10 มือถือ สำหรับคนที่มีงบไม่เกิน 9,000 บาท ซื้อรุ่นไหนดี

          แนะนำ 10 มือถือน่าซื้อ สำหรับคนที่มีงบ 9,000 บาท ไม่รู้ว่าจะซื้อมือถือรุ่นไหนดี ปี 2018 มีมือถือราคาไม่เกิน 9,000 บาท รุ่นไหนให้เลือกบ้าง มาดูกัน

          สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือใหม่ แต่มีงบจำกัดไม่เกิน 9,000 บาท อยากได้มือถือที่มีสเปกคุ้มค่า เน้นการใช้งานทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกรุ่นไหนดี วันนี้กระปุกดอทคอมมี 10 มือถือน่าซื้อ น่าใช้ สำหรับคนที่มีงบ 9,000 บาท มาแนะนำ ส่วนจะมีรุ่นไหนให้เลือกซื้อบ้าง มาติดตามกันเลย

1. Realme 2 Pro

          Realme แบรนด์ลูกของ OPPO ส่งมือถือรุ่นใหม่สู่ประเทศไทย มาพร้อมหน้าจอทรงหยดน้ำตามสมัยนิยม โดยทาง Realme เรียกหน้าจอแบบใหม่นี้ว่า Dewdrop Full Screen มีขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ มีพื้นที่การใช้งาน 90.8%, กระจก Gorilla Glass, ซีพียู Snapdragon 660 AIE, แรม 6GB, หน่วยความจำ 64GB, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย ColorOS 5.2, กล้องหลังคู่ 16 + 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7, มี AI scene recognition, กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล พร้อม AI Beauty และแบตเตอรี่ 3,500mAh

ราคา 6,590 บาท (แรม 4GB + 64GB), 8,990 บาท (แรม 8GB + 128GB)

2. Huawei Y9 2019

          มือถือ 4 กล้องรุ่นใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่ มาพร้อมดีไซน์ 3D ARC ขอบตัวเครื่องโค้งมนสวยงาม พร้อมไล่เฉดสีตัวเครื่องตามสมัยนิยม หน้าจอใหญ่ 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+, ซีพียู Kirin 710 พร้อมเทคโนโลยี GPU Turbo, แรม 4GB, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย EMUI 8.2, กล้องหน้า 16 + 2 ล้านพิกเซล, กล้องหลัง 13 + 2 ล้านพิกเซล รองรับเทคโนโลยี AI, มีสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint 4.0) ด้านหลังตัวเครื่อง เคลมว่าปลดล็อกได้เร็วแค่ 0.3 วินาที และแบตเตอรี่ 4,000mAh

ราคา 6,990 บาท (แรม 4GB + 64GB)

3. OPPO A7

          มือถือซีรีส์ A รุ่นใหม่ มาพร้อมหน้าจอ 6.2 นิ้ว ขอบจอบางเฉียบ พร้อมติ่งรูปหยดน้ำ (Waterdrop Screen) ความละเอียด HD+ สัดส่วนพื้นที่แสดงผล 88.4% โดยรุ่นนี้ชูจุดเด่นในเรื่องหน้าจอใหญ่ แบตเตอรี่อึด ดีไซน์สวยด้วยสีทองสว่าง (Glaring Gold) และสีน้ำเงินเข้ม (Glaze Blue) พร้อมลวดลายที่ด้านหลังตัวเครื่องทำให้ดูพรีเมียมยิ่งขึ้น และยังเคลือบสาร Anti-reflective coating มาบนฝาหลังสามารถเพิ่มความสว่างถึง 37% และไม่ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต จากวัสดุแมกนีเซียมที่ใช้ช่วยป้องกันความร้อนจากแบตเตอรี่ขณะการใช้งานได้เป็นอย่างดี

          ด้านสเปกใช้ซีพียู Snapdragon 450, แรม 4GB, หน่วยความจำ 64GB, รองรับ microSD, รัน Android 8.1 Oreo ครอบทับด้วย ColorOS 5.2, กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล รองรับเทคโนโลยี AI beauty, กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด HDR ให้การเซลฟี่ของคุณชัดและสว่างขึ้นแม้สภาวะที่มีแสงน้อย และเพิ่มความสนุกด้วย AR Stickers

ราคา 7,990 บาท

4. Samsung Galaxy J6+

          มือถือสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพจากทุกฟังก์ชัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการทำงานหรือความบันเทิง มาพร้อมแรม 4GB หน่วยความจำ 64GB สามารถเพิ่ม microSD Card สูงสุดถึง 512GB ช่วยให้การทำงานรวดเร็วและลื่นไหล สามารถเล่นเกม ROV หรือดูหนังสตรีมมิ่งออนไลน์ ได้อย่างลื่นไหล รักษาข้อมูลส่วนตัวด้วยการสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มด้านข้าง หรือ สแกนด้วยใบหน้า (Face Detection) กล้องหลังคู่ความละเอียด 13 + 5 ล้านพิกเซล ช่วยให้ถ่ายรูปได้เหมือนมืออาชีพ สามารถถ่ายภาพบุคคล (Portrait) แบบหน้าชัดหลังเบลอหรือทำ Art Bokeh ละลายหลังเป็นรูปร่างได้ถึง 10 แบบ กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.9 พร้อมฟีเจอร์ Adjustable LED Flash แฟลชปรับระดับไฟได้ ให้ภาพเซลฟี่สวยแบบจัดเต็ม พร้อมโหมด AR Sticker สติ๊กเกอร์ตกแต่งเพิ่มความสนุกสนานให้กับการถ่ายภาพมากขึ้นแบบไม่เหมือนใคร โดยใช้เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า (Face Recognition) รวมถึงฟิลเตอร์แต่งภาพสุดอาร์ตเพิ่มความประทับใจให้โมเมนต์สำคัญในความทรงจำ ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี คือ สีแดงกับสีเทา

ราคา 6,990 บาท

5. Xiaomi Redmi Note 6 Pro

          มือถือราคาประหยัดรุ่นใหม่ เปิดตัวครั้งแรกที่งาน Thailand Mobile Expo 2018 ชูจุดเด่นกล้องคู่หน้าและหลัง พร้อมราคาสุดโดนใจ มาพร้อมหน้าจอ 6.26 นิ้ว ด้วยการดีไซน์แบบ Full Screen อัตราส่วน 19:9 มีความขอบโค้งมนของขอบหน้าจอ ใช้ซีพียู Snapdragon636 Octa-Core, แรม 4GB, หน่วยความจำ 64GB, รัน Android ครอบทับด้วย MIUI, มีสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง และแบตเตอรี่ 4,000mAh เคลมว่าสามารถใช้งานได้มากกว่า 1 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

          สำหรับรุ่นนี้ใช้กล้องด้านหลังคู่ ความละเอียด 12 + 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI มี AI Scene dectction, โหมดภาพถ่ายคน (AI Portrait 2.0) และการถ่ายภาพแบบเบลอ โดยผู้ใช้สามารถออกแบบรูปร่างหรือหมุนแสงโบเก้ (Bokeh) ได้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ใช้เซ็นเซอร์ระดับไฮเอนด์ ด้วยเทคโนโลยี Dual Pixel Autofocus พิกเซลขนาดใหญ่ 1.4μm (2PD) ให้ภาพที่สว่างคมชัดและมีความละเอียดสูงแม้ถ่ายในเวลากลางคืน กล้องหน้าคู่ ความละเอียด 20 + 2 ล้านพิกเซล

ราคา 6,990 บาท

6. Nokia 6.1 Plus

          มือถือที่เข้าร่วมโครงการ Android One ของ Google ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo แบบ Pure Android ไม่มีอินเทอร์เฟซมาครอบทับ การันตีการอัปเดตระบบปฏิบัติการ และความปลอดภัยเป็นประจำเป็นเวลา 2 ปี ส่วนด้านสเปกก็เหมือนกับรุ่น Nokia X6 มาพร้อมหน้าจอ 5.8 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ พร้อมติ่ง (Notch) อัตราส่วน 19:9 ดีไซน์ตัวเครื่องสวยงามดูหรูหรา โดยใช้วัสดุที่เป็นกระจกถึง 95% และโลหะเป็นเฟรม ใช้ซีพียู Snapdragon 636, แรม 4GB, หน่วยความจำ 64GB, รองรับ microSD สูงสุด 400GB, รองรับ Dual VoLTE และแบตเตอรี่ 3,060mAh รองรับ Quick Charge 3.0 ชาร์จจาก 0-50% ใน 30 นาที

ราคา 8,990 บาท

7. Samsung Galaxy J8

          มือถือกล้องคู่ แบตเตอรี่อึด ชูจุดเด่นภาพสวย เสียงดี เซลฟี่จัดเต็ม พร้อมของพิเศษจาก BNK48 ที่เหล่าโอตะต้องลุ้น ด้านสเปกใช้หน้าจอ Infinity Display Super AMOLED ขนาด 6.0 นิ้ว ความละเอียด HD+, ซีพียู Snapdragon 450 Octa-core 1.8GHz, จีพียู Adreno 506, แรม 3GB, หน่วยความจำ 32GB, รองรับ microSD สูงสุด 256GB, รัน Android 8.0 (Oreo), ระบบเสียง Dolby Atmos พร้อมมิติใหม่แห่งการเซลฟี่ที่สวยคมชัด ด้วยกล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 16 ล้านพิกเซล และกล้องหลังคู่คุณภาพสูง 16 และ 5 ล้านพิกเซล ส่วนรุ่นนี้มีแบตเตอรี่ 3,500mAh

ราคา 6,490 บาท

8. Xiaomi Mi A2

          มือถือที่เข้าร่วมโครงการ Android One ของ Google สานต่อจาก Xiaomi Mi A1 ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 8.1 (Oreo) แบบ Pure Android (ไม่มีอินเทอร์เฟซมาครอบทับ) และรองรับการอัปเดตเวอร์ชั่นใหม่จาก Google โดยตรง พร้อมการันตีอัปเดต Android P อีกด้วย มาพร้อมหน้าจอ 5.99 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 18:9, ซีพียู Snapdragon 660 AIE, แรม 4GB/6GB, หน่วยความจำ 32GB/64GB/128GB, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย MIUI 9, กล้องหลังคู่ 12 ล้านพิกเซล, f/1.75, เซ็นเซอร์ Sony IMX486 กล้องตัวที่สอง 20 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX376 รองรับการถ่ายภาพ Portrait และมีเทคโนโลยี AI ที่ช่วยแยกซีนการถ่ายภาพถึง 206 แบบ จาก 24 ประเภท กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX376 พร้อม soft LED flash และเทคโนโลยี AI beautification ช่วยปรับแต่งภาพเซลฟี่ให้สวยงามยิ่งขึ้น และรองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า

ราคา 8,990 บาท (แรม 4GB + 64GB)

9. vivo Y85

          มือถือซีรีส์ Y จาก vivo มาพร้อมหน้าจอ 6.22 นิ้ว FullView Display อัตราส่วน 19:9 ความละเอียด HD+, ซีพียู MediaTek Helio P22 (MTK6762) Octa-Core ความเร็ว 2.0GHz, จีพียู IMG PowerVR GE8320, แรม 4GB, หน่วยความจำ 32GB, รองรับ microSD สูงสุด 256GB, รัน Android 8.1 ครอบทับด้วย Funtouch OS 4.0, มีทั้งสแกนลายนิ้วมือและสแกนใบหน้า, กล้องหลัง 13 + 2 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล, ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี คือ สีดำกับสีแดง และแบตเตอรี่ 3,260mAh

ราคา 6,999 บาท

10. OPPO A3s

          มือถือซีรีส์ A ราคาประหยัด ระดับเริ่มต้น ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.2 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 19:9 มีรอยบาก (notch) คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 87.8% ใช้ซีพียู Snapdragon 450, แรม 3GB, หน่วยความจำ 32GB, รัน Android 8.1 (Oreo) ครอบทับด้วย ColorOS 5.1, กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด portrait, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล พร้อม AI Beauty 2.0 และรองรับการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกเครื่อง (ไม่มีสแกนลายนิ้วมือ) แบตเตอรี่ 4,230mAh เคลมว่าสามารถเล่นวิดีโอนาน 14 ชั่วโมง และเล่นเกมต่อเนื่องนาน 11 ชั่วโมง

ราคา 6,990 บาท

หมายเหตุ: ราคามือถืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับร้านที่วางจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อทุกครั้ง

มีงบ 8,000 บาท ซื้อมือถือรุ่นไหนดี ปี 2018

มีงบ 10,000 บาท ซื้อมือถือรุ่นไหนดี ปี 2018

6 มือถือราคาไม่เกิน 3,000 บาท รุ่นไหนดี ช่วงปลายปี 2018