6 มือถือราคาไม่เกิน 3,000 บาท รุ่นไหนดี ช่วงปลายปี 2018

          แนะนำ 6 มือถือสุดคุ้ม ราคาถูก มือถือราคาไม่เกิน 3,000 บาท น่าซื้อ น่าใช้ ปลายปี 2018 มีรุ่นไหนให้เลือกซื้อบ้างกับมือถือราคาไม่เกิน 3,000 บาท มาติดตามกันเลย

          กลับมาอัปเดตตลาดมือถือที่มีราคาไม่เกิน 3,000 บาท ในช่วงปลายปี 2018 ต้องบอกว่ามือถือในช่วงราคาไม่เกิน 3,000 บาท ยังคงได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคา สเปก ฟีเจอร์การใช้งานที่จำเป็น ๆ ก็มีให้ใช้กันแบบครบถ้วน รวมถึงดีไซน์ตัวเครื่องก็ดูดี สวยเกินราคา เรียกว่าเป็นมือถือราคาสุดคุ้มของคนที่มีงบจำกัดเลยก็ว่าได้

          วันนี้กระปุกดอทคอมมี 6 มือถือราคาไม่เกิน 3,000 บาท อัปเดตใหม่ ช่วงปลายปี 2018 มาแนะนำ ถ้าพร้อมแล้ว มาดูกันเลยว่ามีรุ่นไหนให้เลือกซื้อบ้าง

1. Moto E5 Play

          มือถือซีรีส์ E เวอร์ชั่นรัน Android Oreo (Go Edition) ปรับสเปกใหม่ เน้นเจาะกลุ่มผู้ใช้งานระดับเริ่มต้น ที่มีงบประมาณจำกัด เน้นใช้งานทั่วไป มาพร้อมหน้าจอ 5.34 นิ้ว ความละเอียด FWVGA+ อัตราส่วน 18:9 ซีพียู Snapdragon 425, แรม 1GB, หน่วยความจำ 16GB, รองรับ microSD สูงสุด 128GB, กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 2,100mAh

ราคา 2,888 บาท

2. Wiko Lenny5

          มือถือดีไซน์พรีเมียม ครบเครื่องทุกการใช้งาน ในราคาคุ้มค่า มาพร้อมหน้าจอใหญ่ขนาด 5.7 นิ้ว จับถนัดมือ ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 18:9 กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง F/2.0  และโหมดถ่ายภาพ  Auto-HDR และ Face Beauty เพิ่มมิติของเสียงให้ดังและใสยิ่งขึ้นด้วยลำโพงคู่ ใช้ซีพียู MediaTek MT6580 Quad-Core 1.3GHz, หน่วยความจำ 16GB, แรม 1GB เพิ่มหน่วยความจำภายนอก MicroSD ได้ถึง 64GB และรันระบบปฏิบัติการ Android 8 Oreo (Go Edition) รองรับ 2 ซิมการ์ด แบตเตอรี่ความจุ 2,800mAh ตัวเครื่องมีให้เลือกถึง 4 สี ได้แก่ Anthracite, Gold, Bleen และ Cherry Red

ราคา 2,890 บาท

3. Wiko Sunny 3 Plus

          มือถือสำหรับคนประหยัดงบอีกรุ่นจาก Wiko มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo (Go Edition) ตัวเครื่องดีไซน์สวยงามขนาดพอดีมือ ให้มุมมองภาพที่กว้างในอัตราส่วน 18:9 บนหน้าจอขนาด 5.45 นิ้ว ซีพียู Quad-Core 1.3GHz, Cortex-A7, จีพียู Mali 400MP2, แรม 1GB, หน่วยความจำ 8GB, รองรับ microSD สูงสุด 64GB, กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล, แบตเตอรี่ 2,200mAh ตัวเครื่องมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Anthracite, Silver Blue, Gold, Cherry Red

ราคา 2,090 บาท

4. Wiko Jerry 3

          มือถือราคาถูก ระดับเริ่มต้นของ Wiko ที่อัปเกรดมาจาก Wiko Jerry 2 โดยรุ่นนี้ได้เปลี่ยนมาใช้หน้าจออัตราส่วน 18:9 แต่ยังคงไว้ด้วยตัวเครื่องขนาดกะทัดรัด จับถนัดมือ สะดวกในการพกพา หน้าจอขนาด 5.45 นิ้ว IPS, ซีพียู Quad-Core 1.3GHz, แรม 1GB, หน่วยความจำ 16GB, กล้องหน้า-หลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมเซลฟีแฟลช, รัน Android Oreo (Go Edition) ระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาเพื่อมือถือสเปกต่ำโดยเฉพาะ, แบตเตอรี่ 2,500mAh และดีไซน์ตัวเครื่องมีการปรับโฉมใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้น

ราคา 2,590 บาท

5. Huawei Y3 2018

          มือถือรุ่นเล็กในซีรีส์ Y สานต่อจาก Huawei Y3 2017 พร้อมชูจุดเด่นด้วยระบบปฏิบัติการ Android Oreo (Go edition) เป็นระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาเพื่อมือถือสเปกต่ำ ใช้ทรัพยากรของเครื่องน้อย ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 5 นิ้ว ความละเอียด 854 x 480 พิกเซล, ซีพียู MediaTek MT6737M, แรม 1GB, หน่วยความจำ 8GB, รองรับ microSD card, แบตเตอรี่ความจุ 2,280mAh, กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล

ราคา 2,990 บาท

6. Nokia 1

          ปิดท้ายด้วยมือถือที่ให้ครบทุกประสบการณ์สมาร์ตโฟนจากโนเกียในเครื่องเดียว มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android Oreo (Go edition) ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ที่มีแรมขนาด 1GB หรือต่ำกว่านั้นได้อย่างดี โดย Nokia 1 ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างลื่นไหลและตอบสนองต่อผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็ว ด้านสเปกใช้ซีพียู MediaTek MT6737M Quad-Core 1.1GHz, หน้าจอ IPS 4.5 นิ้ว ความละเอียด 480 x 854 พิกเซล, แรม 1GB, หน่วยความจำ eMMC 8GB, รองรับ microSD สูงสุด 128GB, รองรับสองซิม, มีวิทยุ FM ในตัว และแบตเตอรี่ 2,150mAh สามารถถอดเปลี่ยนได้

ราคา 2,740 บาท

5 มือถือราคาไม่เกิน 3,000 บาท ช่วงต้นปี 2018 เลือกรุ่นไหนดี

หมายเหตุ: ราคามือถืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับร้านที่วางจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อทุกครั้ง