แนะนำ 11 วิธีประหยัดแบตเตอรี่ สำหรับ Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge ที่คุณหรือใครก็ทำได้
สำหรับใครที่ใช้ Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge แล้วเจอปัญหาเรื่องแบตเตอรี่หมดเร็วกว่าปกติ โดยวันนี้กระปุกดอทคอมได้นำเทคนิคในการยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ออกไปให้ยาวนานที่สุด ด้วย 11 วิธีประหยัดแบตเตอรี่อย่างง่าย ๆ ที่คุณหรือใครก็ทำได้ จากเว็บไซต์ phonearena.com มาแนะนำให้ลองทำกัน มาดูกันเลยว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง
1. ปรับความสว่างหน้าจอให้เป็น Auto
ในการปรับหน้าจอสมาร์ทโฟนให้สว่างมาก ๆ นั้น ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วก่อนกำหนดได้ และยังอาจจะส่งผลต่อสายตาผู้ใช้อีกด้วย แม้จะทำให้ภาพบนหน้าจอดูชัดขึ้นก็จริง ซึ่งผู้ใช้ควรปรับความสว่างลงให้ได้ระดับพอมองเห็นอย่างสบายตา หรือเลือกตั้งค่าแบบ Auto (อัตโนมัติ) เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่มือถือคุณได้แล้ว
2. ปิดฟีเจอร์ Smart stay
อีกหนึ่งความสามารถของ Samsung Galaxy S6 และ S6 edge ก็คือ Smart stay ฟีเจอร์ที่ช่วยให้หน้าจอมือถือของคุณเปิดตลอดเวลาในขณะที่เรากำลังอ่านข้อความ หรือทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่โดยหน้าจอไม่ดับ หรือมืดลง แม้จะไม่สัมผัสหน้าจอก็ตาม ซึ่งถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าปกติ เนื่องจากฟีเจอร์นี้ทำงานอยู่ตลอดเวลานั่นเอง หากเห็นว่าไม่จำเป็นควรปิดการใช้งาน เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ให้ใช้ได้ยาวนานขึ้น
3. ไม่ใช้ Wallpaper หรือภาพพื้นหลังสีขาว
Samsung Galaxy S6 และ S6 edge นั้น มาพร้อมกับหน้าจอที่มีความละเอียดสูงถึง Quad HD Super AMOLED ซึ่งให้ภาพคมชัด แต่ตรงกันข้ามในด้านการใช้งานนั้น ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กินแบตฯ มากขึ้น ซึ่งจอ OLED จะใช้พลังงานแบตเตอรี่กว่าปกติเมื่อภาพบนจอเป็นสีขาวสว่าง ๆ โดยผู้ใช้ควรเปลี่ยนไปใช้ wallpaper หรือภาพพื้นหลังที่เป็นโทนสีมืด ๆ ดำ ๆ ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดแบตฯ มากกว่าเดิม
4. ไม่ใช้ Live Wallpaper
เพราะการตั้งภาพพื้นหลังแบบ Live Wallpaper นั้น ทำให้ตัวเครื่องทำงานอยู่ตลอดเวลาแม้หน้าจอมือถือของคุณจะปิดอยู่ก็ตาม ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่หมดไว
5. เปิดโหมด Negative colors
การเปิดโหมด Negative colors หรือสีแบบเนกาทีฟ (คล้าย ๆ กับสีของภาพที่ปรากฏบนฟิล์มถ่ายรูป) จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขึ้นกว่าเดิม โดยการเปิดโหมดดังกล่าวนั้น ส่วนใหญ่จะใช้ในยามฉุกเฉินเท่านั้น สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าไปตั้งค่าเปิดการใช้งานได้ที่ Settings > Accessibility > Vision > Negative colors แตะเพื่อเลือกเปิดการทำงาน ตามภาพประกอบ
6. ใช้ธีมที่มีโทนสีดำ หรือมืด ๆ
หลังจากเปิดโหมด Negative colors หรือสีแบบเนกาทีฟไปแล้ว อาจเลือกใช้ธีมที่มีสีดำ ๆ หรือมืด ๆ จะช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้เช่นกัน โดยธีมต่าง ๆ สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ฟรีที่ Theme Store ของ Samsung เพียงเท่านี้่ คุณก็สามารถใช้งานได้อย่างสบายตา และประหยัดพลังงานแบตฯ ไปอีกด้วย
7. เปิดโหมด Greyscale
การเปิดโหมด Greyscale หรือการปรับสีหน้าจอของ Samsung Galaxy S6 และ S6 edge ให้กลายเป็นขาว-ดำ ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานไปได้พอสมควร เพราะหน้าจอ Super AMOLED ทุกรุ่นจะกินไฟน้อยกับสีดำนั่นเอง สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings > Accessibility > Vision > Greyscale และแตะเพื่อเลือกเปิดการทำงาน ตามภาพประกอบ
8. เปิดโหมดประหยัดพลังงาน (Power saving mode)
สำหรับการเปิดโหมด Power saving mode นั้น ผู้ใช้สมาร์ทโฟนหลายคนคงจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว เพราะมันจะช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ ด้วยการจำกัดการใช้งานต่าง ๆ ภายในเครื่อง ซึ่งฟีเจอร์ดังกล่าวมีคนนิยมใช้กันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเวลาที่แบตฯ เหลือน้อย สำหรับผู้ที่ต้องการจะเปิดโหมดดังกล่าว สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings > Battery > Power saving mode และแตะ On เพื่อเลือกเปิดการทำงาน ตามภาพประกอบ
9. ปิดฟีเจอร์ Motions and gestures
สำหรับฟีเจอร์ Motions and gestures หรือคำสั่งการเปิดใช้งานฟังก์ชั่นต่าง ๆ เกี่ยวกับการใช้ระบบเซ็นเซอร์ทำงานแทนการสัมผัสบนหน้าจอ หรือตัวเครื่องไม่ว่าจะเป็นการใช้มือปัดไปมา เพื่อรับสายโทรศัพท์ หรือจับภาพหน้าจอ ซึ่งหากคุณปิดฟีเจอร์ในโหมดดังกล่าวทั้งหมด ตัวเครื่องก็จะช่วยลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ได้เยอะขึ้นกว่าเดิม
10. ตั้งค่าการค้นหา Wi-Fi
สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S6 และ S6 edge ที่ต้องการเปิดใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือผ่าน Wi-Fi ควรตั้งค่าการค้นหาสัญญาณอินเทอร์เน็ตไวไฟ หรือ Always allow scanning ใหม่ โดยเปลี่ยนจาก Scan Always ให้เริ่มต้นที่ Scan only while Wi-Fi is on แทน เนื่องจากฟังก์ชั่นดังกล่าวจะทำงานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งส่งผลให้ตัวเครื่องใช้พลังงานแบตเตอรี่มากขึ้น สามารถเข้าไปตั้งค่าเริ่มต้นการค้นหาไวไฟได้ที่ Settings > Wi-Fi > More > Always allow scanning. และเลือกตามภาพประกอบ
11. ปิดแอพฯ ที่เปิดค้างไว้ให้หมด
ปิดแอพพลิเคชั่นที่ถูกเปิดค้างไว้ให้หมด ด้วยการคลิกปุ่มคำสั่งปิดแอพฯ บนหน้าจอ ซึ่งการเปิดแอพฯ ต่าง ๆ พร้อมกันเยอะ ๆ ค้างไว้เป็นเวลานาน ทำให้เครื่องทำงานหนัก และส่งผลให้แบตเตอรี่มือถือของคุณหมดเร็วกว่าปกติ
ขอบคุณภาพประกอบจาก phonearena.com