เทคโนโลยีสแกนม่านตา ระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานใหม่ของวงการสมาร์ทโฟน
การที่สมาร์ทโฟนในยุคปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีและฟีเจอร์ใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้มันกลายเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่จะอยู่คู่กับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่มากขึ้น เพราะมันสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานโซเชียล เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง หรือแม้กระทั่งใช้ทำงานตั้งแต่ระดับพนักงานทั่วไปจนถึงระดับผู้บริหารเลยทีเดียว
ซึ่งจากไลฟ์สไตล์และลักษณะการใช้งานของคนส่วนใหญ่แล้ว นอกจากจะต้องการสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอค่อนข้างใหญ่และสเปคที่ดีขึ้นแล้ว ระบบความปลอดภัยก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะนักธุรกิจและผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนในการทำงานและเก็บไฟล์งานสำคัญ ๆ เอาไว้ในเครื่อง ทำให้ต้องมีระบบความปลอดภัยที่แน่นหนา
และนั่นก็เป็นที่มาที่ทำให้สมาร์ทโฟนหลายรุ่นก็เริ่มมีการพัฒนาระบบความปลอดภัยมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ก็เริ่มกำเนิดฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่มีความปลอดภัยมากกว่าการใส่รหัสผ่าน ซึ่งการสแกนลายนิ้วนั้นนอกจากจะปลอมแปลงได้ยากแล้ว ผู้ใช้ยังไม่ต้องจำหรือกรอกรหัสผ่านอีกด้วย คือทั้งปลอดภัยและสะดวกเลยทีเดียว แต่นั่นก็ยังไม่ถือว่าปลอดภัยมากพอ เพราะลายนิ้วมือก็ยังสามารถปลอมแปลงได้ และยังมีสิ่งที่ปลอดภัยมากกว่านั้นอีกก็คือ "Iris Scanning" หรือ "การสแกนม่านตา" นั่นเอง
การสแกนม่านตานั้นถือเป็นระบบที่ใช้ข้อมูลทางชีวภาพ (Biometrics) ที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากสามารถสแกนม่านตาที่มีลักษณะเฉพาะไม่ซ้ำกันได้ถึง 266 รูปแบบเลยทีเดียว ในขณะที่การสแกนลายนิ้วมือมีรูปแบบที่ไม่ซ้ำกันเพียง 40 รูปแบบเท่านั้น แถมการสแกนม่านตายังไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนเครื่องเหมือนลายนิ้วมือ ทำให้ไม่สามารถนำไปปลอมแปลงลอกเลียนแบบได้
การนำฟีเจอร์สแกนม่านตามาใช้กับสมาร์ทโฟนนั้น สามารถช่วยรักษาปลอดภัยได้หลายขั้นและหลายรูปแบบ เริ่มจากการล็อกเครื่อง ซึ่งการปลดล็อกเครื่องด้วยการสแกนม่านตานั้นนอกจากจะช่วยป้องกันคนอื่นแอบใช้เครื่องแล้ว ยังสะดวกรวดเร็วกว่าการสแกนลายนิ้วมืออีกด้วย เพราะเพียงแค่จ้องไปที่เซ็นเซอร์บนสมาร์ทโฟน มันก็จะทำการสแกนและปลอดล็อกเครื่องให้ทันที รวมทั้งระบบจ่ายเงินออนไลน์ต่าง ๆ ก็ยังสามารถใช้ฟีเจอร์สแกนม่านตาได้เช่นกัน
นอกจากนี้มันก็ยังสามารถใช้ล็อกไฟล์สำคัญ ๆ ในเครื่องได้เช่นเดียวกับการสแกนลายนิ้วมือหรือรหัสผ่าน ซึ่งจะมีประโยชน์มาก ๆ กับกลุ่มผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนเครื่องเดียวทั้งใช้ทำงานและเรื่องส่วนตัว เพราะสามารถแยกส่วนข้อมูลงานและข้อมูลส่วนตัวออกจากกันได้ง่าย ๆ ด้วยการสร้างโฟลเดอร์ Secure เอาไว้เก็บไฟล์งานสำคัญ ก็ไม่จำเป็นต้องพกสองเครื่องอีกต่อไป
สำหรับหลักการทำงานของเซ็นเซอร์สแกนม่านตานั้น ผู้ใช้จะต้องสแกนม่านตาครั้งแรกเพื่อลงทะเบียนให้ระบบจดจำก่อน โดยข้อมูลม่านตาของผู้ใช้จะถูกเก็บเอาไว้แบบเข้ารหัส หลังจากนั้นเมื่อผู้ใช้สแกนม่านตาเพื่อปลดล็อกเครื่องหรือแอพฯ ต่าง ๆ เซ็นเซอร์ก็จะสแกนม่านตาของผู้ใช้เพื่อตรวจสอบว่าตรงกับที่ลงทะเบียนเอาไว้หรือไม่ และถ้าหากเปรียบเทียบกับการสแกนลายนิ้วมือแล้ว ถือว่าการสแกนม่านตานั้นสามารถทำงานได้ถูกต้องและแม่นยำกว่า มีโอกาสผิดพลาดน้อยกว่าการสแกนลายนิ้วมือ
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ฟีเจอร์สแกนม่านตายังถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างสดใหม่สำหรับตลาดสมาร์ทโฟน ซึ่งอาจมีข้อจำกัดอยู่บ้าง และก็ยังไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายเท่าไรนัก แต่คาดว่าภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้น่าจะมีสมาร์ทโฟนหลายรุ่นหลายแบรนด์ที่หันมาพัฒนาให้รองรับฟีเจอร์สแกนม่านตากันมากขึ้น รวมทั้งการพัฒนาให้สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายมากขึ้น และมีข้อจำกัดน้อยลง
ภาพจาก koreabizwire, theverge