แอบดูมือถือคนอื่น ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย เจ้าของเครื่องสามารถแจ้งความเอาผิดได้นะ รู้ยัง ?
.jpg)
ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน ซึ่งไม่ใช่เพียงเพราะสามารถใช้งานได้หลากหลาย แต่ข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อความแชต บัญชีโซเชียล รวมทั้งข้อมูลสำคัญด้านธุรกรรมและการเงิน ก็ล้วนเก็บไว้และสามารถเข้าถึงได้ในมือถือเครื่องเดียว จึงทำให้ต้องมีระบบด้านความปลอดภัยอย่างการตั้งรหัสผ่านหรือสแกนลายนิ้วมือ เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้นั่นเอง
แต่ถ้าหากมีการแอบลักลอบเข้ามือถือโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะเป็นการโดนแฮก คนที่เก็บมือถือได้ หรือคนรู้จักกันเปิดมือถือเราดูก็ตาม จะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ดังนี้
กรณีแอบเข้ามือถือหรือบัญชีโซเชียลของคนอื่น
การแอบเข้าโทรศัพท์มือถือหรือบัญชีโซเชียลของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการแฮกเข้าไปหรือรู้รหัสผ่านอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการเข้าใช้งานโดยมิชอบและถือเป็นพื้นที่ข้อมูลส่วนตัว จะเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 5 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีแอบเข้าถึงข้อมูลในมือถือคนอื่นที่ตั้งรหัสไว้
ถ้าหากมีการแอบเข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของผู้อื่น โดยที่มือถือเครื่องนั้นมีการตั้งรหัสป้องกันไว้ ไม่ว่าจะเป็นการแฮกรหัสผ่านหรือรู้รหัสผ่านอยู่แล้วก็ตาม จะเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 7 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ถ้าการกระทำนั้นก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของ อย่างเช่นทำให้เสียชื่อเสียง หรือใช้หลอกลวงผู้อื่น ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่นโดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ผู้เสียหายมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้ที่กระทำความผิดได้
จากข้อมูลดังกล่าวนี้ จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าคนที่แอบเข้ามือถือหรือโซเชียลของคนอื่นจะเป็นใครก็ตาม ก็ถือว่าผิดกฎหมายและเจ้าของเครื่องหรือเจ้าของบัญชีสามารถแจ้งความเพื่อดำเนินคดีได้ ส่วนในกรณีที่เป็นแฟนกัน หรือเป็นเพื่อนสนิท คนในครอบครัว อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของเครื่องว่าจะแจ้งความเอาผิดกับผู้กระทำหรือไม่
ขอบคุณข้อมูลจาก : ตำรวจสอบสวนกลาง
