แนะนำ 10 มือถือน่าซื้อ ROM 128GB ปี 2019 ราคาไม่เกิน 10,000 บาท มีมือถือรอม 128GB รุ่นไหนให้เลือกบ้าง สำหรับใครที่ต้องการมือถือพื้นที่เก็บข้อมูล 128GB ราคาถูก
หน่วยความจำ (ROM) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อมือถือ โดยเฉพาะในปัจจุบันหน่วยความจำ 64GB เริ่มไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เพราะแอปฯ ต่าง ๆ มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมถึงคนที่ชอบถ่ายภาพ ไม่อยากลบรูปเพื่อเคลียร์พื้นที่บ่อย ๆ การเลือกซื้อมือถือที่มีหน่วยความจำเยอะ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือ ROM 128GB ราคาไม่เกิน 10,000 บาท วันนี้เรามีมือถือ 10 รุ่น มาแนะนำ เพื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินซื้อได้ง่ายขึ้น
1. OPPO A9 2020
มือถือจอใหญ่ สเปกคุ้มค่ารุ่นใหม่ ในราคาที่ไม่ถึง 10,000 บาท กับสโลแกน "สเปกแรงสุด กล้องหลัง 4 ตัว" ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ Waterdrop Screen ขนาด 6.5 นิ้ว ดีไซน์แบบ 3D, ซีพียู Snapdragon 665 พร้อม Game Boost 2.0, แรมสูงสุด 8GB, มีกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล มาพร้อมโหมด Ultra Wide และ Ultra Night Mode 2.0 กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล พร้อมกับ AI Beauty 2.0 และตอบโจทย์ด้านความบันเทิงด้วยระบบเสียง Dolby Atmos พร้อมกับลำโพงสเตอริโอแบบคู่ และปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ 5,000mAh ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นได้
ราคา 8,990 บาท (แรม 8GB + 128GB)
2. Realme 5 Pro
มือถือสเปกสุดคุ้มรุ่นใหม่จาก Realme ขวัญใจคนชอบเล่นเกม มาพร้อมหน้าจอ 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ติ่งหยดน้ำ (Dewdrop notch) คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 90.6% เสริมความแกร่งด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5, ซีพียู Snapdragon 712 10nm, แรมสูงสุด 8GB, รองรับ Hyperboost 2.0 เอาใจสายเกมมิ่ง และรัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ColorOS 6.0
กล้องหลัง 4 ตัว แบ่งเป็น กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586, f/1.79, รองรับ AI Scene recognition + 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 119 องศา (Ultra-wide) + 2 ล้านพิกเซล (Depth sensor) + 2 ล้านพิกเซล (Sensor for 4cm macro), กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX471 เหมือนกับรุ่น Realme X วัสดุตัวเครื่องด้านหลังเป็นพลาสติกสีแบบ Holographic และลวดลาย Diamond Cut ใช้เทคนิคที่ทำให้เหมือนกับกระจก รวมถึงเคลือบสารกันน้ำอีกด้วย สำหรับรุ่นนี้มีแบตเตอรี่ 4,035mAh รองรับ VOOC 3.0 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 0-55% ในเวลา 30 นาที ผ่านพอร์ต USB Type-C
ราคา 8,999 บาท (แรม 8GB/128GB), 7,999 (แรม 4GB/128GB)
3. Realme 5
มือถือราคาประหยัดอีกปรับสเปกจากรุ่น Realme 5 Pro แต่ก็ยังคุ้มค่า โดยรุ่นนี้ชูจุดเด่นหน้าจอใหญ่ 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ติ่งหยดน้ำเล็ก ๆ คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 89% มีกล้องหลัง 4 ตัว พร้อมแบตเตอรี่ความจุมากถึง 5,000mAh สามารถสแตนด์บายได้ 29.9 วัน คุยต่อเนื่อง 49 ชั่วโมง ใช้ซีพียู Snapdragon 665 11nm แรมสูงสุด 4GB, หน่วยความจำ 32GB/64GB/128GB และรัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ColorOS 6.0
กล้องหลัง 4 ตัว แบ่งเป็น 12 ล้านพิกเซล, f/1.8, รองรับ AI Scene recognition + 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 119 องศา (Ultra-wide) + 2 ล้านพิกเซล (Depth sensor) + 2 ล้านพิกเซล (4cm macro) วัสดุตัวเครื่องด้านหลังเป็นพลาสติกสีแบบ Holographic และลวดลาย Crystal Design ใช้เทคนิคที่ทำให้เหมือนกับกระจก รวมถึงเคลือบสารกันน้ำ และมีแบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 10 วัตต์
ราคา 5,999 บาท (แรม 6GB/128GB)
มือถือระดับกลาง สเปกสุดคุ้ม มาพร้อมหน้าจอ 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 21:9 CinemaVision LCD, ซีพียู Exynos 9609, แรม 4GB, หน่วยความจำ 128GB, รัน Android Pie, กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 3,500mAh รองรับชาร์จเร็ว 10 วัตต์ กล้องหลัง 3 ตัว แบ่งเป็น 12 ล้านพิกเซล Phase Detection Autofocus (PDAF) + 16 ล้านพิกเซล เลนส์กว้าง Ultra-Wide รูรับแสง F/2.2 สามารถเก็บภาพมุมกว้าง 117 องศา มีระบบลดการสั่นไหวของวิดีโอ + 5 ล้านพิกเซล เลนส์ Depth รองรับเทคโนโลยี Quad Pixel ช่วยสำหรับการถ่ายภาพในที่แสงน้อย สามารถถ่ายวิดีโอมุมกว้างได้ ถึงแม้จะถือโทรศัพท์ในแนวตั้ง แต่ก็สามารถถ่ายวิดีโอแนวนอนได้
ราคา 6,990 บาท
5. OPPO K3
มือถือสำหรับชาวเกมมิ่งของ OPPO เป็นมือถือระดับกลาง มีดีไซน์คล้ายกับรุ่น OPPO Reno ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.5 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+ ไม่มีติ่ง ขอบจอบางสวยงาม คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 91.1%, DC dimming, สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอรุ่นที่ 6 เร็วขึ้น 28.5%, ซีพียู Snapdragon 710, แรมสูงสุด 8GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB/256GB, มี GameBoost 2.0, รัน Android Pie ครอบทับด้วย Color OS 6.0 และมีกล้องหลังคู่ 16 + 2 ล้านพิกเซล พร้อม AI Portrait Mode, AI scene detection และ Ultra Clear Night View 2.0
กล้องหน้าแบบป๊อปอัพ (Rising Camera) เหมือนกับ OPPO F11 Pro มีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ป๊อปอัพได้เร็วแค่ 0.74 วินาที และผ่านการทดสอบมาแล้วกว่า 200,000 ครั้ง ด้านดีไซน์ตัวเครื่องไล่เฉดสีแบบ 3D พร้อมลวดลายรูปตัว S ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ 3,765mAh รองรับชาร์จเร็ว VOOC 3.0
ราคา 9,990 บาท (แรม 8GB + 128GB)
6. Vivo S1
มือถือซีรีส์ S รุ่นใหม่ จาก Vivo ภายในคอนเซ็ปต์ "Unlock Your Style" มาพร้อมหน้าจอ 6.38 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด Full HD+, อัตราส่วน 19.5:9, คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 90%, ซีพียู Octa-Core MediaTek Helio P65 (MT6768), แรม 6GB, หน่วยความจำ 128GB, รัน Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย Funtouch OS 9, มีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอและสแกนใบหน้า (AI face unlock) แบตเตอรี่ 4,500mAh รองรับ Dual Engine fast charging 18 วัตต์
กล้องหลัง 3 ตัว แบ่งเป็น 16 ล้านพิกเซล, f/1.78, 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 120 องศา (wide-angle), f/2.2, 2 ล้านพิกเซล, f/2.4 ส่วนกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล, f/2.0 ด้านดีไซน์ตัวเครื่องใช้เทคนิคการเคลือบแบบนาโนอิออน ผสมผสานสีและเอฟเฟกต์เพื่อให้เกิดแสงสะท้อนทำให้ดูเด่นและสวยงาม
ราคา 8,999 บาท
7. Xiaomi Mi A3
มือถือที่เข้าร่วมโครงการ Android One ของ Google สานต่อจาก Xiaomi Mi A2 ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยรอบนี้ทาง Xiaomi ได้ยกดีไซน์และสเปกทั้งหมดมาจากรุ่น Xiaomi CC9e ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.088 นิ้ว ความละเอียด HD+ AMOLED, ซีพียู Snapdragon 665, แรม 4GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB (UFS 2.1), รัน Android 9.0 (Pie) แบบ Pure Android, สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอรุ่นที่ 7 เพิ่มพื้นที่การสแกนถึง 15%, กล้องหลัง 3 ตัว ตามสมัยนิยม แบ่งเป็น 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586, f/1.79, 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 118 องศา (Ultra-wide angle) และ 2 ล้านพิกเซล (depth sensor) ส่วนกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ของซัมซุง ขนาดพิกเซล 1.6μm พร้อมโหมด AI beautify
ราคา 7,999 บาท (แรม 4GB + 128GB)
8. OPPO F11 Pro
มือถือซีรีส์ F จาก OPPO มาพร้อมสโลแกน "Portrait สวย แม้แสงน้อย" มีกล้องหน้าสไลด์ (Rising Camera) 16 ล้านพิกเซล หน้าจอ 6.5 นิ้ว Panaromic Screen ไร้รอยบาก ขอบจอบางเฉียบสวยงาม ความละเอียด Full HD+, มีสัดส่วนพื้นที่การใช้งานถึง 90.9%, ซีพียู MediaTek Helio P70 12nm, แรม 6GB, หน่วยความจำ 64GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ColorOS 6.0, กล้องหลังคู่ 48 + 5 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด Ultra Night, Dazzle Color, AI Engine และ Ultra-clear Engine ที่สามารถถ่ายภาพ Portrait ได้ แม้อยู่ในที่แสงน้อย มีดีไซน์ฝาหลังที่สวยงามโดดเด่นด้วยเทคนิคการดีไซน์แบบ Triple-color Gradient ที่เป็นการนำสี 3 สีมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ออกมาเป็น 2 สี ได้แก่ สีดำ Thunder Black ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสีของสายฟ้า และสีเขียว Aurora Green แรงบันดาลใจจากแสงออโรร่าในยามค่ำคืน ส่วนแบตเตอรี่มีความจุ 4,000mAh รองรับ VOOC Flash Charge 3.0
ราคา 9,990 บาท
9. OPPO F11
มือถือที่ปรับสเปกบางส่วนจากรุ่น OPPO F11 Pro เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน ด้านสเปกมีหน้าจอ 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+, ติ่งทรงหยดน้ำ, มีสัดส่วนพื้นที่การใช้งาน 90.7%, กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล ซีพียู MediaTek Helio P70 12nm, แรมสูงสุด 6GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB, รัน Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย ColorOS 6.0, กล้องหลังคู่ 48 + 5 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด Ultra Night, Dazzle Color, AI Engine และ Ultra-clear Engine ที่สามารถถ่ายภาพ Portrait ได้ แม้อยู่ในที่แสงน้อย ส่วนแบตเตอรี่มีความจุ 4,020mAh รองรับ VOOC Flash Charge 3.0
ราคา 7,990 บาท (แรม 4GB + 128GB)
มือถือกล้องหน้าป๊อปอัพรุ่นแรกของ Huawei สเปกคุ้มกับราคาโดน ๆ มาพร้อมกล้องหน้าป๊อปอัพ 16 ล้านพิกเซล รองรับ AI สามารถป๊อปอัพได้อย่างรวดเร็วแค่ 1 วินาที รวมถึงยังมีความแข็งแรงทนทานสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 12 กิโลกรัม ผ่านการทดสอบกว่า 100,000 ครั้ง และทนทานต่ออุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส ถึง 60 องศาเซลเซียส เลยทีเดียว นอกจากนี้ตัวเครื่องยังปรับโฉมดีไซน์ใหม่ แทนที่จะเป็นการไล่เฉดสีเหมือนกับรุ่นอื่น ๆ ได้ปรับใหม่เป็นแบบทูโทน พร้อมขอบตัวเครื่องที่โค้งมนสวยงาม
ด้านสเปกมีหน้าจอขนาด 6.59 นิ้ว Ultra FullView Display ความละเอียด Full HD+, อัตราส่วน 19.5:9 ซีพียู Kirin 710F, แรม 4GB, หน่วยความจำ 128GB, รองรับ microSD card, รัน Android 9 Pie ครอบทับด้วย EMUI 9, กล้องหลัง 3 ตัว แบ่งออกเป็น 16 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล + 2 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 4,000mAh
ราคา 7,990 บาท
หมายเหตุ: ราคามือถืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับร้านที่วางจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อทุกครั้ง
