มาดู 10 ความแตกต่างระหว่าง iPhone XR กับ iPhone XS ที่คุณควรรู้ก่อนซื้อ iPhone XR มีจุดไหนบ้างที่แตกต่างกัน แนะนำให้อ่านก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ
ก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับ iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR หลายบทความด้วยกัน สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านสามารถติดตามได้ ไม่ว่าจะเป็น iPhone X กับ iPhone XR ต่างกันยังไงบ้าง ซื้อรุ่นไหนดีกว่า ?, 5 เหตุผลที่ iPhone XR น่าซื้อมากกว่า iPhone XS จากนักรีวิวชื่อดัง และซื้อ iPhone XS/XS Max/XR ต้องตรวจดูอะไรบ้าง ก่อนออกจากร้าน เป็นต้น
ส่วนวันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปดู 10 ความแตกต่างระหว่าง iPhone XR กับ iPhone XS ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ iPhone ทั้งสองรุ่นนี้ มาดูกันว่ามีจุดไหนที่แตกต่างกันบ้าง เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
1. หน้าจอ LCD
ลองถามใจตัวเองดูว่าจำเป็นไหม ? ที่จะต้องเสียเงินเกือบ 30,000 บาท เพื่อซื้อมือถือที่ใช้แค่หน้าจอ LCD ทั้งที่ในตลาดมือถือราคาระดับนี้น่าจะได้จอ Full HD ภาพสวยคมชัด สวยกว่านี้แน่นอน สำหรับ iPhone XR มาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 6.1 นิ้ว โดยแอปเปิลได้ตั้งชื่อเรียกให้เท่ ๆ ว่า หน้าจอ Liquid Retina ความละเอียดระดับ HD และประหยัดพลัง แต่ถ้าเทียบกับหน้าจอ OLED ของ iPhone XS ที่เป็นหน้าจอแบบ Super Retina มีความคมชัดสูงกว่า ให้สีสันที่สวยงามดูเนียนตากว่า
2. ความละเอียดของหน้าจอ
สำหรับหน้าจอของ iPhone XR มีความละเอียด 1,792 x 828 พิกเซล (326ppi) น้อยกว่า เมื่อเทียบกับความละเอียดหน้าจอของ iPhone XS ที่ 2,436 x 1,125 พิกเซล (458ppi) ที่มีความหนาแน่นของพิกเซลในการแสดงผลมากกว่า แถมยังให้ภาพและสีสันที่มีความคมชัดมากกว่าอีกด้วย
3. ไม่มี 3D Touch
เชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีหรือไม่มีก็ได้ เพราะสำหรับบางคน 3D Touch เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ไม่ค่อยได้ใช้งานกันบน iPhone อยู่แล้ว และบน iPhone XR ก็ไม่มี 3D Touch มาให้ใช้งาน แต่ถูกแทนที่ด้วยระบบ Haptic Touch ที่สามารถใช้งานผ่าน Control Center ได้คล้าย ๆ กับ 3D Touch โดยการแตะค้างที่ฟังก์ชันที่ต้องการใช้งาน ระบบจะสั่นให้อารมณ์เหมือนกำลังใช้งาน 3D Touch
4. ตัวเครื่องหนากว่า
เมื่อลองเอาตัวเครื่องของ iPhone XR มาเทียบกับ iPhone XS พบว่ามีขนาดตัวเครื่องที่หนากว่า โดยขนาดตัวเครื่องของ iPhone XR มีความหนา 8.3 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับ iPhone XS มีความหนาเพียง 7.7 มิลลิเมตร โดยมีความหนาต่างกันประมาณ 0.6 มิลลิเมตร
5. ขอบหน้าจอที่หนากว่า
ขอบหน้าจอหนาเป็นอีกเรื่องที่เหล่าแฟน ๆ แอปเปิลไม่ค่อยปลื้ม iPhone XR มากนัก ถึงแม้ว่า iPhone ทั้ง 2 รุ่นจะใช้ดีไซน์เหมือนกัน หน้าจอแบบเต็มขอบ ไม่มีปุ่มโฮม แต่จุดที่เห็นได้ชัดก็คือหน้าจอของ iPhone XR ที่มีความหนากว่า iPhone XS โดยมีขนาดกว้างประมาณ 4 มิลลิเมตร
6. ไม่มีกล้องคู่
iPhone XR มาพร้อมกล้องหลังเพียงตัวเดียว มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/1.8 รองรับ Digital zoom 5 เท่า และสามารถถ่ายภาพ Portrait รวมถึงปรับระยะความลึกได้ แต่ไม่รองรับการซูมแบบ 2 เท่า เหมือนกับ iPhone XS ที่ใช้เลนส์ Telephoto รวมถึงโหมดจัดแสงที่มีให้เลือกน้อยกว่าอีกด้วย
7. วัสดุกระจกด้านหลังไม่ทนทาน
สำหรับ iPhone XR และ iPhone XS ด้านหน้าจะใช้วัสดุกระจกที่เหมือนกัน มีความทนทานในระดับเดียวกัน แต่ด้านหลังของ iPhone XR จะเป็นวัสดุกระจกเกรดเดียวกับกระจกด้านหลังของ iPhone 8 ทำให้มีความทนทานน้อยกว่า
8. ขอบอะลูมิเนียม
อีกหนึ่งจุดในเรื่องวัสดุที่ทำให้ iPhone XR แตกต่างจาก iPhone XS ก็คือ ขอบของตัวเครื่อง โดย iPhone XR ขอบจะเป็นอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับยานอวกาศ ส่วน iPhone XS ขอบจะเป็นจะเป็นสเตนเลสเกรดเดียวกับเครื่องมือผ่าตัด สำหรับคนที่ชอบความหรูหรา พรีเมียมดูเหมือนขอบสเตนเลสจะดูดีมีราศีกว่า แต่ใครที่ชอบขอบอะลูมิเนียมที่มีให้เลือกหลากหลายสีสัน ก็คงต้องเลือก iPhone XR
9. ยังไม่มีเคสขายจากแอปเปิล
ถึงแม้จะเปิดตัวพร้อมกับ iPhone XS และ XS Max แต่ iPhone XR ก็ยังไม่มีเคสวางขายบนเว็บไซต์ทางการของแอปเปิล ในขณะที่ iPhone XS มีเคสให้เลือกมากมายหลายแบบ ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือว่า แอปเปิลจะเปิดตัวเคสใสสำหรับ iPhone XR เพื่อให้โชว์สีสันได้อย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนข่าวจะไม่เป็นความจริง สำหรับใครที่ต้องการเคสของ iPhone XR คงต้องเลือกซื้อจากผู้ผลิตภายนอกแทน
10. กันน้ำแค่ IP67
iPhone XR มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำและกันฝุ่น IP67 ที่สามารถกันน้ำได้ลึกสูงสุด 1 เมตร เป็นเวลา 30 นาที ในขณะที่ iPhone XS มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำและกันฝุ่น IP68 ที่สามารถกันน้ำได้ลึกสูงสุด 2 เมตร เป็นเวลา 30 นาที ถือว่าเป็นอีกจุดที่ทำให้ iPhone XR แตกต่างจาก iPhone XS
และทั้งหมดคือข้อแตกต่างบางส่วนของ iPhone XR กับ iPhone XS แน่นอนว่าบางข้อก็ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอุปสรรคของคนที่ต้องการใช้งาน ข้อดีของ iPhone XR ก็มีอยู่ไม่น้อย เพราะฉะนั้นใครที่กำลังจะซื้อ iPhone XR ลองอ่านบทความนี้แล้วลองพิจารณาและตัดสินใจดูว่า คุณจะเลือกซื้อรุ่นไหนดี ?