไม่สามารถใช้งานได้ ต้องรอทางผู้พัฒนาอัปเดตเวอร์ชั่นใหม่เท่านั้น

iOS 11

10. อัปเดต iOS 11 ไปแล้ว แต่ไม่ชอบการใช้งาน สามารถกลับมาใช้ iOS 10 ได้ไหม ? สามารถทำได้ด้วยวิธีการดาวน์เกรดกลับมาใช้ iOS 10 ก่อนที่แอปเปิลจะทำการปิดระบบซิงก์ หลังจากนั้นจะไม่สามารถกลับมาใช้งาน iOS 10 ได้อีก ขั้นตอนการดาวน์เกรดสามารถดูได้จากคลิปวิดีโอด้านล่าง

          ทั้งหมดนี้คือ 10 เรื่องที่ควรรู้ก่อนอัปเดต iOS 11 หวังว่าข้อมูลทั้งหมดน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ใช้ iOS ทุกคน ขอให้สนุกกับการใช้งาน iOS 11 นะครับ !!

ภาพจาก Apple

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
10 เรื่องที่ควรรู้ก่อนอัปเดต iOS 11 มีอะไรบ้าง ? อัปเดตล่าสุด 14 กันยายน 2561 เวลา 13:18:13 12,880 อ่าน
TOP