ทำความรู้จักกล้อง Time-of-Flight (ToF) ในมือถือ กล้อง ToF คืออะไร ทำให้การถ่ายภาพดีขึ้นได้อย่างไร
ช่วงหลัง ๆ นี้เราจะเห็นมือถือใหม่ ๆ บางรุ่นที่โฆษณาว่ามีกล้อง ToF ซึ่งหลายคนก็อาจจะยังงง ๆ กันอยู่เล็กน้อยว่าเจ้ากล้อง ToF นี้มันคืออะไร ทำอะไรได้ แล้วจะทำให้การถ่ายภาพดีขึ้นอย่างไรบ้าง วันนี้เราก็เลยจะมาอธิบายให้เข้าใจแบบง่าย ๆ กัน อ่านแล้วหายงงแน่นอน
กล้อง ToF ย่อมาจาก Time-of-Flight ทำหน้าที่สำหรับตรวจจับความลึกของวัตถุ โดยหลักการทำงานของมันก็คือการยิงแสงอินฟราเรดออกไปกระทบกับวัตถุต่าง ๆ ข้างหน้าแล้วย้อนกลับมาที่เลนส์กล้อง จากนั้นก็คำนวณระยะเวลาที่แสงอินฟราเรดใช้ในการพุ่งไป-กลับเพื่อประมวลผลออกมาเป็นความลึกของวัตถุแต่ละชิ้น ยิ่งแสงอินฟราเรดใช้เวลาในการเดินทางนานเท่าไรก็แปลว่าวัตถุยิ่งอยู่ไกลมากขึ้นเท่านั้น โดยมันสามารถวัดระยะของวัตถุได้หลายชิ้นพร้อมกันจากการยิงอินฟราเรดเพียงครั้งเดียว แถมยังสามารถทำงานได้ไม่ว่าจะอยู่ในที่มืดแค่ไหนก็ตามอีกด้วย
กล้อง ToF มีข้อดีคือสามารถทำงานได้รวดเร็ว ใช้เวลาประมวลผลน้อย ซึ่งสามารถนำไปใช้กับฟีเจอร์ที่ต้องทำงานแบบเรียลไทม์ได้ดี โดยทั่วไปแล้วกล้อง ToF สามารถนำไปใช้ได้กับหลากหลายฟีเจอร์ ไม่ว่าจะเป็นการสแกนวัตถุ 3D, ระบบนำทางภายในอาคาร, หลบหลีกสิ่งกีดขวาง, Gesture, ติดตามวัตถุ และฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี AR แต่ส่วนมากเรามักจะได้สัมผัสกันในฟีเจอร์การถ่ายภาพและวิดีโอมากกว่า
สำหรับการนำ ToF มาใช้ในการถ่ายภาพและวิดีโอนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งถ้าเป็นกล้องทั่วไปก็มักจะเบลอฉากหลังได้แค่ระดับเดียว คือตัวบุคคลหรือวัตถุจะชัด ส่วนฉากหลังจะเบลอเท่ากันทั้งภาพเลย แต่ด้วยกล้อง ToF นี้จะสามารถทำให้ฉากหลังเบลอได้หลายระดับ ขึ้นอยู่กับระยะห่างของแต่ละจุดในฉาก ทำให้ได้ภาพที่ออกมาดูมีมิติและสวยงามมากขึ้น และเนื่องจากกล้อง ToF นี้สามารถทำงานได้รวดเร็วถึง 160fps จึงสามารถนำไปใช้ในการถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างสบาย ๆ เลยทีเดียว
สำหรับในปัจจุบันปี 2019 ก็เริ่มมีมือถือที่มาพร้อมกล้อง ToF กันมากขึ้น โดยที่ออกมาแล้วก็มีหลายรุ่นหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Huawei P30 Pro, Samsung Galaxy S10 5G, OPPO RX17 Pro, Honor View 20 และ LG G8 ThinQ และไม่แน่ว่า iPhone 2020 ก็อาจจะมีกล้อง ToF ด้วยเช่นกัน
ข้อมูลจาก pocket-lint
