10 มือถือน่าซื้อในงาน Thailand Mobile Expo 2019 รอบปลายปี

          10 มือถือน่าซื้อน่าใช้ในงาน Thailand Mobile Expo 2019 รอบปลายปี วันที่ 3-6 ตุลาคม 2562 ที่ไบเทค บางนา เช็กเลย มือถือน่าซื้อที่งาน Mobile Expo 2019 รุ่นไหนดี

          กลับมาอีกครั้งกับ Thailand Mobile Expo 2019 งานมหกรรมโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย รอบปลายปี 2019 จัดขึ้นวันที่ 3-6 ตุลาคม 2562 ที่ไบเทค บางนา ภายในงานยังคงคึกคักไปด้วยมือถือรุ่นใหม่ ๆ ที่ขนกันมาวางจำหน่ายหลายรุ่น พร้อมโปรโมชั่นโดน ๆ ของแถมเพียบ รวมถึงแก็ดเจ็ตสุดล้ำที่มีให้ได้ชมกันอย่างมากมาย

          สำหรับใครที่กำลังจะซื้อมือถือใหม่ หรือตัดสินใจไม่ถูกไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อรุ่นไหนดี วันนี้กระปุกดอทคอมมี 10 มือถือน่าซื้อในงาน Thailand Mobile Expo 2019 รอบปลายปี มาแนะนำ มีให้เลือกหลายราคา ส่วนจะมีรุ่นไหนบ้าง มาเช็กก่อนซื้อกันเลย

1. Huawei nova 5T

          มือถือเรือธงซีรีส์ nova จัดเต็มทั้งกล้องและสเปก เรียกได้ว่าเป็นมือถืออีกรุ่นที่คุ้มค่าน่าลอง ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.26 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ LCD ขอบจอโค้ง กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล ใช้ซีพียู Kirin 980 7nm พร้อม Dual NPU, แรม 8GB, หน่วยความจำ 128GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย EMUI 9.1, รองรับ GPU Turbo 3.0, กล้องหลัง 4 เลนส์ (Leica quad-lens) แบ่งเป็นเลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซล + 16 ล้านพิกเซล (Ultra-wide) + 2 ล้านพิกเซล เลนส์ 4cm macro + 2 ล้านพิกเซล (Depth), มีสแกนลายนิ้วมืออยู่ทีด้านข้างตัวเครื่อง, ดีไซน์ไล่เฉดสีด้วยวัสดุกระจก 3D และแบตเตอรี่ 3,750mAh รองรับชาร์จเร็ว 22.5 วัตต์ (Huawei SuperCharge) เคลมว่าสามารถชาร์จแบตเตอรี่ 0-50% ในเวลา 30 นาที

ราคา 10,990 บาท

2. Realme XT

          มือถือระดับกลาง กล้องหลัง 4 ตัว พร้อมความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล มาพร้อมหน้าจอ 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ AMOLED อัตราส่วนการแสดงผล 91.9% กระจก Corning Gorilla Glass 5, ซีพียู Snapdragon 712, แรมสูงสุด 8GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ColorOS 6.0, กล้องหลัง 4 ตัว แบ่งเป็น เลนส์หลัก 64 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.72″ Samsung GW1, f/1.8 + กล้อง 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 118 องศา (Ultra-wide) ขนาดพิกเซล 1.12μm, f/2.25 + กล้อง 2 ล้านพิกเซล (Depth sensor) และกล้อง 2 ล้านพิกเซล (4cm macro) ขนาดพิกเซล 1.75μm, f/2.4, ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ 3D ด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5, สแกนนิ้วบนหน้าจอใช้เซ็นเซอร์จาก GOODIX G3.0 และแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับ VOOC 3.0 fast charging ชาร์จ 55% ในเวลา 30 นาที

ราคา 10,999 บาท (แรม 8GB + 128GB)

3. Xiaomi Mi 9T Pro

          ยังคงเน้นไปที่ความคุ้มค่า สเปกแรงตามแบบฉบับ Xiaomi รุ่นนี้สเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.39 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+ คิดเป็นสัดส่วนพื้นที่การใช้งาน 91.9% ขอบบางเฉียบ 2.1 มิลลิเมตร, ซีพียู Snapdragon 855, แรมสูงสุด 8GB, ระบายความด้วยแผ่นกราไฟท์ 3 มิติ 8 ชั้นเพื่อการระบายความร้อนที่ดีขึ้น, มี Game Turbo 2.0, รัน Android Pie ครอบทับด้วย MIUI 10, กล้องหลัง 3 เลนส์ แบ่งเป็น 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586 + 8 ล้านพิกเซล เลนส์ Telephoto และ 13 ล้านพิกเซล เลนส์ Ultra-wide มุมกว้าง 124.8 องศา กล้องหน้าป๊อปอัพ 20 ล้านพิกเซล พร้อมฝาครอบเลนส์แซฟไฟร์ เคลมว่าใช้เวลาสไลด์กล้องแค่ 0.8 วินาที และกลไกของกล้องยังแข็งแรงผ่านการทดสอบมาแล้วกว่า 300,000 ครั้ง และรุ่นนี้มีแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 27 วัตต์ ชาร์จ 30 นาที ได้แบตเตอรี่ 58%

ราคา 13,990 บาท (แรม 6GB/64GB), 14,990 บาท (แรม 6GB/128GB)

4. Samsung Galaxy A50s

          เดินทางมาถึงประเทศไทยเรียบร้อย สำหรับมือถือระดับกลางที่อัปเกรดสเปกมาจากรุ่น Galaxy A50 มาพร้อมหน้าจอใหญ่ 6.4 นิ้ว Super AMOLED แบบ Infinity-U ติ่งทรงตัว U ความละเอียด Full HD+, ซีพียู Exynos 7 Series 9610 10nm, แรม 4GB/6GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB, รัน Android 9 Pie, แบตเตอรี่ 4,000mAh, ดีไซน์ตัวเครื่องแบบใหม่ ปรับโฉมลวดลายและสีสันที่ด้านหลังตัวเครื่อง อัปเกรดกล้องหลังเป็น 48 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องมุมกว้าง 8 ล้านพิกเซล 123 องศา และกล้องเก็บระยะความลึก 5 ล้านพิกเซล มีฟีเจอร์ Super Steady สำหรับกล้อง Ultra Wide ช่วยให้ถ่ายวิดีโอได้ดีขึ้น ลดการสั่นไหว

ราคา 10,990 บาท (แรม 6GB + 128GB)

5. Motorola One Action

          สำหรับใครที่อยากสัมผัสกับเพียวแอนดรอยด์ หน้าจอสวย ๆ กับมือถือระดับกลาง สเปกสุดคุ้มที่มาพร้อมหน้าจอ 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 21:9 CinemaVision LCD, ซีพียู Exynos 9609, แรม 4GB, หน่วยความจำ 128GB, รัน Android Pie, กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 3,500mAh รองรับชาร์จเร็ว 10 วัตต์ ส่วนกล้องหลัง 3 ตัว แบ่งเป็น 12 ล้านพิกเซล Phase Detection Autofocus (PDAF) + 16 ล้านพิกเซล เลนส์กว้าง Ultra-Wide รูรับแสง F/2.2 สามารถเก็บภาพมุมกว้าง 117 องศา มีระบบลดการสั่นไหวของวิดีโอ + 5 ล้านพิกเซล เลนส์ Depth รองรับเทคโนโลยี Quad Pixel ช่วยสำหรับการถ่ายภาพในที่แสงน้อย สามารถถ่ายวิดีโอมุมกว้างได้ ถึงแม้จะถือโทรศัพท์ในแนวตั้ง แต่ก็สามารถถ่ายวิดีโอแนวนอนได้

ราคา 6,990 บาท (แรม 4GB + 128GB)

6. OPPO A9 2020

          มือถือจอใหญ่ สเปกคุ้มค่ารุ่นใหม่ ในราคาที่ไม่ถึง 10,000 บาท กับสโลแกน "สเปกแรงสุด กล้องหลัง 4 ตัว" ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ Waterdrop Screen ขนาด 6.5 นิ้ว ดีไซน์แบบ 3D, ซีพียู Snapdragon 665 พร้อม Game Boost 2.0, แรมสูงสุด 8GB, มีกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล มาพร้อมโหมด Ultra Wide และ Ultra Night Mode 2.0 กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล พร้อมกับ AI Beauty 2.0 และตอบโจทย์ด้านความบันเทิงด้วยระบบเสียง Dolby Atmos พร้อมกับลำโพงสเตอริโอแบบคู่ และปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ 5,000mAh ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นได้

ราคา 8,990 บาท (แรม 8GB + 128GB)

7. Vivo V17 Pro

          ครั้งแรกของโลกกับมือถือ 6 กล้อง ซีรีส์ V รุ่นล่าสุดจาก Vivo มาพร้อมกล้องหน้าป๊อปอัพคู่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 105 องศา ช่วยให้ถ่ายภาพเซลฟี่มุมกว้างด้วย Super Wide Selfie และเซลฟี่กลางคืนได้สว่างไสวด้วย Super Night Mode ด้านสเปกของ Vivo V17 Pro มีหน้าจอขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ Super AMOLED, อัตราส่วน 20:9 Full View display อัตราส่วนการแสดงผล 91.65%, ซีพียู Snapdragon 675, แรม 8GB, รัน Android Pie ครอบทับด้วย Funtouch OS 9, กล้องหลัง 4 ตัว เลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซล, 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 120 องศา พร้อม 2.5cm Super Macro, 13 ล้านพิกเซล เลนส์ Telephoto รองรับซูมออปติคอล 2 เท่า และดิจิทัล 10 เท่า, 2 ล้านพิกเซล (Portrait), มีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และแบตเตอรี่ 4,100mAh รองรับชาร์จเร็ว 18 วัตต์ Dual-Engine Fast Charging

ราคา 12,999 บาท (แรม 8GB + 128GB)

8. Realme 5 Pro

          มือถือสเปกสุดคุ้มรุ่นใหม่จาก Realme ขวัญใจคนชอบเล่นเกม มาพร้อมหน้าจอ 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ติ่งหยดน้ำ (Dewdrop notch) คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 90.6% เสริมความแกร่งด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5, ซีพียู Snapdragon 712 10nm, แรมสูงสุด 8GB, รองรับ Hyperboost 2.0 เอาใจสายเกมมิ่ง และรัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ColorOS 6.0

          กล้องหลัง 4 ตัว แบ่งเป็น กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586, f/1.79, รองรับ AI Scene recognition + 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 119 องศา (Ultra-wide) + 2 ล้านพิกเซล (Depth sensor) + 2 ล้านพิกเซล (Sensor for 4cm macro), กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX471 เหมือนกับรุ่น Realme X วัสดุตัวเครื่องด้านหลังเป็นพลาสติกสีแบบ Holographic และลวดลาย Diamond Cut ใช้เทคนิคที่ทำให้เหมือนกับกระจก รวมถึงเคลือบสารกันน้ำอีกด้วย สำหรับรุ่นนี้มีแบตเตอรี่ 4,035mAh รองรับ VOOC 3.0 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 0-55% ในเวลา 30 นาที ผ่านพอร์ต USB Type-C

ราคา 8,999 บาท (แรม 8GB/128GB), 7,999 (แรม 4GB/128GB)

9. Black Shark 2 Pro

          มือถือเกมมิ่งรุ่นใหม่ที่สานต่อจาก Black Shark 2 พร้อมอัปเกรดสเปกใช้ซีพียู Snapdragon 855 Plus และหน่วยความจำแบบ UFS 3.0 รวมถึงปรับดีไซน์ตัวเครื่องใหม่เล็กน้อย โดยเฉพาะด้านหลังที่ออกแบบใหม่โดยได้แรงบันดาลใจจาก F1 รวมถึงเอฟเฟกต์แสงไฟแบบใหม่ มาพร้อมหน้าจอ 6.39 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+, รองรับ HDR, มีค่า touch latency อยู่ที่ 34.7ms (ของเดิม 43.5ms) รวมถึงมีการปรับอัลกอริทึมแบบสัมผัสโดยเฉพาะสำหรับการเล่นเกมและ DC dimming 2.0, ระบบระบายความร้อนรุ่นใหม่ Liquid cooling 3.0 ที่สามารถลดอุณหภูมิของซีพียูได้ถึง 14 องศาเซลเซียล, สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ, กล้องหลังคู่ 48 + 12 ล้านพิกเซล รองรับการซูม 2 เท่า แบบ Optical, กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 27 วัตต์ ชาร์จแค่ 5 นาที สามารถเล่นเกมได้ 30 นาที

ราคา 19,900 บาท (แรม 8GB/128GB), 23,900 (แรม 12GB/256GB)

10. OnePlus 7 Pro

          OnePlus แบรนด์มือถือเจ้าของฉายานักฆ่าเรือธง (Flagship Killer) OnePlus 7 Pro มือถือเรือธงรุ่นใหม่ สเปกจัดเต็มเหมือนเดิม พร้อมปรับโฉมดีไซน์ให้ดูสวยงามและพรีเมียมกว่าเดิม มาพร้อมหน้าจอใหญ่ไร้ติ่งขนาด 6.67 นิ้ว ใช้หน้าจอแบบใหม่ Fluid AMOLED ความละเอียด Quad HD+ มีอัตรารีเฟรช 90Hz และหน้าจอของ OnePlus 7 Pro ยังได้คะแนนที่ระดับ A+ ระดับเดียวกับ Galaxy S10+ และ Pixel 3 XL จาก DisplayMate อีกด้วย

          ด้านสเปกใช้ซีพียูยอดฮิต Snapdragon 855 แรม 6GB/8GB/12GB, หน่วยความจำ 128GB/256GB (UFS 3.0), ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว 10 ชั้น, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย OxygenOS 9.0, แบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับ Warp Charge 30 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 0 ถึง 48% ในเวลา 20 นาที, ลำโพงคู่สเตอริโอพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos และมีสแกนนิ้วมือบนหน้าจอที่มีความรวดเร็วโดยใช้เวลาในการปลดล็อกแค่ 0.21 วินาที

ราคา

          - แรม 6GB + 128GB ราคา 22,990 บาท
          - แรม 8GB + 256GB ราคา 24,990 บาท
          - แรม 12GB + 128GB ราคา 27,990 บาท

10 มือถือน่าซื้อในงาน Thailand Mobile Expo 2019 รอบกลางปี

5 เหตุผลที่ควรซื้อมือถือในงาน Thailand Mobile Expo 2019

หมายเหตุ: ราคามือถืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับร้านที่วางจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อทุกครั้ง

สนใจให้ Kapook.com รีวิวสินค้ามีสเปก จัดทำวิดีโอโปรโมต หรือ Content และ Social Marketing คลิกดูรายละเอียดกันเลย