10 มือถือน่าใช้ เดือนพฤศจิกายน 2563 รุ่นไหนน่าซื้อ เช็กเลย

          แนะนำมือถือเดือนพฤศจิกายน 2563 น่าซื้อ น่าใช้ สำหรับคนกำลังมองหามือถือใหม่ มีมือถือน่าซื้อเดือนพฤศจิกายน 2020 ให้เลือกหลายราคา รุ่นไหนสเปกคุ้ม ราคาถูก เช็กก่อนซื้อเลย 

          กลับมาอัปเดต โทรศัพท์ มือถือน่าซื้อประจำเดือนกันอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน 2563 และเดือนนี้ก็มีมือถือน่าซื้อหลายรุ่นเลยทีเดียว มีทั้งรุ่นที่เปิดตัวใหม่และรุ่นที่ยังคงได้รับความนิยมตั้งแต่เดือนก่อน ๆ สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือใหม่ หากกำลังตัดสินใจไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อรุ่นไหนดี ก็ลองพิจารณาดูจากทั้ง 10 รุ่นนี้ได้เลย มีหลายราคาหลายระดับให้เลือกตามต้องการ

1. iPhone 12 Series

ภาพจาก apple.com

          iPhone 12 Series มาพร้อมกับจอภาพแบบ Super Retina XDR ที่สว่างกว่า ลื่นกว่า และหน้าจอก็ทนทานกว่าด้วย Ceramic Shield อีกทั้งยังมาพร้อมกับชิปประมวลผล A14 Bionic ซึ่งเป็นชิปที่เร็วที่สุดในบรรดาสมาร์ตโฟนทั้งหมด รองรับเทคโนโลยี 5G นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์ Smart Data mode ที่ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ ช่วยลดการใช้ดาต้า ความเร็ว ในเวลาที่ไม่จำเป็น แบบนาทีต่อนาที รวมทั้งมาพร้อมกับระบบ MagSafe ซึ่งเป็นการชาร์จมือถือแบบไร้สาย เพียงวางเอาไว้แล้วแม่เหล็กจะดูดและชาร์จมือถือได้ง่ายทันใจ

          - iPhone 12 ราคาเริ่มต้นประมาณ 25,000 บาท
          - iPhone 12 mini ราคาเริ่มต้นประมาณ 22,000 บาท
          - iPhone 12 Pro ราคาเริ่มต้นประมาณ 31,000 บาท
          - iPhone 12 Pro Max ราคาเริ่มต้นประมาณ 33,000 บาท

2. Samsung Galaxy S20 FE

ภาพจาก samsung.com

          มือถือรุ่นย่อยในซีรีส์ Galaxy S20 ที่มีราคาย่อมเยากว่าเดิม เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น โดยมาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว FHD+ รองรับ Refresh Rate 120Hz ใช้ชิป Octa-Core ความเร็ว 2.7-2.8GHz แรมสูงสุด 8GB ความจุสูงสุด 256GB มีกล้องหลัง 3 เลนส์ 12MP ซูมได้สูงสุด 30x กล้องหน้า 32MP แบตเตอรี่ 4500mAh รองรับการแชร์แบตเตอรี่ และรัน Android 10 ครอบทับด้วย ONE UI 2

          - รุ่น LTE 128GB ราคา 20,900 บาท
          - รุ่น 5G 128GB ราคา 23,900 บาท
          - รุ่น 5G 256GB ราคา 25,900 บาท  

3. OnePlus 8T

ภาพจาก oneplus.com

          มือถือเรือธงรุ่นปลายปีที่ได้มีการอัปเกรดสเปกส่วนต่าง ๆ ให้ดีและแรงขึ้นกว่าเดิม โดยประกอบไปด้วย หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.55 นิ้ว FHD+ รองรับ Refresh Rate 120Hz ใช้ชิป Snapdragon 865 แรมเลือกได้สูงสุด 12GB ความจุสูงสุด 256GB มาพร้อมกล้องหลัง 4 เลนส์ 48MP กล้องหน้า 16MP รองรับ 5G และ Wi-Fi 6 มีแบตเตอรี่ขนาด 4500mAh ที่รองรับชาร์จเร็วถึง 65W และรัน Android 11 ครอบทับด้วย OxygenOS 11

          - รุ่น 8GB/128GB ราคา 24,990 บาท
          - รุ่น 12GB/256GB ราคา 29,990 บาท

4. ASUS ROG Phone 3

ภาพจาก asus.com

          มือถือเกมมิ่งสเปกสุดแรงที่มีจุดเด่นหลัก ๆ เลยก็คือ AirTrigger 3 ที่เป็นเสมือนปุ่ม L/R บนจอยเกมได้มีการพัฒนาให้รองรับการสั่งการมากขึ้นนอกเหนือจากการกด ได้แก่ การแตะ แตะค้าง ปัด ลาก และอื่น ๆ ที่ทำให้สามารถใช้ตั้งคำสั่งในการควบคุมเกมได้หลากหลายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ก็ยังรองรับการควบคุมแบบ Motion ด้วยการเอียงหรือเขย่าตัวเครื่องอีกด้วย สำหรับสเปกอื่น ๆ ก็มีหน้าจอ OLED 6.59 นิ้ว ที่รองรับการตอบสนองรวดเร็ว ทั้ง Refresh Rate 144Hz, Touch-sampling Rate 270Hz, Touch Latency 25ms และ Side Latency 18ms ใช้ชิป Snapdragon 865+ แรมสูงสุด 16GB ความจุ 512GB แบตเตอรี่ใหญ่สะใจถึง 6000mAh ส่วนกล้องหลังก็จัดมาให้ถึง 3 เลนส์ 64MP กับกล้องหน้า 24MP

          ราคา 32,990 บาท

5. OPPO Reno 4 Z 5G

ภาพจาก oppo.com

          มือถือรุ่นย่อยในตระกูล Reno 4 ที่มาพร้อมจุดเด่นเป็นหน้าจอ Refresh Rate 120Hz เป็นจอ LCD ขนาด 6.57 นิ้ว FHD+ และใช้ชิป Dimensity 800 รองรับ 5G สำหรับสเปกอื่น ๆ ก็จัดมาให้ไม่ใช่น้อย ประกอบไปด้วย แรม 8GB ความจุ 128GB กล้องหลัง 4 เลนส์ 48MP กล้องหน้าคู่ 16MP แบตเตอรี่ 4000mAh รองรับชาร์จเร็ว 18W และรัน Android 10 ครอบทับด้วย ColorOS 7.2

          ราคา 12,990 บาท

6. Xiaomi Mi 10T / Mi 10T Pro

ภาพจาก mi.com

          รุ่นท็อปสุดอย่าง Mi 10T Pro จะมาพร้อมจัดเต็มทั้งหน้าที่รองรับ Refresh Rate 144Hz ใช้ชิปตัวแรง Snapdragon 865 มีแรมสูงสุด 8GB ความจุสูงสุด 256GB กล้องหลัง 3 เลนส์ 108MP ถ่ายวิดีโอ 8K ได้ กล้องหน้า 20MP แบตเตอรี่ 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W และรัน Android 10 ครอบทับด้วย MIUI 12 ส่วนรุ่นรองอย่าง Mi 10T จะมีสเปกส่วนใหญ่เหมือนกัน ต่างกันเฉพาะบางจุด เช่น กล้องหลัก 64MP ความจุสูงสุด 128GB

          - Xiaomi Mi 10T ราคา 12,900 บาท
          - Xiaomi Mi 10T Pro 8GB/128GB ราคา 13,900 บาท
          - Xiaomi Mi 10T Pro 8GB/256GB ราคา 15,900 บาท

7. Vivo V20

ภาพจาก vivo.com

          มือถือรุ่นรองของ Vivo V20 Pro ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน โดยจะมีสเปกต่ำกว่าบางส่วน และราคาก็น่าจะถูกกว่าหน่อย โดยสเปกประกอบไปด้วย หน้าจอ AMOLED 6.44 นิ้ว FHD+ ใช้ชิป Snapdragon 720G แรม 8GB ความจุ 128GB มาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ 64MP กล้องหน้าเลนส์เดียว 44MP แบตเตอรี่ 4000mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W และรัน Android 11 ครอบทับด้วย Funtouch 11

          ราคา 11,999 บาท

8. Sony Xperia 1 II

ภาพจาก sony-asia.com

          มือถือรุ่นเรือธงตัวใหม่ที่ใช้ซีพียู Snapdragon รุ่นใหม่, กล้อง 3 ตัว รุ่นปรับปรุง และรองรับ 5G สเปกประกอบไปด้วย หน้าจอขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว อัตราส่วน 21:9 รีเฟรชเรต 90Hz แบบขอบบาง, ซีพียู Qualcomm Snapdragon 865 แรม 8GB ความจุเครื่อง 256GB เพิ่ม microSDXC ได้สูงสุด 1TB ระบบปฏิบัติการ Android 10.0 กล้อง 3 ตัว เลนส์ Zeiss ได้แก่ เลนส์ Wide 12 ล้านพิกเซล, เลนส์ Telephoto 12 ล้านพิกเซล และเลนส์ Ultrawide 12 ล้านพิกเซล ร่วมกับเลนส์ Depth TOF มีระบบกันสั่น OIS ซูมภาพแบบ Optical ได้ 3 เท่า และกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล

          ราคา 35,990 บาท

9. Xiaomi POCO X3 NFC

ภาพจาก mi.com

          มือถือแบรนด์ลูกรุ่นใหม่ที่ยังคงเน้นสเปกคุ้ม ๆ ราคาเบา ๆ ตามแบบฉบับของแบรนด์ POCO โดยมาพร้อมหน้าจอ LCD 6.67 นิ้ว FHD+ Refresh Rate 120Hz และ Touch-sampling Rate 240Hz ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 732G มีแรม 6GB ความจุเลือกได้ 64GB/12GB สามารถใส่ microSD เพิ่มได้ ส่วนกล้องหลังของ POCO X3 NFC ก็จัดมาให้ถึง 4 เลนส์ โดยมีเลนส์หลัก 64GB กล้องหน้า 20MP เป็นแบบ Punch-hole เจาะรูกลางจอ สำหรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะอยู่ด้านข้างตัวเครื่อง แบตเตอรี่ขนาด 5160mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W และรัน Android 10 ครอบทับด้วย MIUI 12

          - รุ่น 6GB/64GB ราคา 6,999 บาท
          - รุ่น 6GB/128GB ราคา 7,999 บาท

10. Samsung Galaxy Note 20 Series

ภาพจาก samsung.com

          มือถือตัวท็อปรุ่นใหม่ล่าสุด มีแบ่งออกเป็น 2 รุ่น คือ Galaxy Note 20 และ Galaxy Note 20 Ultra ซึ่งทั้ง 2 รุ่นจะมีดีไซน์คล้ายกัน แตกต่างกันตรงที่ Note 20 จะเป็นหน้าจอแบบแบน ส่วน Note 20 Ultra จะเป็นหน้าจอแบบขอบข้างโค้ง และมีขนาดจอที่ใหญ่กว่า ส่วนสเปกนั้นแน่นอนว่า Galaxy Note 20 Ultra จะมีสเปกที่สูงกว่า สำหรับฟีเจอร์และจุดเด่นหลัก ๆ ก็มีตั้งแต่ปากกา S-Pen ที่ถูกปรับปรุงให้ตอบสนองการเขียนได้เร็วขึ้น โดย S-Pen ของ Galaxy Note 20 จะมี Latency ลดลงเหลือเพียง 26ms ส่วนของ Galaxy Note 20 Ultra จะมี Latency 9ms และกล้องก็มีโหมด Pro Video ที่สามารถปรับความไวในการซูมได้ รวมทั้งสามารถใช้ไมโครโฟน Bluetooth สำหรับบันทึกเสียง และเลือกปรับความดังของเสียงได้อีกด้วย

          - Galaxy Note 20 4G 256GB ราคา 29,990 บาท
          - Galaxy Note 20 5G 256GB ราคา 33,990 บาท
          - Galaxy Note 20 Ultra 4G 256GB ราคา 38,990 บาท
          - Galaxy Note 20 Ultra 4G 512GB ราคา 42,990 บาท
          - Galaxy Note 20 Ultra 5G 256GB ราคา 42,990 บาท
          - Galaxy Note 20 Ultra 5G 512GB ราคา 46,990 บาท

10 มือถือน่าใช้ เดือนตุลาคม 2563 รุ่นไหนน่าซื้อ เช็กเลย

หมายเหตุ: ราคามือถืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับร้านที่วางจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อทุกครั้ง