สำหรับวงการอุปกรณ์สมาร์ตโฟนรวมทั้งแท็บเล็ตในช่วงนี้ เรียกได้ว่ากำลังจะก้าวจาก 3G ไปสู่ยุค 4G อย่างเต็มรูปแบบกันแล้ว ซึ่งหลายคนก็อาจได้สัมผัส 4G กันมาก่อนแล้ว แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ทราบว่า 4G นั้นคืออะไร มีดีอะไร แตกต่างจาก 3G อย่างไร แล้วจะทำให้การใช้มือถือของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาท่านมาทำความรู้จักกับ 4G ในแบบคร่าว ๆ เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนกัน
4G คืออะไร?
4G คือชื่อที่ใช้เรียกแทนยุคที่ 4 ของเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ โดยตัวอักษร G นั้นย่อมาจาก Generation ที่แปลว่ายุคสมัย ซึ่งก่อนหน้านี้มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ 1G, 2G และ 3G ที่คนไทยส่วนใหญ่ใช้กันในปัจจุบัน สำหรับความเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคมีดังนี้
1G = ยุคเริ่มต้นของโทรศัพท์มือถือ ใช้สัญญาณแบบอนาล็อกล้วน ๆ โทรคุยกันได้อย่างเดียว
2G = ยุคที่โทรศัพท์มือถือเริ่มมีการส่งข้อมูลแบบดิจิตอล เริ่มมีการส่งข้อความ SMS หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาให้สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วยเทคโนโลยีอย่าง GPRS และ EDGE ได้
3G = ยุคที่โทรศัพท์มือถือกลายเป็นสมาร์ตโฟนอย่างเต็มรูปแบบ สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยเทคโนโลยีอย่าง HSPA (หรือที่เราเห็นไอคอน H บนจอมือถือ)
4G = ยุคล่าสุดที่เปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยี LTE ซึ่งทำให้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วที่สูงกว่า 3G หลายเท่าตัว
ทั้งนี้แท้จริงแล้วในแต่ละยุคจะมีการพัฒนาแบบย่อย ๆ อีกมากมาย เช่น 2.5G 2.75G, 3.5G, 3.75G, 3.9G ซึ่งจะมีเทคโนโลยีที่ค่อนข้างหลากหลายกันออกไป
4G ดีกว่า 3G อย่างไร ?
จุดเด่นหลัก ๆ ที่ 4G ดีกว่า 3G ก็คือความเร็วอินเทอร์เน็ต โดย 3G จะมีความเร็วสูงสุดไม่ต่ำกว่า 200kbit/s หรือ 0.2Mbit/s ส่วน 4G จะมีความเร็วสูงสุดไม่ต่ำกว่า 100Mbit/s ทั้งนี้ความเร็วอินเทอรฺ์เน็ตไม่ว่าจะเป็น 3G หรือ 4G ล้วนขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ, แพ็กเกจที่ใช้ รวมทั้งจำนวนคนที่ใช้งานในพื้นที่และช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งสามารถเปรียบเทียบความเร็วตามแต่ละรูปแบบการใช้งานโดยประมาณได้ดังนี้
โหลดเกมขนาด 20MB
- 3G ใช้เวลา 3 นาที
- 4G ใช้เวลา 25 วินาที
สตรีมเพลง
- 3G ใช้เวลา 10 วินาที
- 4G ใช้เวลา 1 วินาที
สตรีมวิดีโอ SD
- 3G ใช้เวลา 20 วินาที
- 4G ใช้เวลา 1 วินาที
สตรีมวิดีโอ HD
- 3G ใช้เวลา 1-5 นาที
- 4G ใช้เวลา 30 วินาที
อัปโหลดรูปภาพ
- 3G ใช้เวลา 25 วินาที
- 4G ใช้เวลา 1 วินาที
อยากใช้ 4G ต้องทำอย่างไรบ้าง ?
การจะใช้งาน 4G นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่มีอุปกรณ์สมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตที่รองรับ 4G หรือ LTE และเปิดใช้งานแพ็กเกจ 4G ของเครือข่ายที่มีให้บริการ เท่านี้ก็สามารถสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับอินเทอร์เน็ตความเร็วระดับ 4G ได้แล้ว
ภาพจาก theneweconomy