แนะนำ 10 มือถือระดับกลางที่ดีที่สุด ปี 2019 มือถือระดับกลางสเปกคุ้มค่า ราคาถูก สำหรับคนที่มีงบจำกัด อยากได้มือถือรุ่นกลาง ๆ สเปกดี กล้องถ่ายถาพแจ่ม เช็กเลย
สำหรับตลาดมือถือในปัจจุบันโดยเฉพาะกลุ่มมือถือระดับกลางได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก นอกจากราคาที่ไม่แพงจนเกินไปแล้ว ฟีเจอร์การใช้งานต่าง ๆ ก็เพียงพอกับการใช้งานแบบครบจบในเครื่องเดียว ไม่จำเป็นต้องซื้อมือถือเรือธง แถมดีไซน์บางรุ่นก็ดูสวยโดดเด่นไม่แพ้กัน สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือระดับกลางที่ดีที่สุด ประจำปี 2019 แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกรุ่นไหนดี วันนี้กระปุกดอทคอมมี 10 มือถือระดับกลางที่ดีที่สุด มาให้เลือก ส่วนจะมีรุ่นไหนให้เลือกซื้อบ้าง มาติดตามกันเลย
มือถือระดับกลางที่โดดเด่นทั้งการเล่นเกมและถ่ายภาพด้วยกล้องหลังความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล เป็นรุ่นแรกของวงการ มาพร้อมหน้าจอ 6.53 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ LCD ขอบด้านบนแคบ 2.05 มม. ขอบซ้ายและขวาแคบ 1.8 มม. และขอบด้านล่าง 4.2 มม. คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 91.4% รวมถึงได้รับการรองรับจาก TÜV Rheinland เรื่องการถนอมสายตา นอกจากนี้ยังเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่ใช้ซีพียู MediaTek Helio G90T ออกแบบมาเพื่อสายเกมมิ่งโดยเฉพาะ พร้อมระบบระบายความร้อน Liquid Cooling ที่สามารถลดอุณหภูมิได้ 4 ถึง 6 องศา
มีกล้องหลัง 4 ตัว แบ่งเป็น 64 ล้านพิกเซล (ความละเอียด 9,248 x 6,936 พิกเซล) ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.7″ Samsung Samsung GW1 พร้อม ISOCELL Plus เทคโนโลยีที่ให้ความคมชัดของสีที่สูงขึ้นพร้อมกับการปรับปรุงความไวแสงสูงสุด 15% และ Smart ISO ด้วยเทคโนโลยี Dual Conversion Gain (DCG) ปรับความไวแสง ISO ตามความเข้มแสงสภาพแวดล้อมได้อย่างฉลาด กล้องตัวต่อมา 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 120 องศา, 2 ล้านพิกเซล (Depth sensor) และ 2 ล้านพิกเซล (2cm macro), กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล
ราคา 7,999 บาท (6GB/64GB), 8,999 บาท (6GB/128GB)
2. Redmi Note 8
มือถือระดับกลาง สเปกคุ้มค่า ราคาสุดประหยัด อัปเกรดหลาย ๆ ส่วนให้ดีกว่า Redmi Note 7 หน้าจอขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ LCD คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 90%, ได้รับการรองรับจาก TÜV Rheinland ช่วยเรื่องถนอมสายตา, ใช้ซีพียู Snapdragon 665 11nm, แรมสูงสุด 6GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB, กล้องหลังอัปเกรดเป็น 4 ตัว แบ่งเป็น 48 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี 4-in-1 pixel เพื่อการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี, 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 120 องศา, 2 ล้านพิกเซล (Depth sensor) และ 2 ล้านพิกเซล (2cm macro), กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล
ลำโพงได้รับการปรับปรุงให้เสียงดีขึ้น 40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน, มี Smart PA, สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังมีขนาดเล็กกว่ารุ่น Note 7 แต่ปลดล็อกได้เร็วขึ้น 30%, ตัวเครื่องใช้วัสดุ 2.5D Corning Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และเคลือบสารกันน้ำ พร้อมแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 18 วัตต์
ราคา
- แรม 3GB/32GB ราคา 4,999 บาท
- แรม 4GB/64GB ราคา 5,999 บาท
- แรม 4GB/128GB ราคา 6,999 บาท
3. Realme 5 Pro
มือถือสเปกสุดคุ้มรุ่นใหม่จาก Realme ขวัญใจคนชอบเล่นเกม มาพร้อมหน้าจอ 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ติ่งหยดน้ำ (Dewdrop notch) คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 90.6% เสริมความแกร่งด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5, ซีพียู Snapdragon 712 10nm, แรมสูงสุด 8GB, รองรับ Hyperboost 2.0 เอาใจสายเกมมิ่ง และรัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ColorOS 6.0
กล้องหลัง 4 ตัว แบ่งเป็น กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586, f/1.79, รองรับ AI Scene recognition + 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 119 องศา (Ultra-wide) + 2 ล้านพิกเซล (Depth sensor) + 2 ล้านพิกเซล (Sensor for 4cm macro), กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX471 เหมือนกับรุ่น Realme X วัสดุตัวเครื่องด้านหลังเป็นพลาสติกสีแบบ Holographic และลวดลาย Diamond Cut ใช้เทคนิคที่ทำให้เหมือนกับกระจก รวมถึงเคลือบสารกันน้ำอีกด้วย สำหรับรุ่นนี้มีแบตเตอรี่ 4,035mAh รองรับ VOOC 3.0 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 0-55% ในเวลา 30 นาที ผ่านพอร์ต USB Type-C
ราคา 8,999 บาท (แรม 8GB/128GB), 7,999 (แรม 4GB/128GB)
4. Realme 5
มือถือที่ปรับสเปกจากรุ่น Realme 5 Pro แต่ก็ยังคุ้มค่า โดยรุ่นนี้ชูจุดเด่นหน้าจอใหญ่ 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ติ่งหยดน้ำเล็ก ๆ คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 89% มีกล้องหลัง 4 ตัว พร้อมแบตเตอรี่ความจุมากถึง 5,000mAh สามารถสแตนด์บายได้ 29.9 วัน คุยต่อเนื่อง 49 ชั่วโมง ใช้ซีพียู Snapdragon 665 11nm แรมสูงสุด 4GB, หน่วยความจำ 32GB/64GB/128GB และรัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ColorOS 6.0
กล้องหลัง 4 ตัว แบ่งเป็น 12 ล้านพิกเซล, f/1.8, รองรับ AI Scene recognition + 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 119 องศา (Ultra-wide) + 2 ล้านพิกเซล (Depth sensor) + 2 ล้านพิกเซล (4cm macro) วัสดุตัวเครื่องด้านหลังเป็นพลาสติกสีแบบ Holographic และลวดลาย Crystal Design ใช้เทคนิคที่ทำให้เหมือนกับกระจก รวมถึงเคลือบสารกันน้ำ และมีแบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 10 วัตต์
ราคา 5,999 บาท (แรม 6GB/128GB), 4,599 บาท (แรม 3GB/64GB)
Mi 9 Lite หรือเวอร์ชั่นขายทั่วโลกที่มีสเปกเหมือนกับ Mi CC9 ที่ขายเฉพาะในประเทศจีน มาพร้อมหน้าจอ 6.39 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ AMOLED อัตราส่วนการแสดงผล 91%, ซีพียู Snapdragon 710 พร้อม Game Turbo 2.0, แรมสูงสุด 6GB, หน่วยความจำ 128GB, มีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ตัวเครื่องมีให้เลือก 3 สี คือ White Lover, Blue Planet และ Dark Prince กล้องหลัง 3 เลนส์ แบ่งเป็น 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586, f/1.79, 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 118 องศา (Ultra-wide angle) และ 2 ล้านพิกเซล (depth sensor) ส่วนกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ของซัมซุง ขนาดพิกเซล 1.6μm พร้อมโหมด AI beautify และแบตเตอรี่ 4,030mAh รองรับชาร์จเร็ว 18 วัตต์
ราคา 7,999 บาท (แรม 6GB/64GB), 8,999 บาท (แรม 6GB/128GB)
6. OPPO A9 2020
มือถือจอใหญ่ สเปกคุ้มค่ารุ่นใหม่ ในราคาที่ไม่ถึง 10,000 บาท กับสโลแกน "สเปกแรงสุด กล้องหลัง 4 ตัว" ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ Waterdrop Screen ขนาด 6.5 นิ้ว ดีไซน์แบบ 3D, ซีพียู Snapdragon 665 พร้อม Game Boost 2.0, แรมสูงสุด 8GB, มีกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล มาพร้อมโหมด Ultra Wide และ Ultra Night Mode 2.0 กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล พร้อมกับ AI Beauty 2.0 และตอบโจทย์ด้านความบันเทิงด้วยระบบเสียง Dolby Atmos พร้อมกับลำโพงสเตอริโอแบบคู่ และปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ 5,000mAh ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นได้
ราคา 8,990 บาท (แรม 8GB/128GB)
7. OPPO K3
มือถือระดับกลางซีรีส์ K ที่มีดีไซน์คล้ายกับรุ่น OPPO Reno ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.5 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+ ไม่มีติ่ง ขอบจอบางสวยงาม คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 91.1%, DC dimming, สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอรุ่นที่ 6 เร็วขึ้น 28.5%, ซีพียู Snapdragon 710, แรมสูงสุด 8GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB/256GB, มี GameBoost 2.0, รัน Android Pie ครอบทับด้วย Color OS 6.0 และมีกล้องหลังคู่ 16 + 2 ล้านพิกเซล พร้อม AI Portrait Mode, AI scene detection และ Ultra Clear Night View 2.0
กล้องหน้าของ OPPO K3 เป็นกล้องหน้าแบบป๊อปอัพ (Rising Camera) เหมือนกับ OPPO F11 Pro มีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ป๊อปอัพได้เร็วแค่ 0.74 วินาที และผ่านการทดสอบมาแล้วกว่า 200,000 ครั้ง ด้านดีไซน์ตัวเครื่องไล่เฉดสีแบบ 3D พร้อมลวดลายรูปตัว S ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ 3,765mAh รองรับชาร์จเร็ว VOOC 3.0
ราคา 9,990 บาท (แรม 8GB/128GB)
8. Vivo S1
มือถือซีรีส์ S สเปกน่าสนใจจาก Vivo ภายในคอนเซ็ปต์ "Unlock Your Style" มาพร้อมหน้าจอ 6.38 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด Full HD+, อัตราส่วน 19.5:9, คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 90%, ซีพียู Octa-Core MediaTek Helio P65 (MT6768), แรม 6GB, หน่วยความจำ 128GB, รัน Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย Funtouch OS 9, มีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอและสแกนใบหน้า (AI face unlock) แบตเตอรี่ 4,500mAh รองรับ Dual Engine fast charging 18 วัตต์
กล้องหลัง 3 ตัว แบ่งเป็น 16 ล้านพิกเซล, f/1.78, 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 120 องศา (wide-angle), f/2.2, 2 ล้านพิกเซล, f/2.4 ส่วนกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล, f/2.0 ด้านดีไซน์ตัวเครื่องใช้เทคนิคการเคลือบแบบนาโนอิออน ผสมผสานสีและเอฟเฟกต์เพื่อให้เกิดแสงสะท้อนทำให้ดูเด่นและสวยงาม
ราคา 8,999 บาท (แรม 6GB/128GB)
.jpg)
มือถือระดับกลางที่อัปเกรดสเปกมาจากรุ่น Galaxy A50 มาพร้อมหน้าจอใหญ่ 6.4 นิ้ว Super AMOLED แบบ Infinity-U ติ่งทรงตัว U ความละเอียด Full HD+, ซีพียู Exynos 7 Series 9610 10nm, แรม 4GB/6GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB, รัน Android 9 Pie, แบตเตอรี่ 4,000mAh, ดีไซน์ตัวเครื่องแบบใหม่ ปรับโฉมลวดลายและสีสันที่ด้านหลังตัวเครื่อง อัปเกรดกล้องหลังเป็น 48 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องมุมกว้าง 8 ล้านพิกเซล 123 องศา และกล้องเก็บระยะความลึก 5 ล้านพิกเซล มีฟีเจอร์ Super Steady สำหรับกล้อง Ultra Wide ช่วยให้ถ่ายวิดีโอได้ดีขึ้น ลดการสั่นไหว
ราคา 8,990 บาท (แรม 4GB/64GB)
10. Honor 20 Lite
ปิดท้ายด้วยมือถือแบรนด์ลูกของ Huawei ที่มีสเปกโดดเด่นไม่แพ้แบรนด์แม่ สำหรับรุ่นนี้เป็นมือถือระดับกลาง สเปกและดีไซน์เหมือนกับ Honor 20i ในประเทศจีน ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.21 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 90%, ซีพียู Kirin 710, แรม 4GB, หน่วยความจำ 128GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย EMUI 9.0, กล้องหลัง 3 ตัว แบ่งเป็นกล้องหลัก 24 ล้านพิกเซล + 2 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 120 องศา กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล พร้อม AI beautify ดีไซน์ตัวเครื่องไล่เฉดสีสวยงาม พร้อมสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง และใช้แบตเตอรี่ 3,400mAh
ราคา 7,990 บาท (แรม 4GB/128GB)
มีงบไม่เกิน 12,000 บาท ซื้อมือถือรุ่นไหนดี ปี 2019 เช็กเลย
หมายเหตุ: ราคามือถืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับร้านที่วางจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อทุกครั้ง
